บอร์ดกสทช.เคาะ 'ทีวีดิจิตอล' ขวางช่องเกี่ยวข้องการเมืองร่วม

เอมพงศ์ บุญญานุพงศ์ ศูนย์ข่าว TCIJ 1 ต.ค. 2555 | อ่านแล้ว 1914 ครั้ง

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารกสท.ว่า ที่ประชุม กสท.มีมติเป็นเอกฉันท์ร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตเพิ่มเติมในส่วนการให้บริการโทรทัศน์ประเภทใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล กำหน โดยกำหนดสัดส่วนช่องรายการชุมชน 20 เปอร์เซนต์ ช่องรายการสาธารณะ 20 เปอร์เซนต์ และช่องรายการธุรกิจ 60 เปอร์เซ็นต์

 

ที่ประชุมมีมติสรุปช่องรายการดิจิตอลทีวีของประเทศไทย ก่อนนำเสนอต่อ กสทช.พิจารณา โดยแบ่งเป็นช่องชุมชน 12 ช่อง ช่องสาธารณะ 12 ช่อง และช่องธุรกิจ 36 ช่อง โดยได้ปรับช่องธุรกิจเป็น 24 ช่อง แบ่งเป็น กลุ่ม 1 รายการเด็ก/ เยาวชน/ ครอบครัว 5 ช่อง กลุ่ม 2 รายการข่าวสาร/ สาธารณประโยชน์ 5 ช่อง กลุ่ม 3 รายการทั่วไป( สแตนด์ดาส เดฟิเนชั่น) 10 ช่อง และกลุ่ม 4 รายการทั่วไป (ไฮเดฟิเนชั่น) 4 ช่อง เนื่องจาก 1 ช่องไฮเดฟ เท่ากับ 3 ช่องรายการทั่วไป

 

พ.อ.นทีกล่าวว่า สำหรับช่องสาธารณะจะเริ่มเปิดประมูลใบอนุญาตให้บริการ หรือ ไลเซ่นส์ ช่วงเดือน ธ.ค.2555 ส่วนช่องชุมชนจะเป็นช่วงปลายปี 2556 เนื่องจากต้องรอความพร้อมด้านโครงข่ายการเข้าถึงให้เรียบร้อยก่อน ขณะที่ช่องรายการธุรกิจระบบดิจิตอล จะอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2556 โดยไลเซ่นส์ช่องรายการจะมีอายุ 15 ปี ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดใหญ่ กสทช.ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้

 

ทั้งนี้กสท.ได้สรุปค่าธรรมเนียมไลเซ่นส์ ประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์แล้วในอัตรา 2 เปอร์เซนต์จากรายได้ และจะเริ่มมีผลทันทีกับผู้ได้รับไลเซ่นส์ ที่จะออกเดือนตุลาคม ทั้งกิจการที่ไม่ใช่คลื่นความถี่ คือ เคเบิลทีวี และทีวีดาวเทียม และในระบบดิจิตอลที่จะให้ไลเซ่นส์ได้ก่อน คือ ช่องรายการสาธารณะ และผู้ให้บริการโครงข่ายเพื่อรวบรวมช่องรายการ (มัลติเพลกเซอร์) โดยใช้วิธีคัดเลือกแบบบิวตี้ คอนเทสต์

 

 

           “ยืนยันว่า 2 เปอร์เซนต์ ไม่ใช่อัตราที่แพงเกินไปตามที่ผู้ประกอบการท้วงติง เพราะผลการศึกษาของกสท. เห็นว่าควรเก็บที่ 5 เปอร์เซนต์ แต่อัตรา 2 เปอร์เซนต์ ก็เป็นอัตราสูงสุดที่กสท.เห็นว่าควรเรียกเก็บแล้ว” พ.อ.นทีกล่าว

 

 

นอกจากนี้ในส่วนของเนื้อหารายการ หากผู้ประกอบการจะนำช่องรายการที่มีการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองสนับสนุนเสื้อสี หรือกลุ่มพรรคการเมือง ในเบื้องต้นกสท.สามารถอนุญาตให้ทำได้ แต่ห้ามฝ่าฝืน มาตรา 37 พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ว่าด้วยการไม่เผยแพร่รายการที่ออกอากาศ จะต้องไม่กระทบกระเทือนหรือดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ แสดงออกโดยจงใจก่อให้เกิด การเหยียดหยามประเทศชาติ รัฐบาล เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือกลุ่มชนใด ลบหลู่ศาสนา ปูชนียบุคคล ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีของคนในชาติ หรือกระทบต่อสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ ขัดต่อศีลธรรม วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมอันดีงาม กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของประเทศ ยั่วยุกามารมณ์หรือลามกอนาจาร รวมทั้งตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้พรรคการเมืองห้ามเป็นเจ้าของสื่อ

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: