นายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ ผู้ประสานงานศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ (ศสส.) อีสาน กล่าวถึงกรณีการทำเหมืองแร่โปแตชในภาคอีสานว่า หลังจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนประเทศจีน ปรากฏมีข่าวว่านายทุนเหมืองของจีน กำลังเข้ามาขอสัมปทานแหล่งแร่ในภาคอีสานเพิ่มขึ้นอีกหลายพื้นที่ ตามขั้นตอนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศยกเลิกมาตรา 6 ทวิ วรรคสอง ของ พ.ร.บ.แร่ 2510 ในเขตพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ได้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อเปิดให้เอกชนสามารถยื่นคำขออาชญาบัตรกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อประกอบการเชิงพาณิชย์ และทำการผลิตแร่โปแตช
จากการติดตามพบว่า กำลังมีการยื่นขออาชญาบัตร เพื่อสำรวจแหล่งแร่โปแตช ในอ.สังคม, อ.ท่อบ่อ, อ.ศรีเชียงใหม่ และ อ.สระใคร จ.หนองคาย เนื้อที่ประมาณ 100,000 ไร่ อ.เรณูนคร และ อ.พระธาตุพนม จ.นครพนม เนื้อที่ประมาณ 100,000 ไร่ เช่นเดียวกัน โดยบริษัท แม่โขงไมนิ่ง และบริษัท ไทยโปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างทั้งไทย-จีน และ ไทย-ฝรั่ง
ขณะนี้ทุนจีนได้รุกคืบเข้ามาอย่างหนักในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีกลุ่มนักธุรกิจในนามสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน เดินสายล็อบบี้ เพื่อให้เกิดการลงทุนในภาคอีสาน และการเดินทางไปเยือนประเทศจีนของนายกรัฐมนตรี ก็เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน โดยเฉพาะกรณีโครงการเหมืองแร่โปแตช หากว่าหน่วยงานของรัฐ เอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติเข้ามากอบโกยเอาทรัพยากร ก็จะเกิดผลกระทบตามมาอย่างมหาศาล
“การทำเหมืองในประเทศจีนมีปัญหามาก ทั้งในเรื่องมาตรฐานด้านวิศวกรรมที่ต่ำ เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วมของในการตัดสินใจ ดังนั้น การที่ กพร.กำลังจะเอาแผ่นดินไทยไปขายให้ต่างชาติ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ต้องตอบให้ได้ว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร” นายสุวิทย์กล่าว
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ