'โกหกสีขาว'พ่นพิษ-บีบเด้งหัวหน้าทีมศก. ‘กิตติรัตน์’เจอศึกรอบทิศ-‘ยิ่งลักษณ์’ป้อง พาณิชย์เต้นนัดถก7กลุ่มอุตฯ-ทูตพาณิชย์

ทีมข่าวศูนย์ข่าว TCIJ 3 ก.ย. 2555 | อ่านแล้ว 2015 ครั้ง

 

เป็นข่าวครึกโครม มาตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2555 แล้วว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ อาจถูกปรับพ้นจากตำแหน่ง

 

ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พิจารณาตามความเห็น ที่แนบท้ายไปจากทีมที่ปรึกษาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ส่งตรงถึงมือห้องทำงานในดูไบ

 

แต่เพราะกลอุบายทางการเมือง “นวดให้น่วม” สไตล์พรรคเพื่อไทย  “กิตติรัตน์” จึงยังอยู่รอดมาได้ ดังนั้น ระหว่างนี้ “กิตติรัตน์” จึงเรียกแขก ทั้งจากพวกพรรคเดียวกันเอง พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งปัญญาชนนักเศรษฐศาสตร์ ที่รุมวิพากษ์วิจารณ์ การทำงานของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นว่าด้วยการ “โกหกตัวเลขส่งออก” ด้วยการอ้างศัพท์แสลงภาษาอังกฤษ “white lie” หรือโกหกสีขาว

 

นายกิตติรัตน์กล่าวในการแสดงปาฐกถาพิเศษ "โรดแมพสู่อนาคตประเทศไทย" ในงานสัมมนา "หนึ่งปียิ่งลักษณ์กับอนาคตเศรษฐกิจไทย" ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจของไทยได้ปรับเข้าสู่สมดุลมากขึ้น เพราะไม่ได้พึ่งพาการส่งออกที่ต้องขยายตัวสูงเป็นตัวเลข 2 หลักเหมือนช่วงที่ผ่านมา แต่มีการพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น

 

ทั้งนี้เห็นได้จากการที่สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 5.5-6 เปอร์เซนต์ต่อปี โดยคาดการณ์การส่งออกว่า จะขยายตัวเพียง 7.3 เปอร์เซนต์ ก็สะท้อนว่า มีการพึ่งพาการส่งออกน้อยลง

 

หัวหน้าทีมเศรษฐกิจยอมรับว่า “ปีนี้การส่งออกจะเติบโตไม่ถึง 15 เปอร์เซนต์ ซึ่งไม่น่าแปลกใจ โดยก่อนหน้านี้การที่ผมได้ยืนยันว่า การส่งออกจะขยายตัวได้ 15 เปอร์เซ็นต์ เป็นไปตามหน้าที่ ซึ่งในฐานะ รมว.คลัง และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่สามารถพูดไม่จริงได้ในบางเรื่อง และขณะนี้ก็ตั้งเป้าให้ส่วนราชการผลักดันส่งออกให้ได้ 9 เปอร์เซนต์”

 

 

                “คำภาษาอังกฤษ เขาใช้คำว่า White lie คือ การพูดไม่จริงสีขาว ถ้าผมพูดตั้งแต่ต้นปีว่า เราคงจะขยายตัวส่งออกไม่ได้ ความไม่มั่นใจจะอยู่ในภาวะอะไร เวลานั้นใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะพูดอย่างนั้นไหม แล้วในแง่ของความตั้งใจ ตั้งเป้า ผมก็พูดชัดเจนว่า เป้าในการทำงาน ผมก็จะทำราวกับว่าจะทำให้การส่งออกขยายตัวได้ 15 เปอร์เซนต์” นายกิตติรัตน์กล่าว

 

ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงกระหน่ำประนามวาทะ “โกหกเพื่อชาติ” กึกก้องทั้งทำเนียบรัฐบาล

 

ท่ามกลางมรสุมข่าวลือ ที่ว่ามีที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีหูกระต่าย และอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี คนเดือนตุลา จับมือกันผลัก “กิตติรัตน์” พ้นทำเนียบ

 

เขามีเพียง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เท่านั้นที่เป็นกำลังใจ

 

 

มธุรสวาจาของนารีตึกไทยคู่ฟ้า ปลอบประโลม “กิตติรัตน์” ตอกย้ำ “การโกหกสีขาว” เพื่อชาติ สามารถทำได้

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “​การส่งออกของ​ไทย​ในปีนี้น่าจะ​โต​ได้ 8-9 เปอร์เซนต์ ​เชื่อว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ​ไม่​ได้มี​เจตนา​โกหก (white lie) ​เกี่ยวกับตัว​เลข​เป้าหมาย​การส่งออกของประ​เทศ”

 

 

“ตัว​เลขส่งออกปีนี้ที่สภาพัฒน์ประ​เมิน​ไว้ที่ 7 เปอร์เซนต์กว่า ๆ จาก​เดิมตั้ง​เป้า​ไว้ที่ 15 เปอร์เซนต์นั้น ​แต่​เนื่องจากมี​เหตุ​การณ์ต่างๆ ​เช่น​ความผันผวนจาก​เศรษฐกิจ​ในยุ​โรป ​ทำ​ให้​การส่งออกลดลง ​เราพยายามจะ​ทำ​ให้​การส่งออกอยู่ที่ 8-9 เปอร์เซนต์ น่าจะประมาณนี้ นี่คือ​เป้าหมาย” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะ​ให้หน่วยงานที่​เกี่ยวข้อง​เข้า​ไปดูตลาดส่งออก ที่จะสามารถ​เพิ่มศักยภาพ​การส่งออกของ​ไทย​ได้มากขึ้น ส่วนระยะยาวรัฐบาลจะ​เน้นสร้าง​ความ​เข้ม​แข็ง​ให้​เศรษฐกิจ​ในประ​เทศ

 

 

               “จริงๆ ​เชื่อว่าทุกคนมี​เจตนาดีสำหรับประ​เทศ ท่านรองนายกฯ กิตติรัตน์ มี​เจตนาดี ​ไม่มี​เหตุผลมาปกปิดอะ​ไร...​เชื่อว่าท่าน​ไม่มี​เจตนา (​โกหก) ถ้ามี​เจตนาคง​ไม่พูดอย่างนี้ คำสั่งอะ​ไร ​ไม่มีหรอก ​ใครจะสั่ง​ได้ ตัว​เลข​เป็นตัว​เลขจริง​ทั้งหมด” นายกรัฐมนตรีกล่าว

 

 

ในทางการเมือง “กิตติรัตน์” ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว แต่ในทางการบริหารรัฐบาลต้องประคองตัวเลขเศรษฐกิจ และคะแนนนิยม ดังนั้นจึงต้องทำทุกวิถีทางให้ “ตัวเลขเป็นไปตามเป้า”

 

ดังนั้นจึงมีการหารือร่วมกับนักธุรกิจภาค​การส่งออก ​และมี “คำสั่ง” แต่งตั้งคณะกรรม​การขึ้นมา 4 ชุด ​ได้​แก่ 1.พิจารณาลดอุปสรรค​ผู้ส่งออก 2.ขับ​เคลื่อนตลาดยุ​โรป​เปิดตลาด​ใหม่ 3.สร้างฐาน​การผลิตประ​เทศ​เพื่อนบ้าน​และ​การค้าชาย​แดนรองรับประชาคมอา​เซียน ​ให้​เป็น​ไป​ในทิศทางที่ดีขึ้น ส่ง​เสริม​ซึ่งกัน​และกัน 4.ผลักดัน​การส่งออกรายสินค้า ​เช่น อาหาร สินค้า​เกษตร อัญมณี ​เครื่องประดับ สิ่งทอ

 

พร้อมกันนี้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ได้กำหนดประชุม เพื่อประเมินเป้าหมายการส่งออก วันที่ 3 กันยายนนี้ พร้อมเร่งประชุมร่วมกับเอกชน 7 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก จากนั้นในวันที่ 13 กันยายน จะมีการประชุมผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ทั่วโลก เพื่อให้แต่ละตลาดนำเสนอข้อมูลและเป้าหมายการส่งออกเพื่อให้ทราบสถานการณ์ด้านการตลาด

 

หลังจากเห็นตัวเลข “แดง-ติดลบทั้งบัญชี” ที่อยู่ในรายงานว่า การส่งออก 7 เดือนปี 2555 (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 131,809 ล้านดอลลาร์ ลดลง 0.4 เปอร์เซนต์ นำเข้ามูลค่า 143,895.7 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 10.50 เปอร์เซนต์ทำให้ 7 เดือนแรกปีนี้ขาดดุลการค้า 12,086.7 ล้านดอลลาร์

 

 

ร่วมด้วยช่วยกันกับกระทรวง​การต่างประ​เทศ​และกระทรวงพาณิชย์ จึงร่วมกันขยาย​การ​เปิดตลาด ​และปรับทีม​การ​ทำงานระหว่างสถานทูต​ และกระทรวงพาณิชย์​เป็น “ทีม​ไทย​แลนด์” เพื่อตอบ​โจทย์บริษัท​ผู้ส่งออก​และต่างประ​เทศ

 

ด้วยความอ่อนด้อยประสบการณ์ทางการเมืองของ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” เขาจึงถูกลากไส้ อภิปรายไม่ไว้วางใจล่วงหน้า โดยสมาชิกวุฒิสภา

 

โดย นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล “ออกมารับผิดชอบ”

 

เพราะยอมรับว่าได้โกหกเกี่ยวกับตัวเลข ซึ่งเป็นเป้าหมายการส่งออกของประเทศ ที่จะขยายตัวถึงร้อยละ 15  ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ในภาคการลงทุน

 

ในที่ประชุม สว. มีการพิจารณาไปไกลถึง ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง ข้อ 6(2) และ (7), ข้อ 10 และ ข้อ 25 ที่มีผลให้ นายกิตติรัตน์ ต้องลาออก หรือต้องขอโทษประชาชน, นักธุรกิจชาวไทย และต่างประเทศ

 

 

นอกจากนี้ยังมีประเด็น ผิดรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 244 (2) ที่ว่าด้วยการดำเนินตามจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐตามมาตรา 279 วรรคสาม เพราะการไม่ปฏิบัติตามจริยธรรม ถือว่าเป็นการกระทำผิดทางวินัยด้วย

 

เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่รวบรวมการโกหกสีขาวของรัฐบาลไว้แล้วถึง 19 วาระ เตรียมทะยอยเปิดใน-นอกสภาผู้แทนราษฎร

 

หากไม่นับความล่อแหลมทางการเมือง และความดื้อรั้นของนายกิตติรัตน์ เรื่องคงไม่ไปไกลถึงเพียงนี้

 

เพราะก่อนหน้านี้ มีความเห็นจากหลายสำนักเศรษฐกิจ ที่ออกมาให้ความเห็นพร้อมตัวเลขประกอบว่า เป้าการส่งออก จะไม่เป็นไปตามลมปากของรัฐบาล

 

โดย นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการวิเคราะห์ผลกระทบการส่งออกไทยจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปว่า การส่งออกไทยปี 2555 อัตราการขยายตัวจะต่ำสุดในรอบ 3 ปีนับจากปี 2553 โดยจะขยายตัว 3.8-7.5 เปอร์เซ็นต์ และมีโอกาสมากสุดถึง 50 เปอร์เซนต์ ที่จะขยายตัว 5.8 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 242,184 ล้านเหรียญสหรัฐ จากปี 2554 ที่ขยายตัว 17.2 เปอร์เซนต์ โดยไตรมาส 3 ปีนี้ยังติดลบ 4.8 เปอร์เซนต์ และขยายตัวเป็นบวก 11.1 เปอร์เซนต์ ในไตรมาส 4 หลังครึ่งปีแรกไทยติดลบ 2 เปอร์เซนต์ โดยเป็นการปรับลดจากคาดการณ์เดิมที่ 13 เปอร์เซนต์ และทำให้ไทยเสียส่วนแบ่งการตลาดจาก 1.4 เปอร์เซนต์ ของการค้าโลก เหลือ 1.2-1.3 เปอร์เซ็นต์

 

ส่วนเป้าหมาย  15 เปอร์เซนต์ นั้นเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากวิกฤตหนี้ยุโรปส่งผลกระทบต่อการส่งออกโดยตรงสูญเสีย 4,298 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทประมาณ 136,048 ล้านบาท หรือกระทบต่อการส่งออกรวมหดตัว 1.6 เปอร์เซนต์ ซึ่งตลาดยุโรปปีนี้น่าจะติดลบ 4.5 เปอร์เซนต์ และการส่งออกทางอ้อมสูญเสีย 5,144 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท 162,828 ล้านบาท หรือหดตัว 1.9 เปอร์เซนต์ ซึ่งรวมการสูญเสียทางตรงและทางอ้อมจะเท่ากับ 9,442 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท 298,876 ล้านบาท หรือหดตัว 3.5 เปอร์เซ็นต์

 

 

หากรวมการส่งออกไปประเทศคู่ค้าอื่น ๆ จะทำให้ไทยสูญเสียการส่งออก 3-4 แสนล้านบาท หรือทำให้ส่งออกรวมหดตัว 4 เปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไทยสูญเสียการส่งออกทางอ้อมมากกว่าทางตรง

 

 

                     “หากจะให้การส่งออกขยายตัว 15 เปอร์เซนต์ ตามเป้าหมายรัฐบาลต่อเดือน ต้องส่งออก 25,147 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งความเป็นไปได้เป็นศูนย์ แต่โอกาสโต 5.8 เปอร์เซ็นต์ มากสุด เพราะคำนวณจากการส่งออกต่อเดือน 21,653 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เศรษฐกิจโลกโต 2.5 เปอร์เซนต์ เศรษฐกิจยุโรปติดลบ 0.3 เปอร์เซนต์ ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 92.83 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ระดับ 31.65 บาทต่อเหรียญสหรัฐ” นายอัทธ์กล่าว

 

นายอัทธ์กล่าวว่า การส่งออกไทยยังมีโอกาสที่จะโต 7.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้

 

ไม่นับรวมกูรูเศรษฐกิจที่ปรึกษาของรัฐบาล ทั้ง 3 สำนัก อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย-สภาพัฒน์ฯ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่ส่งเสียงพร้อมกันว่า “เป้าหมายการส่งออก 15 เปอร์เซนต์ เป็นไปไม่ได้”

 

ทางด้าน นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย นโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจในเดือนมิถุนายนชะลอตัวลง เนื่องจากปัญหาวิกฤตหนี้ในยุโรป ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกชัดเจนขึ้น โดยในเดือนมิถุนายนหดตัว 4.3 เปอร์เซนต์ จากระยะเดียวกันของปีก่อน แม้ในเดือนพฤษภาคมจะขยายตัว 6.7 เปอร์เซนต์ จากที่ติดลบมาต่อเนื่อง 4 เดือนตั้งแต่ต้นปี โดยมีมูลค่าการส่งออก 1.95 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้การส่งออกไตรมาส 2 ส่งออกหดตัว 0.4 เปอร์เซนต์ และการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกหดตัว 2.3 เปอร์เซ็นต์

 

ขณะที่ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยฟันธงว่า “หากตัวเลขส่งออกได้ถึง 8 เปอร์เซนต์ ก็ฉลองได้แล้ว” พร้อมให้เหตุผลว่า โดยส่วนตัวมีแนวทางที่เห็นว่า รัฐบาลควรส่งเสริมสินค้าเกษตรให้มีการส่งออกเพิ่มมากขึ้น เพื่อส่งผลต่อภาพรวมการส่งออกของประเทศ ทั้งนี้เป้าหมายการส่งออกของไทย ทั้งจากการประเมินของ ธนาคารแห่งประเทศไทยที่คาดการณ์ว่าการส่งออกในปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 7

 

 

ทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ตัวเลขการส่งออก ไว้ที่ระดับ 7 เปอร์เซนต์ แต่มีความเป็นไปได้ว่าตัวเลขจริงอาจต่ำกว่าที่ประเมินไว้เล็กน้อย พร้อมกับประเมินว่า การจะทำให้ตัวเลขส่งออกเติบโตได้ในระดับ 7 เปอร์เซ็นต์นั้น ช่วง 6 เดือนหลังของปี 2555 ภาคการส่งออกของไทย ต้องมีมูลค่าแต่ละเดือนไม่น้อยกว่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลขส่งออกเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์

 

 

 

สอดคล้องกับความเห็นของนายอาคม เติมพิทยาไพสิษฐ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้รับมอบการบ้านจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ไปดูว่า มีสินค้าตัวใดที่ผลักดันให้การส่งออกเติบโตเพิ่มขึ้นได้ แต่ตัวเลขคาดยอดการส่งออกจะอยู่ที่ร้อยละ 7.3 เท่านั้น จากเดิมที่ 15 เปอร์เซนต์ โดยมูลค่าการส่งออก 6 เดือนของปี 2555 ติดลบ 2.1 เปอร์เซนต์ ยอดส่งออกรวม 110,489 ดอลลาร์สหรัฐฯ

 

 

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) วิเคราะห์ว่า การส่งออกไทยในปี 2555 คาดว่าจะขยายตัวในอัตราชะลอลงจากปี 2554 ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 16.4 โดยในช่วง 6 เดือนแรกปี 2555 การส่งออกไทยหดตัวเล็กน้อยร้อยละ -2.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทย ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกประมาณร้อยละ 9.4 ของการส่งออกรวม

 

ทว่าจนนาทีสุดท้าย ก่อนขึ้นไตรมาสที่ 3 ของปี นายกิตติรัตน์ก็ยังยืนยัน การส่งออกของไทยในปีนี้รัฐบาลยังยืนยันการส่งออกของไทยทั้งปีที่ 15 เปอร์เซนต์ และเป็นหน้าที่ที่จะทำให้ได้ด้วย

 

หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่ยอมปรับตัวเลขเดิมพัน 15 เปอร์เซนต์ แม้ว่าแรงกดดันจะมาจากทุกทิศทาง แต่เมื่อทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ผนึกเข้ากับทีมที่ปรึกษาอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผลัก-กด-ดันให้นายกิตติรัตน์ ทำหน้าที่ครั้งสุดท้าย จนเขาต้องบากหน้าออกมากล่าว “โกหกสีขาว” ว่า 15 เปอร์เซนต์ เป็นไปไม่ได้

 

ทุกแรงกด แรงดัน มีเป้าหมายให้เขาพ้นจากตำแหน่ง หลังฤดูกาลแถลงนโยบายเสร็จสิ้น หลังการเปิดเทศกาลการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 เริ่มต้นขึ้นในต้นเดือนตุลาคม 2555 และแน่นอนที่สุดหลังจากถูกฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ จับเขาขึงพืดกลางสภาผู้แทนในวาระอภิปรายไม่ไว้วางใจ

 

วาระที่กิตติรัตน์ จะพ้นจากตำแหน่ง ใกล้เข้ามาทุกขณะ เขาต้องลุ้นแทบทุกวันว่า วาระการปรับคณะรัฐมนตรีจาก “ปู 2” ขึ้นสู่ยุค “ปู 3” จะยังมีชื่อเขาอยู่ในโผหรือไม่

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: