เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 28 มกราคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี นายวิชา มหาคุณ กรรมการและโฆษกป.ป.ช. แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ ว่า ตามที่คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติให้ดำเนินการไต่สวนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในกรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ที่ก่อให้เกิดความเสียหายที่เห็นได้อย่างชัดเจน รวมทั้งป.ป.ช.เคยมีหนังสือเตือนไปแล้วถึง 2 ครั้ง
อันเป็นมูลความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น แต่ป.ป.ช.พบว่ากรณีดังกล่าวได้มีคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 146 คน ร้องขอให้ถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่ง ในการดำเนินการนโยบายรับจำนำข้าว ส่งผลขาดทุนกระทบต่อการส่งออกข้าว ระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ไม่เป็นความจริงอันเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ทั้งสองเรื่องจึงเป็นกรณีกล่าวหาในประเด็นเดียวกันคือ การดำเนินนโยบายจำนำข้าวที่ไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ และไม่ระงับยับยั้ง อันอาจเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่
“คณะกรรมการป.ป.ช.จึงมีมติให้รวมเรื่องทั้งสอง เพื่อไต่สวนในคราวเดียวกัน โดยจะดำเนินการไต่สวน ควบคู่กันไปทั้งคำร้องขอให้ถอดถอน และคำร้องขอให้ดำเนินคดีอาญา มีคณะกรรมการป.ป.ช.เป็นองค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริง โดยมีตน และนายประสาท พงษ์ศิวาภัย เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวน ซึ่งคณะกรรมการป.ป.ช. จะได้ดำเนินการไต่สวนให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ซึ่งขณะนี้ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป.ป.ช. ได้ลงนามในคำสั่งไต่สวนเรียบร้อยแล้ว ภายในสัปดาห์นี้จะแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้น.ส.ยิ่งลักษณ์รับทราบว่า จะคัดค้านหรือไม่” นายวิชากล่าว
นายวิชากล่าวว่า คดีที่สังคมให้ความสนใจและสอบถามถึงความคืบหน้าเสมอคือ กรณีทุจริตการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2552-2553 ตามที่มีการร้องเรียนโดยส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่กล่าวหาร้องเรียนนางพรทิวา นาคาศัย ในสมัยดำรงตำแหน่งรมว.พาณิชย์ และประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว และคณะทำงานว่า กระทำผิดฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ในการประมูลขายข้าวออกต่างประเทศ เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประมูลซื้อข้าวในราคาถูกกว่าราคาตลาด และยังมีคนร้องเรียนกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี สมัยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรองประธานกขช. นางพรทิวา สมัยดำรงตำแหน่งรมว.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย สมัยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ฐานทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และพวกมาให้ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการถอดถอนนางพรวิทา กรณีทุจริตในโครงการระบายข้าวสารของรัฐบาล รวมทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอส) ก็ได้ส่งหนังสือให้ไต่สวนโครงการระบายสินค้าเกษตรข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล เพื่อให้พิจารณาจำนวน 2 เรื่อง โดยป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการป.ป.ช.ทั้งชุดในการไต่สวนคดีนี้ อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ไม่ถูกร้องให้ถอดถอน มีเพียงเป็นนางพรทิวาที่ถูกร้องให้ถอดถอน ส่วนนายอภิสิทธิ์ถูกร้องให้ดำเนินคดีอาญา ดังนั้น ทางป.ป.ช.ได้ดำเนินการไต่สวนไปรพร้อมกัน ทั้งกรณีของนายอภิสิทธิ์และนางพรทิวา โดยถือเป็นเรื่องเดียวกัน
นายวิชากล่าวว่า คณะกรรมการป.ป.ช.ได้ไต่สวนทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ กรมการค้าต่างประเทศ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) อดีตกรรมการระบายข้าว และบุคคลอื่น ๆ อีก รวม 25 ราย โดยดำเนินการเรียกมาไต่สวนทุกวัน ไม่ได้หยุด พร้อมพยาน และยังมีหนังสือขอทราบข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารหลักฐานไปยังหน่วยงานต่างๆ 16 แห่ง แต่ปรากฎว่า มีหน่วยงานบางหน่วยไม่ส่งให้ โดยอ้างว่า เอกสารเหล่านั้นถูกน้ำท่วมไปเมื่อปี 2554 ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงมีหนังเสือเตือนไปยังหน่วยงานเหล่านั้นแล้ว โดยเฉพาะองค์การคลังสินค้า (อคส.) เจ้าเดิมที่มีปัญหาเรื่องการจัดส่งเอกสารในการระบายข้าวสาร ซึ่งป.ป.ช.เห็นใจ เพราะเป็นเรื่องการระบายข้าวตั้งแต่ปี 2552 – 2553 โดยบางหน่วยงานก็ได้ระบุว่า ไม่สามารถส่งเอกสารให้ได้เพราะมีการขนย้ายเอกสารหลักฐานในช่วงน้ำท่วมทั้งในกทม.และต่างจังหวัด นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานที่ยังส่งเอกสารให้ไม่ครบคือ กระทรวงพาณิชย์ อตก. และล่าสุดอ้างว่า ไม่สามารถเข้าทำงาน
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ