เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนกรณีการทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ตามโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 วงเงิน 5,300 ล้านบาท หรือ SP2 ว่า ขณะนี้การสืบสวนสอบสวนชั้นต้นได้เสร็จสิ้นแล้ว คณะทำงานได้สรุปสำนวนคดี โดยกล่าวหานายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตรมว.ศึกษาธิการ น.ส.นริศรา ชวาลตันติพิพัทธ์ อดีตรมช.ศึกษาธิการ นายเจี่ยง วงศ์สวัสดิ์สุริยะ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการอาชีวศึกษา และนายบำรุง อร่ามเรือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันปฏิบัติจัดซื้อพัสดุครุภัณฑ์
โดยมีสาระสำคัญ คือ แต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดของรัฐมนตรี เป็นคณะกรรมการในการจัดซื้อครุภัณฑ์ให้เป็นไปตามความต้องการของตนเอง จัดซื้อครุภัณฑ์ที่มีราคาแพงเกินจริง ไม่ได้สำรวจความต้องการของสถานศึกษา ผู้ประกอบการ หรือผู้ขายสินค้าครุภัณฑ์ให้กับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) อยู่ที่ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐบางคนเท่านั้น เป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์แก่คู่สัญญารายใดรายหนึ่ง และการตรวจรับครุภัณฑ์ไม่ตรงตามกำหนด หรือสัญญาซื้อขาย โดยดีเอสไอจะส่งสำนวนคดีนี้ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อไต่สวนและวินิจฉัยตามกฎหมาย และจะทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป โดยให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดนำหลักฐานเข้าชี้แจงแสดงความบริสุทธิ์กับพนักงานสอบสวนในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.00 น.
ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีตรมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นยังไม่ได้รับแจ้งจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้เข้าชี้แจงในวันที่ 15 พฤศจิกายน โดยวันนี้ก็อยู่ระหว่างมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนใน จ.นครศรีธรรมราช ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตามขอชี้แจงว่าเรื่องการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการแล้ว ที่สำคัญขณะดำรงตำแหน่ง ก็เคยสั่งการให้ตรวจสอบ ควบคุม และกำกับแล้ว ส่วนรายละเอียดต่างๆ ในขณะนั้นเป็นหน้าที่ของ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีตรมช.ศึกษาธิการ ที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ตลอดจนตัวเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ในเวลานั้น เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องทางการเมืองที่พยายามดึงเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของทางรัฐบาลอยู่แล้ว และส่วนตัวก็พร้อมจะชี้แจงอยู่แล้ว แต่ต้องรอหนังสือจากดีเอสไอก่อน ส่วนน.ส.นริศราปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใด ๆ ทั้งสิ้น
นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อดีเอสไอแถลงผลสอบเบื้องต้นออกมาว่ามี ข้าราชการประจำ 2 ราย คือ นายเจี่ยง วงศ์สวัสดิ์สุริยะ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการอาชีวศึกษา และนายบำรุง อร่ามเรือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ดังนั้นต้องมาดูว่าทั้ง 2 ราย ถูกตั้งกรรมการสอบสวนแล้วหรือไม่ หากยังไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวน ก็จะต้องตั้งขึ้นมาและให้การสอบสวนดำเนินการไปตามขั้นตอน เริ่มจากการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามด้วยการตั้งกรรรมการสอบวินัย ในกรณีที่พบว่าผลการสอบมีมูล โดยต้องนำเอาผลสอบของดีเอสไอมาร่วมพิจารณาด้วย แต่ไม่ใช่ว่า ผลสอบดีเอสไอเป็นอย่างไร ผลการสอบของ ศธ.ก็จะต้องออกมาเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนตามจริง
อย่างไรก็ตามนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ได้สอบถามตนว่า เมื่อดีเอสไอแถลงผลสอบเบื้องต้นมาเช่นนี้แล้ว ในส่วนของข้าราชการประจำ 2 ราย คือ นายเจี่ยงและนายบำรุงนั้น ศธ.หรือสอศ.มีอำนาจตามกฎหมาย สั่งทั้ง 2 รายให้พักราชการก่อน ในระหว่างการสอบสวนหรือไม่ ซึ่งตนกำลังทางฝ่ายนิติกรตรวจสอบดูอยู่ แต่ที่ผ่านมาจะใช้วิธีสั่งย้ายให้คนผิดออกจากตำแหน่งเดิม เพื่อป้องกันเจ้าตัวใช้อำนาจหน้าที่ ทำลายหลักฐาน ยังไม่เคยพบกรณีให้พักราชการไว้ก่อน
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ