เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ศาลจังหวัดภูเขียว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ พิพากษาคดีบุกรุกสวนป่าโคกยาว เขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม ให้นายสนาม จุลละนันท์ อายุ 59 ปี ชาวบ้านทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ สมาชิกเครือข่ายองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ลุ่มน้ำเซิน และสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) มีความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ข้อหาร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ ก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ตัดสินจำคุก 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ต่อมาชาวบ้านเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสานได้ใช้เงินกองทุนยุติธรรม ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จำนวน 200,000 บาท เป็นหลักทรัพย์ประกันตัวออกมาเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
สำหรับคดีดังกล่าว เปิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ประมาณ 200 นาย เข้าควบคุมพื้นที่กรณีพิพาทที่ดินสวนป่าโคกยาว เขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ซึ่งมีชาวบ้านที่ไร้ที่ทำกินที่เข้าไปทำประโยชน์ และจับกุมชาวบ้านรวม 10 ราย ต่อมามีการฟ้องรองคดีกับชาวบ้านโดยเจ้าหน้าที่ป้องรักษาป่าที่ ชย.4 คอนสาร เป็นโจทก์ โดยแยกเป็น 4 คดี
คดีแรก ศาลพิพากษาเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2555 ให้จำคุกนายคำบาง และนางสำเนียง กองทุย สองสามี-ภรรยา 4 เดือน ไม่รอลงอาญา และคดีที่ 2 ศาลพิพากษาเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2555 สั่งจำคุก นายทอง กุลหงส์ และนายสมปอง กุลหงส์ สองพ่อลูก 4 เดือน ไม่รอลงอาญา โดยคดีดังกล่าวศาลได้เพิ่มวงเงินประกันจากรายละ 100,000 บาท เป็นรายละ 200,00 บาท ทำให้เงินที่เตรียมไว้ต้องถูกรวมมาประกันจำเลยเพียงรายเดียวคือ นายสมปอง กระทั่งวันที่ 28 มิถุนายน 2555 น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ใช้ตำแหน่งประกันตัวนายทองออกมา
คดีที่ 3 นี้เป็นของนายสนาม จุลละนันท์ ศาลตัดสินจำคุก 6 เดือน เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 55 สุดท้ายคดีที่ 4 ของนายวิโรจน์ กับพวกรวม 5 ราย ศาลจังหวัดภูเขียวนัดอ่านคำพิพากษา ในวันที่ 28 สิงหาคมนี้
นายสนาม จุลละนันท์ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 นั้น เจ้าหน้าที่มีพฤติการณ์ในลักษณะของการเตรียมการ วางแผนอย่างเป็นอย่างดี ประกอบกับเวลาที่เข้าควบคุมตัวอยู่ในช่วงเช้าตรู่ ชาวบ้านบางรายกำลังทำธุระส่วนตัว ก็มาฉุดกระชาก ลาก บังคับให้ไปขึ้นรถ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ โดยนายอำเภอหว่านล้อมว่า จะนำตัวไปหารือกันที่ว่าการอำเภอคอนสาร เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา ทำให้ชาวบ้านยินยอมเดินทางไปด้วย
“เมื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวชาวบ้านมาที่ สภ.ห้วยยาง ได้กระจายกำลังล้อมพื้นที่บริเวณสถานีตำรวจไว้รอบด้าน กระทั่งชาวบ้านในสมาชิกเครือข่ายฯ ที่เดินทางมาที่ สภ.ห้วยยางในช่วงสาย ได้มีการเจรจากับตำรวจ และนายอำเภอคอนสาร สุดท้ายเจ้าหน้าที่ป่าไม้อ้างว่าผมและพวกได้เข้าบุกรุก ครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม” นายสนามกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ป่าโคกยาวถูกประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม เมื่อปี 2516 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 290,000 ไร่ และมีโครงการปลูกสวนป่า ทดแทนพื้นที่สัมปทาน ด้วยการนำไม้ยูคาลิปตัสมาปลูกในพื้นที่เมื่อปี 2528 จนเกิดเป็นกรณีพิพาทที่ดินสวนป่าโคกยาว ระหว่างชาวบ้านที่เคยทำกินในพื้นที่และหน่วยงานของรัฐ ก่อนจะมีมติ ครม.ปี 2553 เห็นชอบให้ชาวบ้านสามารถเข้าทำประโยชน์ในสวนป่าได้โดยไม่มีการข่มขู่ กักขัง และดำเนินคดีในช่วงที่กำลังมีการแก้ไขปัญหา แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยังคงประสบปัญหาถูกคุกคามและจับกุมอยู่
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ