เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม น.พ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทยยังน่าเป็นห่วง เพราะในพื้นที่ที่มีฝนตก ก็จะเกิดแอ่งน้ำขังหรือน้ำขังตามภาชนะต่าง ๆ กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงได้ โดยทั่วไปยุงลายจะวางไข่ตามภาชนะที่มีน้ำขัง ซึ่งเป็นน้ำนิ่ง ใส และสะอาด ซึ่งน้ำฝนมักเป็นน้ำที่ยุงลายชอบวางไข่มากที่สุด
จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–4 ธันวาคม 2555) พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสะสม 67,072 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 105.00 ต่อประชากรแสนคน และมีผู้เสียชีวิต 70 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ณ ช่วงเวลาเดียวกันร้อยละ 7.07 ส่วนตลอดทั้งปี 2554 ที่ผ่านมาทั่วประเทศมีผู้ป่วย จำนวน 65,971 ราย เสียชีวิต จำนวน 59 ราย
คาดการณ์ว่า ในปี 2556 จะมีจำนวนผู้ป่วยทั้งปีเพิ่มสูงขึ้น ประมาณ 90,000–100,000 ราย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในกลุ่มอายุ 10-14 ปี และ 15-24 ปีตามลำดับ แต่อาจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มของผู้ใหญ่ ส่วนพื้นที่การระบาดจะพบในชุมชนใหม่นอกเขตเทศบาลที่อยู่ใกล้ชุมชนเมืองมากขึ้น จำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกในพื้นที่เขตเมืองมากกว่าชนบทนอกเขตเทศบาล และแนวโน้มนี้น่าจะต่อเนื่องถึงปีหน้าด้วย
น.พ.สุวรรณชัยกล่าวว่า กรมควบคุมโรคมีมาตรการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคไข้เลือดออกที่อาจจะเกิดขึ้น โดยจัดทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง สำนักงานป้องกันควบคุมโรคทุกเขต และกรุงเทพมหานคร เพื่อเน้นมาตรการป้องกันและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายอย่างต่อเนื่อง เพราะจากข้อมูลผู้ป่วยปลายปีมีจำนวนเพิ่มขึ้น อาจจะส่งผลให้ปี 2556 เกิดการระบาดมากขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมอบหมายให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคทุกเขต เตรียมทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว เข้าไปร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและหน่วยงานในท้องถิ่น กรณีเกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก และพร้อมสนับสนุนการดำเนินการทุกด้าน เช่น ทีมสอบสวนโรค ทีมปฏิบัติการพ่นสารเคมีกำจัดยุงตัวเต็มวัย ทรายกำจัดลูกน้ำ ยาทากันยุง และสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนร่วมกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดยุงลายเพื่อลดปริมาณยุงลายให้มากที่สุด
สำหรับในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้ปกครองต้องดูแลเป็นพิเศษ ผู้ปกครองควรสังเกตอาการของเด็กอย่างใกล้ชิด หากบุตรหลานของท่านป่วยมีไข้มากกว่า 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป เมื่อเช็ดตัวและกินยาลดไข้แล้วไข้ยังลอยไม่ลดนาน 2-3 วัน คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ซึ่งเป็นอาการเบื้องต้นของไข้เลือดออก ไม่ต้องรอให้เกิดจุดเลือดใต้ผิวหนัง ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจ ก่อนที่ผู้ป่วยจะเกิดอาการช็อกและเสียชีวิต ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง คือ ไข้เลือดออกมักจะไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ซึ่งเป็นข้อแตกต่างจากการเป็นไข้หวัด เว้นแต่จะเป็นทั้งสองชนิดในเวลาเดียวกัน อาจจะมีอาการทั้งไอและมีน้ำมูกร่วมด้วย และหากเป็นไข้เลือดออกแล้ว ช่วงที่ไข้ลดลงในวันที่ 3-4 แต่ผู้ป่วยซึมลง กินหรือดื่มไม่ได้ให้รีบกลับมาพบแพทย์เพื่อรักษาให้ทันท่วงที
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ