องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ หรือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ประเทศเอเซียน ชะลอการรับรองร่างปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียน ที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง ระบุว่า บรรดาหน่วยงานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศชั้นนำ ได้ทำจดหมายถึงประมุขประเทศในอาเซียน เรียกร้องให้ชะลอการรับรองปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียน (ASEAN Human Rights Declaration) และชี้ให้เห็นว่า เนื้อหาของร่างฉบับดังกล่าว ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และยังเสี่ยงจะลดมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคนี้
สิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ เนื้อหาตามหลักการทั่วไปของปฏิญญาฯ ตามหลักการทั่วไปข้อ 6, 7 และ 8 ตามร่างฉบับปัจจุบันระบุว่า การเข้าถึงสิทธิประการต่างๆ “ต้องสมดุลกับการปฏิบัติหน้าที่” และสอดคล้องกับ “บริบทในประเทศและภูมิภาค” และต้องคำนึงถึง “ความเป็นมาทางวัฒนธรรม ศาสนา และประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน” นอกจากนั้น ยังระบุให้มีการจำกัดสิทธิประการต่าง ๆ โดยอ้างเหตุผลหลายประการ รวมทั้ง “ความมั่นคงแห่งชาติ” และ “ศีลธรรมจรรยาของสังคม”
“แนวคิดที่ว่าสิทธิมนุษยชนประการต่าง ๆ จะต้องสมดุล กับความรับผิดชอบของบุคคล ขัดแย้งกับแนวคิดหลักด้านสิทธิมนุษยชนตามที่มีความเห็นชอบ ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน พ.ศ.2491 (1948 Universal Declaration of Human Rights - UDHR) ซึ่งบรรดารัฐทุกแห่ง รวมทั้งรัฐภาคีของอาเซียนให้ความเห็นชอบ รวมทั้งการให้ความเห็นชอบต่อปฏิญญาเวียนนาและแผนปฏิบัติการ (Vienna Declaration and Programme of Action) เมื่อปี 2536” ไวลเดอร์ เทเลอร์ เลขาธิการคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล กล่าวและว่า การสร้างสมดุลระหว่างสิทธิมนุษยชนกับความรับผิดชอบ เป็นการบิดเบือนหลักความชอบธรรมของสิทธิมนุษยชนทั้งหมด
นอกจากนั้น กฎหมายระหว่างประเทศ ยังห้ามรัฐบาลไม่ให้พรากสิทธิประการต่าง ๆ ไม่ว่าในสภาพการณ์ใดๆ การจำกัดสิทธิบางประการอาจกระทำได้ตามเงื่อนไขที่เฉพาะเจาะจง จำกัด และมีการกำหนดอย่างชัดเจนตามแต่พฤติการณ์ สุดท้ายกฎหมายระหว่างประเทศกำหนดให้รัฐภาคีทุกแห่งของอาเซียน มีหน้าที่เคารพและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพขั้นพื้นฐานประการต่าง ๆ ไม่ว่าจะมีระบบการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมเช่นใดก็ตาม
“เป็นที่ชัดเจนว่า เนื้อหาปัจจุบันของร่างปฏิญญาฯ มีแนวโน้มเบี่ยงเบนอย่างมากจากกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่มีอยู่ และน่ากังวล ทั้งยังเบี่ยงเบนจากกฎบัตรสิทธิมนุษยชนภูมิภาคอื่นๆ ทั้งในยุโรป อเมริกา และแอฟริกา” ซูเฮร์ เบลฮัสเสน ประธานของสหพันธ์สิทธิมนุษยชนสากล กล่าว
“หากไม่มีการแก้ไขอย่างมากต่อเนื้อหาฉบับร่าง อาเซียนน่าจะรับรองปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียนในปี 2555 ซึ่งเป็นการให้อำนาจเพิ่มเติมกับรัฐภาคีของอาเซียนที่จะละเมิดสิทธิมนุษยชน แทนที่จะให้หลักประกันเพิ่มเติมแก่ประชาชนในภูมิภาคเพื่อให้ปลอดพ้นจากการละเมิดดังกล่าว” ไมเคิล โบเคเน็ก ผู้อำนวยการแผนกกฎหมายและนโยบาย แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุด้วยว่า หน่วยงานต่าง ๆ กระตุ้นอย่างจริงจังในจดหมาย เพื่อให้ผู้นำประเทศอาเซียนส่งปฏิญญาฉบับร่างกลับคืนไปที่คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และให้มีคำสั่งให้แก้ไขฉบับร่างโดยผ่านกระบวนการที่โปร่งใส จริงจังและมีส่วนร่วม โดยมีการปรึกษาหารืออย่างเต็มที่กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เนื้อหาต่ำกว่ามาตรฐานและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศซึ่งเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ