แบงก์วิ่งขาขวิด-หวั่นสูญหมื่นล้าน ปล่อยกู้โรงแรม-รีสอร์ทรุกป่าภูเก็ต นายกฯสั่งไม่จับ-อ้างช่วยชาวบ้าน

ทีมข่าวศูนย์ข่าว TCIJ 9 พ.ย. 2555 | อ่านแล้ว 3354 ครั้ง

 

เป็นกระแสคึกโครมมาตลอดช่วงระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา กับปฏิบัติการ “ทวงคืนผืนป่า” ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดย นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ นับตั้งแต่การยึดคืนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาและ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง เรื่อยมาจนถึงอุทยานแห่งชาติสิรินาถ หรือหาดในยาง จ.ภูเก็ต ซึ่งทุกพื้นที่ถือเป็นทำเลทองของบรรดารีสอร์ท โรงแรม และบ้านพักตากอากาศหรู ที่ผุดขึ้นมา อย่างเหนือการควบคุมของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่หลังสุดคืออุทยานฯ สิรินาถ ที่มีมูลค่าการลงทุนเป็นตัวเลขสูงลิบลิ่วถึงหลายหมื่นล้านบาท

 

 

ย้อนอดีตโฉนดที่ดินในอุทยานแห่งชาติสิรินารถ

 

 

ความเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ครองความนิยมของ จ.ภูเก็ต ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย แต่หลังเหตุการณ์สึนามิ เมื่อปี 2547 ทำเลในการลงทุนก่อสร้างโรงแรมหรู ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ได้ขยับจากหน้าหาดขึ้นมาอยู่บนเนินเขา หรือบริเวณหน้าผาที่มองเห็นวิวทิวทัศน์สวยงามชัดเจน ที่สำคัญปลอดภัยจากคลื่นยักษ์ที่เป็นฝันร้ายของคนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือน ทำให้การบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ที่มีสภาพเป็นชายหาดต่อเนื่องกับภูเขาเกิดขึ้นอย่างมโหฬารในช่วงไม่ถึง 10 ปีที่ผ่านมา มีการนำที่ดินไปอ้างเอกสารสิทธิ สค.1 เพื่อออกโฉนดกันเป็นจำนวนมาก ทั้ง ๆ ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่หลังช่วงปี 2507 เป็นต้นมา เพราะรัฐบาลโดยกรมป่าไม้ในขณะนั้น ได้ประกาศเวนคืนพื้นที่ดังกล่าว เพื่อประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติเขารวก-เขาเมือง ก่อนจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ในปี 2524 พร้อมทั้งจ่ายค่าชดเชยให้ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่มาก่อนไปแล้ว ซึ่งมีอยู่เพียง 5 ราย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหลงเหลือเอกสาร สค.1 ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้สามารถนำมาขอออกโฉนดหได้อีก ซึ่งอุทยานแห่งชาติสิรินาถ มีพื้นที่บนบกราว 13,000 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมดกว่า 50,000 ไร่ และคาดว่าจะถูกไปออกโฉนดแล้ว 3,000-5,000 ไร่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อุทยานฯ ลุยจับรีสอร์ทหรูได้แค่ 14 แห่ง

 

 

จึงเป็นที่มาในการเข้าไปดำเนินการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ของกรมอุทยานฯ  โดยในช่วงที่ผ่านมากรมอุทยานแห่งชาติ ฯ จับกุมดำเนินคดีกับโรงแรมหรูและบ้านพักตากอากาศ ที่บุกรุกและยึดครองที่ดินอุทยานแล้ว 14 แห่ง เนื้อที่ 640 ไร่ แต่ละแห่งมีมูลค่าการลงทุน 1,000-1,500 ล้านบาทขึ้นไป ประกอบด้วย 1.โรงแรมภูเก็ต อคาเดียร์ ในทอนบีช 2.โรงแรมเพนนิลซูล่า สปา แอนด์ รีสอร์ต จำกัด 3.บริษัทลาคอลลีน จำกัด  4.บ้านฝรั่ง 5.บริษัท แลนด์ สเตรท จำกัด 6.โรงแรมตรีสรา 7.บริษัท สุรีสัมฤทธิ์ จำกัด และมาลัยวนา 8.นางสุชาดา สังข์สุวรรณ 9.บริษัท อันดามัน ไวท์ บีช จำกัด 10.บริษัท ลายัน ภูเก็ต  จำกัด 11.บริษัท เซ็นทรัล แอนด์ ซิตี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด 12.โครงการมาลัยวนา 13.โครงการมาลัยวนา และโครงการอีสทา และ14.บริษัท พาวิลเลี่ยน บีช รีสอร์ท จำกัด ที่ได้ส่งเรื่องให้กรมป่าไม้ดำเนินการ ในพื้นพิพาทต่อเนื่องจากอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้

 

 

เจ้าของที่ดินไม่เดือดร้อนเท่าธนาคารที่ปล่อยกู้เงิน

 

 

รายงานข่าวจากกรมอุทยานแห่งชาติฯ ระบุว่า ตั้งแต่จับกุมดำเนินคดีพื้นที่บุกรุกในอุทยานแห่งชาติสิรินาถมา ยังไม่มีผู้ประกอบการหรือเจ้าของโรงแรม เข้ามาเจรจาในลักษณะต่อรองกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ แต่ที่เข้ามาคุยและวิ่งเต้นเคลียร์ปัญหา ส่วนมากจะเป็นกลุ่มธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ให้กับโครงการขนาดใหญ่เหล่านี้ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า ธนาคารแต่ละแห่งต่างอนุมัติวงเงินกู้ให้กับเจ้าของกิจการเหล่านี้ เป็นเงินจำนวนหลายพันล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมธนาคารหลายแห่งแล้ว เป็นจำนวนเงินหลายหมื่นล้านบาท

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                “ที่ผ่านมาเราพยายามดำเนินการอย่างเคร่งครัด แต่ไม่พบว่ามีเจ้าของที่ดิน หรือเจ้าของโฉนด ซึ่งได้มาอย่างผิดกฎหมายเหล่านี้ เข้ามาพูดคุยเจรจาอะไรกับเรา เพราะเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก คนที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จะเป็นนายทุนเจ้าของโครงการ และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่อนุมัติเงินกู้ให้กับโครงการต่าง ๆ ไปแล้ว เพราะส่วนใหญ่ธนาคารมักจะยึดโฉนด เอกสารสิทธิ์ที่ดิน และแผนการลงทุนระยะยาวเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาอนุมัติเงินกู้และค้ำประกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นกลุ่มโครงการโรงแรม ที่พบว่ามีนักลงทุนทำสัญญาเช่าช่วง เพื่อดำเนินธุรกิจต่อจากผู้ลงทุนหรือเจ้าของเดิมที่ขออนุญาตก่อสร้าง หรือเครือโรงแรมดังจากต่างประเทศ จะทำให้ได้รับการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ในหลักพันล้านได้ไม่ยากนัก” แหล่งข่าวระบุ

 

 

นักการเมืองเจ้าของธนาคารวิ่งเต้นช่วยนายทุน

 

 

รายงานข่าวกล่าวต่อว่า ธนาคารพาณิชย์ที่อนุมัติเงินกู้ให้กับโครงการก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท ต่างๆ ในพื้นที่จ.ภูเก็ต ที่มีปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิและการบุกรุกที่ดินอุทยานแห่งชาติเหล่านี้ มีหลายธนาคาร โดยธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ออกไปมากที่สุดเป็นวงเงินสูงถึงหลายหมื่นล้านบาท ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ นอกจากนี้ยังมี ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารอิสลาม เป็นต้น ในสัดส่วนที่แตกต่างกันออกไป เฉลี่ยอยู่ในวงเงินหลักพันล้านบาทขึ้นไป

 

ซึ่งธนาคารจะพิจารณาจากแผนธุรกิจ การลงทุนระยะยาว รวมถึงโฉนดที่ดิน ในการปล่อยเงินกู้ดังกล่าว ดังนั้นหลังจากการเดินหน้าดำเนินคดีกับโครงการก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท ต่าง ๆ ที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินารถ จ.ภูเก็ต ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ครั้งนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบนอกจากกลุ่มนักธุรกิจ และผู้ประกอบการโดยตรงแล้ว ธนาคารเหล่านี้จึงเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบตามไปด้วย เนื่องจากหากทั้งเจ้าของที่ดิน นักลงทุนทิ้งโครงการนั่นก็เท่ากับว่าหนี้ทั้งหมดกลายเป็นหนี้สูญไปในทันที และธนาคารก็ไม่สามารถเข้าไปยึดสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นมาแทนเงินกู้ได้ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ซึ่งแหล่งข่าวในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ระบุว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้กลุ่มธนาคารที่ได้รับผลกระทบเหล่านี้ พยายามขอเข้าพูดคุยเจรจากับนักการเมืองในรัฐบาล และข้าราชการกรมอุทยานฯที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา ที่จะทำให้ไม่กระทบต่อธนาคาร และบุคคลของธนาคารที่ให้ความช่วยเหลือในการปล่อยเงินกู้ดังกล่าวด้วย

 

 

               “ธนาคารบางแห่งมีผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงการเมือง ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นธุรกิจของครอบครัว พยายามจะเรียกขอข้อมูลของโครงการต่าง ๆ ที่มีปัญหา จากกรมอุทยานแห่งชาติฯ เข้าไปดู และพยายามแทรกแซงแสดงความเห็นว่าพื้นที่นั่นพื้นที่นี้ไม่น่าจะมีปัญหา และน่าจะปล่อยไปได้ เพื่อให้โครงการรอดพ้นจากการถูกดำเนินการคดี ทั้งที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และให้โครงการเดินหน้าต่อไป เพราะหากโครงการสะดุดนั่นหมายถึงว่า เจ้าของโครงการต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น การก่อสร้างล่าช้าออกไป หรือหากถูกดำเดนินคดี ธนาคารแห่งนั้นจะได้รับผลกระทบรุนแรงตามไปด้วย” แหล่งข่าวกล่าว

 

 

นายกฯเบรกหัวทิ่มคดีรุกป่า อ้างช่วยเรื่องที่ทำกินชาวบ้าน

 

 

อย่างไรก็ตามการดำเนินการของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ต่อกรณีนี้ มีแนวโน้มไปทางที่ดี แต่ในทางการเมืองแล้วความพยายามของการวิ่งเต้น เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติ ออกเอกสารสิทธิ์ปลอม ก็ได้ผลเสียด้วย เมื่อคล้อยหลังการเกษียณอายุราชการของอธิบดีกรมอุทยานฯ เพียงไม่กี่วัน มีสัญญาณจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านทาง นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ยังรักษาเก้าอี้รัฐมนตรีใน ครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ไว้อย่างเหนียวแน่น

 

โดยเรียกนายเริงชัย ประยูรเวช รักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯ และนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ อธิบดีกรมป่าไม้เข้าพบ เพื่อรับทราบนโยบายของนายกรัฐมนตรี ให้ชะลอการจับกุมคดีบุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ออกไปก่อน โดยอ้างว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนในเรื่องที่ทำกิน โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ที่แนวเขตยังไม่ชัดเจน

 

ท่าทีของนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ต่อกรณีดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะที่ผ่านมามีความพยายามหลายครั้ง ในการยุติการปฏิบัติงานของกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ โดยมีผู้บริหารและส.ส. ในรัฐบาล ฝ่ายค้าน และผู้ประกอบการรีสอร์ท โรงแรม บ้านพักตากอากาศ ร่วมแรงกันสนับสนุน โดยเฉพาะในช่วงการรื้อถอนบ้านทะเลหมอกรีสอร์ท ที่บุกรุกอุทยานแห่งชาติทับลาน ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีการต่อสายถึงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ให้ยุติการรื้อถอน ซึ่งเกือบทำให้นายดำรงค์ต้องกระเด็นจากเก้าอี้อธิบดีกรมอุทยานฯ ไปก่อนเวลาอันควร เพราะไม่ฟังเสียงคัดค้านของฝ่ายการเมือง

 

 

ทีมรื้อของกรมอุทยานฯรอเก้อไม่มีกำหนด

 

 

            “จะอนุรักษ์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างรายได้ด้วย” เป็นคำกล่าวที่ออกมาจากปากของ น.ส.ยิ่งลักษณ์กับแกนนำพรรคเพื่อไทย เพื่อส่งต่อมาถึงกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งดูจะเป็นการสะท้อนความรู้ความเข้าใจในประเด็นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของนายกรัฐมนตรีได้เป็นอย่างดี

 

เมื่อมีคำสั่งเบรกมาจากเบื้องบนเช่นนี้ ทางฟากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานก็ได้แต่อึ้งไปตาม ๆ กัน  โดยเฉพาะกรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ไว้กว่า 2,000 นาย เพื่อยึดคืนพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ในส่วนที่เหลืออีก 372 แปลง เนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ เบื้องต้นมีข้อมูลว่าเป็นที่ดินของผู้มีอิทธิพล และนักการเมืองทั้งในส่วนทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเตรียมดีเดย์ลงพื้นที่ในวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่กลับต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด  ประกอบกับการข่าวของทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ เอง ที่มีข้อมูลว่านักการเมืองและผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่จ.ภูเก็ต จะมีการการปลุกระดมมวลชน ออกมาต่อต้านการทำงาน ด้วยการปิดสะพานสารสินและสนามบินภูเก็ต หากเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการจับกุมคดีบุกรุกพื้นที่สิรินาถ โดยอ้างว่าจะมีชาวบ้าน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ด้วย

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: