“แม่ค่ะหนูอยากใส่เสื้อชั้นในบ้าง เพื่อนห้องเดียวกับหนูเขาใส่กันแล้ว” คำถามไร้เดียงสาเกิดขึ้นกับเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่เพิ่งไปโรงเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ได้เพียงวันเดียว สร้างความตกใจให้กับผู้ปกครองเด็กหญิงไม่น้อย หากมองโดยทั่วไป อาจจะคิดได้ว่า อิทธิพลของสื่อที่ส่งผลต่อความคิดของเด็กๆ สังคมปัจจุบันเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กผู้หญิงอยากโตเป็นสาวเร็วๆเหมือนเพื่อน หรือเด็กผู้ชายอยากโตเป็นหนุ่มวัยรุ่นเร็วกว่าเดิม ไม่ได้มีเรื่องใดผิดปกติ หรือมีข้อกังวลอื่นใดนอกจากการระวังเด็กๆ ให้เข้าใจสื่อในปัจจุบัน
แต่เมื่อสอบถามพ่อแม่อีกหลายคนที่ลูกอยู่ในวัยเดียวกัน ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างน่าสนใจของลูกหลานในช่วงวัยเด็กนี้ กลับพบข้อน่าสงสัยประการหนึ่ง คือ เด็กยุคนี้มีร่างกายเจริญเติบโตรวดเร็วกว่า เด็กในอดีตรุ่นพ่อแม่มากนัก
ข้อสันนิษฐานหนึ่งเชื่อว่า มาจากอาหารการกินในยุคปัจจุบันที่น่าจะมีปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็กๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อสงสัยที่ว่า สารเคมีบางชนิดในอาหาร เช่น สารเร่งโตในไก่ ที่ถูกนำมาเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดยอดนิยม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กโตเร็วกว่าที่ควรจะเป็น จริงหรือไม่
แพทย์ชี้กินไก่มากทำเด็กหญิงอกโตเร็ว-เด็กชายเสี่ยงตุ้งติ้ง
จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังกลับไป พบว่าได้มีการติดตามประเด็นเพื่อหาข้อเท็จจริงกรณีอยู่บ้างแล้ว โดย เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 พ.ญ.จุฬาภรณ์ รุ่งพิสุทธิ์พงษ์ แพทย์อายุรกรรม และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโภชนาบำบัด โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน เกี่ยวกับข้อถกเถียงในวงการแพทย์ ว่าการกินไก่จำนวนมากทำให้เด็กผู้หญิงโตเป็นสาวเร็วขึ้น ขณะที่เด็กผู้ชายเสี่ยงต่อการเบี่ยงเบนทางเพศจริงหรือไม่ โดยระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่การเจริญเติบโตของเด็กไทยในปัจจุบัน มีผลมาจากการได้รับสารเร่งโตที่ติดค้างอยู่ในเนื้อไก่ที่ถูกนำมาเป็นอาหารในชีวิตประจำวันของเด็กๆ
“ปัจจุบันพบว่าเด็กผู้หญิงไทยเริ่มมีประจำเดือนเร็วก่อนวัยอันควร ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากสภาพความเป็นอยู่ที่ดี ทำให้กินดีอยู่ดี และที่สำคัญคือ เด็กยุคใหม่มีการบริโภคไก่กันมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆ ต่อร่างกายของเด็กในช่วงที่ยังอยู่ระหว่างการเจริญเติบโต ทำให้เด็กเดี๋ยวนี้โต เร็วมาก อายุ 7-8 ปี ก็เริ่มมีเต้านม มีประจำเดือนกันแล้ว ตรงนี้ถือว่าเป็นการเจริญเติบโตที่เร็วผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลกระทบตามมาคือ เด็กโตเร็วขึ้น ในขณะที่กระดูกจะปิดเร็ว ทำให้ตัวเตี้ยลง” พ.ญ.จุฬาภรณ์ระบุ
นอกจากนี้พ.ญ.จุฬาภรณ์ยังเชื่อมโยงให้เห็นต่อไปด้วยว่า เป็นที่คาดการณ์ว่า ภาวะความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กส่วนใหญ่ ที่ระยะหลังต่างหันมานิยมบริโภคเนื้อไก่เป็นหลัก อาจทำให้ได้รับสารบางประเภทที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง อาทิ ได้รับฮอร์โมนเพศหญิงได้ในภายหลัง และสาเหตุส่วนหนึ่งอาจสืบเนื่องมาจากไก่ เนื่องจากไก่สมัยนี้ ผู้เลี้ยงจะอาศัยวิธีฉีดสารเร่งทำให้ไก่โตเร็ว เพื่อขายได้ทันตามความต้องการของตลาด ที่มีความต้องการบริโภคเนื้อไก่ค่อนข้างสูง ฉะนั้นวิธีการฉีดสารเคมี เพื่อเร่งให้ไก่โตเร็วก่อนกำหนด จึงไม่อาจหลีกเลี่ยง ได้ ดังนั้น ผู้ใดที่กินไก่เข้าไปก็เทียบเท่าได้กับการได้รับฮอร์โมนเพศหญิง หรือเอสโตรเจน จากสารที่ฉีดเร่งโตของไก่เข้าไปในร่างกายด้วย และผลที่อาจเกิดขึ้นตามมา อาจส่งผลทำให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะเด็กๆ โตเร็ว เป็นหนุ่มเป็นสาวกันเร็วขึ้น สามารถมีลูกได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แก่เร็ว และอายุสั้นลง
“ไม่ว่าเพศหญิงหรือเพศชายที่ได้รับฮอร์โมนเพศหญิง จะได้รับผลกระทบเช่นกัน คือ ผู้หญิงจะได้รับฮอร์โมนเพศหญิงทำให้โต เป็นสาวเร็วขึ้น ขณะเดียวกันเพศชายที่ได้รับฮอร์โมนเพศหญิง ก็อาจเกิดผลข้างเคียง อย่าง เช่น เกิดอาการกระตุ้งกระติ้งได้” พ.ญ.จุฬาภรณ์กล่าว
การตั้งข้อสังเกตของ พ.ญ.จุฬาภรณ์จึงน่าจะเป็นอีกข้อมูลหนึ่ง ที่น่าจะเชื่อได้ส่วนหนึ่งว่า สาเหตุที่เด็กโตเร็วกว่าวัย น่าจะมีผลจากอาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภทไก่ฟาสต์ฟู้ด ไม่มากก็น้อย
กุมารแพทย์เผยอาจมีปัจจัยอื่นร่วมแต่แนวโน้มกินไก่มากกว่า
ขณะที่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ น.พ.กิตติ อังศุสิงห์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เคยให้ข้อมูลกับผู้ที่ไปร่วมงาน Family Health Fair 2011 เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2554 ถึงปัจจัยด้านอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการทำให้เด็กโตเร็วก่อนวัยว่า ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเป็นหนุ่มสาวเร็ว ได้แก่ กรรมพันธุ์ โภชนาการ หรือมีการทำงานของฮอร์โมนระบบสืบพันธุ์เร็วเกินไป โดยไม่ทราบสาเหตุ หรืออาจมีต้นเหตุจากเนื้องอกก็เป็นได้ เป็นความจริงที่ว่า เด็กผู้หญิงที่อวบอ้วนมักเป็นสาวเร็ว เด็กที่ผอมหรือออกกำลังกายอย่างหักโหมจะมีประจำเดือนช้า
ส่วนปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมที่อาจเกี่ยวกับการเป็นสาวเร็ว ได้แก่ ฮอร์โมนเอสโตรเจนตกค้างในสัตว์ปีก และสารที่ออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน เช่น บีพีเอในผลิตภัณฑ์พลาสติก นอกจากนี้การเติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็ว เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมได้เช่นกัน เช่น จากที่พ่อก็เป็นหนุ่มเร็ว แม่มีประจำเดือนเร็วก่อนอายุ 12 ปี
อย่างไรก็ตามยังพบว่า เด็กผู้หญิงที่เป็นสาวเร็ว ประจำเดือนมาเร็ว ในขณะที่แม่อาจจะมีประจำเดือนเมื่ออายุ 14- 15 ปี แสดงว่าปัจจัยอื่นทางสิ่งแวดล้อม สามารถเอาชนะปัจจัยพันธุกรรมได้ และอาจเกี่ยวกับสารเล็ปตินที่เซลล์ไขมันสร้างขึ้น ไปออกฤทธิ์ในสมอง ทำให้เริ่มเป็นสาวเร็วขึ้น เด็กผู้หญิงที่ได้รับฮอร์โมนเพศหญิงจากภายนอกนานพอสมควร แล้วหยุดการได้รับฮอร์โมนนี้ มักจะเริ่มเป็นสาวเร็วในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ น.พ.กิตติยังมองว่า มีประเด็นที่น่าสนใจคือ มีฮอร์โมนเพศหญิงสังเคราะห์เจือปนในสัตว์ปีกเช่นไก่หรือไม่ แม้ว่าจะมีการประกาศห้ามใช้ฮอร์โมนนี้กับสัตว์ปีกมานานกว่า 15 ปี แต่มีข้อกังขา ทำให้ยังไม่น่าเชื่ออย่างสนิทใจว่า ไม่มีการใช้ฮอร์โมนนี้จริงหรือไม่ เพราะยังมีการผลิตฮอร์โมนนี้ทำเป็นเม็ดจำหน่ายอยู่
“จากประสบการณ์ที่เคยพบ มีเด็กหลายคนที่ชอบกินไก่แล้วมีเต้านมโต เมื่อแนะนำให้หยุดปรากฏว่าหน้าอกยุบลงได้ ซึ่งการตรวจวัดปริมาณฮอร์โมนดังกล่าวค่อนข้างยุ่งยาก และต้องอาศัยเครื่องมือที่ซับซ้อนและมีราคาแพง อย่างไรก็ตามภาวะเป็นสาวก่อนวัย แตกต่างจากกรณีเป็นสาวตามวัย แต่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายอย่างรวดเร็วด้วยฤทธิ์ของฮอร์โมน ซึ่งอาจมีประจำเดือนเร็วเกินไปเช่นกัน” น.พ.กิตติกล่าว
รักษาได้ต้องฉีดฮอร์โมนยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน
และยังพบข้อมูลซึ่งน.พ.กิตติเคยเขียนไว้เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ระบุว่า ที่เรียกว่าเป็นสาวก่อนวัย คือการที่เด็กหญิงเริ่มมีการพัฒนาของหน้าอกก่อนอายุ 8 ปี หรือมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 9 ปี แต่ถ้าอายุเกิน 13 ปีแล้วยังไม่เริ่มเป็นสาว ก็เรียกว่า เป็นสาวช้ากว่าปกติ ส่วนลักษณะทางเพศที่แสดงออกว่า เริ่มเป็นสาวแล้วนั้น ถูกกำหนดโดยฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจน ถูกควบคุมด้วยฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองอีกต่อหนึ่ง ซึ่งมักไม่ทราบสาเหตุ แต่มีบ้างเป็นส่วนน้อยที่เกิดจากเนื้องอกในสมองมากระตุ้นให้ฮอร์โมน จากต่อมใต้สมองออกมาก่อนกำหนด
“ผลเสียของการเป็นสาวก่อนวัย จะเป็นผลโดยตรงจากฮอร์โมนเพศหญิง มี 2 ประการ คือ 1.ช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น เด็กจะสูงกว่าเด็กวัยเดียวกัน แต่จะโตเป็นผู้ใหญ่ที่เตี้ยกว่าปกติ เนื่องจาก ฮอร์โมนเพศหญิงทำให้โตเร็วในวัยเด็ก เป็นผลให้กระดูกปิดเร็วกว่า วัยปกติ เด็กบางรายอายุ 10-12 ปี ก็หยุดการเจริญเติบโตแล้ว เนื่องจากกระดูกปิดสนิท ดังนั้นระยะเวลาการเจริญเติบโตจึงสั้นกว่าปกติ เมื่อเป็นผู้ใหญ่จึงเตี้ยกว่าปกติ
2.ปัญหาทางด้านจิตใจ เด็กที่เป็นสาวก่อนวัยบางรายจะรู้สึกอายเพื่อน เพราะว่ามีหน้าอกโต บางรายถูกรังแกทางเพศจากผู้ใหญ่เพศชาย พบได้ตั้งแต่ถูกจับหน้าอก จนกระทั่งถูกข่มขืนและตั้งครรภ์ตั้งแต่วัยเด็ก”
ส่วนวิธีการรักษาเพื่อชะลอการเป็นสาว น.พ.กิตติกล่าวว่า จะต้องได้รับการให้ยาฉีด GnRH-agonist ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สังเคราะห์ขึ้น ฉีดเข้ากล้ามเดือนละ 1 ครั้งทุกเดือนฮอร์โมนชนิดนี้จะไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง ทำให้ ฮอร์โมนเพศจากรังไข่ลดลง ยาชนิดนี้ต้องฉีดติดต่อกันไปจนอายุประมาณ 11-13 ปี เมื่อหยุดยาเด็กก็จะเริ่มเป็นสาวภายใน 3-6 เดือน
ซึ่งผลดีของการรักษาคือ จะทำให้หน้าอกมีขนาดเล็กลง บางรายจะยุบลงจนเหมือนเด็กปกติ การชะลอการเป็นสาว จะทำให้ร่างกายเจริญเติบโตตามปกติ เหมือนเด็กวัยเดียวกัน กระดูกก็จะไม่ปิดเร็ว เมื่อเป็นผู้ใหญ่จะมีความสูงตามศักยภาพ ทางพันธุกรรม และทำให้สภาพจิตใจกลับมาเป็นปกติ เนื่องจากร่างกายกลับสู่สภาพเหมือนเด็กวัยเดียวกัน
แต่ขณะเดียวกันก็เกิดผลเสียที่ชัดเจนคือ ต้องถูกฉีดยาเข้ากล้ามทุกเดือนติดต่อกันนานหลายปี เสียค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากยาราคาแพง ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเดือนละประมาณ 10,000 บาท และยังพบว่า บางรายมีอาการแพ้ยาทำให้ต้องหยุดการใช้ยา ส่วนผลเสียระยะยาว เท่าที่ติดตามข้อมูลทางการแพทย์ที่ใช้ยานี้มาประมาณ 15 ปี ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์
สัตวแพทย์ซีพียันไก่ไทยไม่ฉีดฮอร์โมนแล้ว
อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับสรีระของเด็กและวัยรุ่น ไม่ใช่ความเชื่อหรือการคาดเดา แต่เหตุผลและข้อมูลทางการแพทย์ก็สนับสนุนคำถามเรื่อง “กินไก่ทำให้อกโตก่อนวัยจริงหรือ” ได้เป็นอย่างดี
น.สพ.นรินทร์ ร่มลำดวน รองกรรมการผู้จัดการ ด้านสุขภาพสัตว์ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เคยตอบคำถามผู้ที่มีความสงสัยในประเด็นเดียวกันนี้ ทาง Facebook ของเครือซีพี ที่ชื่อ We are CP เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 ในหัวข้อ “ไขข้อสงสัยกินไก่แล้วอกโต” ระบุว่า ตามข้อเท็จจริงมีข้อเขียนเชิงวิชาการมากมายที่ยืนยันว่า ไก่ไทยไม่มีการใช้ฮอร์โมนมานานมากแล้ว และการกินไก่แบบปกติก็ไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดโรค “โรคหนุ่มสาวก่อนวัย” ยกเว้นคนที่เลือกกินเฉพาะไขมัน เช่น ไก่ทอด หรือหนังไก่ทอด เป็นประจำติดต่อกันเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2529 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศห้ามใช้ยาเฮ็กโซเอสตรอล (Hexoestrol) ซึ่งเป็นยาที่ใช้สำหรับตอนสัตว์ปีก และเป็นฮอร์โมนสำหรับรักษาสัตว์ โดยมีคำสั่งเพิกถอนทะเบียนตำรับยาที่มีเฮ็กโซเอสตรอล ไม่ให้จำหน่ายในประเทศไทยแล้ว
ส่วนที่หลายคนอาจสงสัยว่า อาจมีการลับลอบใช้ คงต้องตอบว่ามันไม่คุ้มค่า และเสี่ยงต่อการขาดทุนของผู้เลี้ยงมาก เพราะฮอร์โมนที่ลักลอบย่อมมีราคาแพง ขณะที่ปัจจุบันไก่ไทยสามารถเลี้ยงให้โตได้ในเวลาเพียง 40-45 วัน ถ้าฉีดฮอร์โมนราคาแพงเข้าไป ฮอร์โมนยังไม่ทันทำงาน ไก่ก็ต้องถูกชำแหละเสียแล้ว จะคุ้มค่าได้อย่างไร และยังเสี่ยงถูกจับกุมด้วย ขณะเดียวกันเทคโนโลยีวิธีตรวจหาฮอร์โมนตกค้างสามารถทำได้ง่าย ซึ่งผู้เลี้ยงคงจะไม่เสี่ยงแน่นอน
นอกจากนี้ ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่ของโลก มีตลาดหลักที่สำคัญ คือ สหภาพยุโรป หรืออียู และญี่ปุ่น ซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยอาหารอย่างมาก และมีการตรวจสอบการใช้สารหรือฮอร์โมนอย่างเข้มงวด เพราะถือเป็นสารอันตราย ที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านม ผู้ประกอบการไทยจึงต้องยึดแนวทางการผลิต ตามข้อกำหนดทางการค้าของอียู ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยให้ความใส่ใจตลอดกระบวนการผลิต ตั้งแต่การเลี้ยงจนถึงการแปรรูป เพื่อไม่ให้มีสารอันตรายใดๆ ปนเปื้อนหรือตกค้างในสินค้าเป็นอันขาด และในการส่งออกที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีการตรวจพบว่า ไก่ของประเทศไทยมีการใช้สารดังกล่าว ผู้บริโภคจึงมั่นใจในความปลอดภัยของไก่ไทยได้
สำหรับข้อสงสัยที่ว่า ถ้าไม่ใช้ฮอร์โมนแล้วอะไรทำให้ไก่โตเร็ว ตรงนี้คงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ในภาคเกษตรของไทยเรานั้นได้มีความพยายามพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่องมาตลอด โดยมีการพัฒนาพันธุกรรมของตัวไก่ เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่มีความแข็งแรง และมีการเจริญเติบโตที่ดีตามธรรมชาติ ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการเลี้ยง อย่างโรงเรือนปิดปรับอากาศได้ (EVAP) ที่ทำให้ไก่อยู่สุขสบาย ไม่เครียด จึงไม่ป่วย และเจริญเติบโตได้ดี โดยไม่ต้องใช้ฮอร์โมนหรือสารเร่งใดๆ
ประกอบกับการเลี้ยงโดยใช้หลักการตามมาตรฐานสวัสดิภาพและสุขอนามัยสัตว์ที่ดี เทียบเท่ากับมาตรฐานต่างประเทศ รวมทั้งมีมาตรการตรวจสอบย้อนกลับทั้งระบบ ขณะเดียวกัน นักโภชนาการก็จะคิดและพัฒนาสูตรอาหาร ที่เหมาะสมกับความต้องการของสัตว์แต่ละสายพันธุ์หรือช่วงอายุ เพื่อให้สามารถแสดงออกถึงลักษณะเด่นทางพันธุกรรมได้อย่างเต็มที่ เหตุผลเหล่านี้คงพอจะตอบคำถามที่ว่า ทำไมไก่ไทยไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งโต และทำไมไก่ที่เลี้ยงในปัจจุบันถึงได้ใช้เวลาเลี้ยงน้อยกว่า แต่กลับโตดีกว่าไก่ที่เลี้ยงกันในอดีต
โต้ใครเชื่อว่ากินไก่แล้วอกโตแสดงว่าโบราณ-คร่ำครึ
อย่างไรก็ตามเมื่อกล่าวถึงประเด็นความเปลี่ยนแปลง หรือผลกระทบที่เกิดกับเด็ก น.สพ.นรินทร์กลับไม่เจาะจงว่าการกินไก่ทำให้อกโตจริงหรือไม่ แต่ระบุว่า “ส่วนคำถามที่ว่ากินไก่แล้วโตเร็วจริงหรือเปล่า” ก็คงต้องให้นายแพทย์รักษาคนมาช่วยตอบ ขออนุญาตนำงานเขียนของ น.พ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติมาอ้างอิง คุณหมอบอกว่า การเป็นหนุ่มสาวเร็วถือเป็นโรคอย่างหนึ่งเรียกว่า “โรคหนุ่มสาวก่อนวัย” ซึ่งมีสาเหตุหนึ่งมาจากการที่มีมวลไขมันพอกตัวเยอะ ในเด็กที่ชอบกินไก่ทอดหรือหนังไก่จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคนี้สูง
ในอดีตสมัยที่มีการใช้ฮอร์โมนไก่อยู่นั้น ฮอร์โมนเหล่านี้มักละลายในไขมันได้ดี ดังนั้นเด็กที่กินเข้าไปก็เก็บสะสมไว้ในไขมัน เมื่อรับประทานมากเข้าจึงมีส่วนทำให้เกิด “โรคหนุ่มสาวก่อนวัย” ได้ นอกจากนี้ คุณหมอยังเพิ่มเติมว่า ฮอร์โมนไก่ ถูกใส่ความให้เป็นต้นเหตุของ "ซีสต์รังไข่" ด้วย ทั้งๆ ที่ ทุกวันนี้ ยังไม่มีงานวิจัยใดที่บ่งชี้ว่า กินไก่หรือปีกไก่แล้วทำให้เกิดซีสต์ที่รังไข่ ในขณะที่ “ความอ้วน” ต่างหากที่เป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิด “ซีสต์รังไข่” ใครที่กินแต่หนังไก่จนอ้วนมากจะเข้าข่ายเสี่ยงโดยปริยาย
ทั้งนี้ เนื้อไก่จัดอยู่ในกลุ่มเนื้อสีขาว (White meat) ถือเป็นโปรตีนย่อยง่าย ไขมันน้อย ถ้าเทียบกับเนื้อแดง เช่น เนื้อวัว นอกจากนี้ เนื้อไก่ก่อให้เกิด “ภูมิแพ้” น้อยกว่า ถ้าใครเป็นภูมิแพ้เรื้อรังไม่หาย หรือเด็กๆ มีภูมิแพ้เรื้อรัง เปลี่ยน จากเนื้อวัว มากินเนื้อไก่ก็ดี การที่เนื้อไก่ไม่ค่อยทำให้แพ้ง่าย เป็นเพราะกรดอะมิโนในเนื้อไม่ค่อยมากหน้าหลายตาเท่าเนื้อวัว จะเห็นได้ว่า ร.พ.ศิริราชยังนำเนื้ออกไก่มาบดทำเป็นน้ำเรียกว่า “นมไก่” ให้เด็กภูมิแพ้กินแทนนมวัวด้วย
น.สพ.นรินทร์ยังกล่าวด้วยว่า ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตไก่อันดับต้นๆ ของโลก มาตรฐานการผลิตไก่ของไทยก็ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศที่เข้มงวดด้านมาตรฐานการผลิต น่าจะตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยต่อการบริโภคได้อย่างชัดเจนว่า ไก่ไทย ปลอดภัยไร้ฮอร์โมน ซึ่งความกังวลของผู้บริโภคในเรื่องนี้ จะทำให้เสียโอกาสในการรับประทานโปรตีนที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์อย่างเนื้อไก่
ผู้ประกอบการรับ ยังมีฟาร์มฉีดสารเร่งโตในไก่
ขณะที่เมื่อสอบถามไปยังผู้ประกอบการเลี้ยงไก่ เพื่อต้องการหาคำตอบว่า จริงหรือไม่ ที่ปัจจุบันไม่มีการใช้ฮอร์โมนกับไก่แล้ว และจริงหรือไม่ที่กินไก่มากแล้วทำให้หน้าอกโตก่อนวัย นายธนเดช แสงวัฒนกุล ผู้จัดการฟาร์มไก่ อุดมชัยฟาร์ม เปิดเผยว่า การฉีดฮอร์โมนเร่งโตในไก่ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากอาหารที่รับประทานได้พัฒนาไปสู่จุดสูงสุด มีการพัฒนาสายพันธุ์อาหารเหล่านั้นให้โตเร็ว ซึ่งอาจจะไม่เฉพาะแค่ไก่อย่างเดียว แต่มีอาหารชนิดอื่นด้วย และผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงตกอยู่กับผู้บริโภค
“ในอดีตมีการฉีดสารเร่งโตแน่นอน โดยเฉพาะในไก่ตอน จะใช้วิธีฝังเม็ดยาไว้ที่หัว 2 เม็ด เพื่อทำให้ไก่โตเร็ว สวย น่ารับประทาน แต่ปริมาณไม่มากนัก และไม่ได้ฉีดสารดังกล่าวในไก่ทุกชนิด ฉีดเฉพาะไก่ตอนเท่านั้น และในปัจจุบันอาจจะมีบางฟาร์มที่ฉีดยาอยู่บ้าง ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับคุณธรรมของผู้ประกอบการ ที่ควรจะคำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภค ไม่ใช่แค่กำไรเพียงอย่างเดียว”
ข้อมูลและความคิดเห็นที่ได้รับอาจไม่สามารถระบุลงไปได้อย่างชัดเจนว่า “กินไก่ทำให้อกโตจริงหรือ” เพราะแม้แต่ข้อมูลทางการแพทย์ที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก กลับยังระบุว่า อาจเกิดจากปัจจัยอื่นร่วมด้วย ที่จะทำให้เด็กโตก่อนวัย แต่น้ำหนักของข้อมูลก็ยังเบี่ยงเบนไปยังฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นสารเร่งโตในไก่ และไม่มีในวัตถุดิบของอาหารชนิดอื่น ขณะที่สัตวแพทย์ยังยืนยันว่า ปัจจุบันไม่มีการฉีดฮอร์โมนดังกล่าวแล้ว จึงไม่อาจสรุปเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ในฐานะผู้บริโภคควรกินอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายเกิดความสมดุลและไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรคด้วย
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ