‘สะเอียบ’ฮือไล่2บริษัทที่ปรึกษา ดอดดูพื้นที่ผุดเขื่อนแก่งเสือเต้น

14 ต.ค. 2555


เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 13 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ กว่า 100 คน เดินทางมารวมตัวที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ยม อ.สอง จ.แพร่ เพื่อเชิญให้คณะที่ปรึกษาบริษัทอิตาเลี่ยน-ไทย จำกัด ออกไปจากพื้นที่ ซึ่งนำโดย นายนพดล พฤกษะวัน และคณะอีก 7-8 คน ซึ่งเดินทางมาด้วยรถกระบะแวนอีซูซุ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน วฉ 5106 กรุงเทพมหานคร และรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ตง 3156 กรุงเทพมหานคร พร้อมสัมภาระเต็มหลังรถ

 

นายนพดลอ้างว่า ตนและคณะมาจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรุงเทพฯ เพื่อมาหาข้อมูลสภาพป่าสักทองแก่งเสือเต้นว่ามีจริงหรือไม่ เพราะจากรายงานการศึกษาที่ผ่าน ๆ มา ระบุว่า ไม่มีป่าสักทองแล้ว ตนและคณะจะได้นำข้อมูลข้อเท็จจริงสภาพป่าในปัจจุบัน ไปรายงานให้คณะอนุกรรมการ วุฒิภา ที่มีนายวิเชียร คันฉ่อง เป็นประธาน แต่จากการตรวจสอบพบว่า นายนพดลเคยเป็นข้าราชการกรมอุทยานฯ โดยก่อนเกษียณอายุราชการดำรงตำแหน่งผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 จ.สงขลา หลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว มารับจ้างเป็นที่ปรึกษาฝ่ายสิ่งแวดล้อม ให้กับบริษัทอิตาเลี่ยน-ไทย จำกัด ซึ่งนอกจากทำงานที่เกี่ยวกับโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้นแล้ว ยังทำงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมทวาย ประเทศพม่า ที่บริษัทอิตาเลี่ยน-ไทย เข้าไปรับสัมปทานด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จากการพูดคุยกันชาวบ้านสะเอียบชี้แจงว่า สภาพป่าสักทองกว่า 24,000 ไร่ ที่ชาวบ้านร่วมกันรักษามาจนถึงปัจจุบัน ได้รับการยืนยันจากหัวหน้าอุทยานแม่ยมแล้วว่า สภาพป่าสักทองแก่งเสือเต้น ยังมีความอุดมสมบูรณ์และหนาแน่นยิ่งกว่าเดิม และสื่อมวลชนทุกแขนงก็ได้มาพิสูจน์แล้วหลายต่อหลายครั้ง ก็ยืนยันว่าป่าอุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันมีมูลค่าเฉพาะเนื้อไม้สักทองไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท หากคณะมีความจริงใจ ก็ควรจะรับรู้ข้อมูลส่วนนี้ อีกทั้งทางอุทยานแห่งชาติแม่ยม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็ยืนยันชัดเจนแล้ว จึงขอเชิญคณะที่มาออกจากพื้นที่โดยด่วน

 

นายสมมิ่ง เหมืองร้อง ประธานคณะกรรมการคัดค้านเขื่อน 4 หมู่บ้าน ต.สะเอียบ กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ชาวบ้านสะเอียบมีความตึงเครียดมาก จากการที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานกบอ. ประกาศแล้วว่า จะต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นให้ได้ ชาวบ้านจึงหวาดระแวงคนแปลกหน้าเป็นธรรมดา ตนจึงขอให้ทุกหน่วยงานที่จะมาหาข้อมูล มาหาผลประโยชน์จากเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง ยุติการเข้ามาในพื้นที่ เพราะอาจเกิดปัญหาขึ้นมาได้ ชาวบ้านเป็นร้อยคุมยากหากเกิดความรุนแรงขึ้นจะมาหาว่าชาวบ้านป่าเถื่อนไม่ได้ เพราะเราได้ประกาศเตือนไปหลายครั้งแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะเอียบ ได้นำคณะของนายนพดลออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่ยม เนื่องจากมีชาวบ้านสะเอียบที่ทราบข่าวอีกจำนวนมาก ได้จอดรถตามรายทาง เกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อคณะฯได้

 

นอกจากนี้ วันเดียวกัน เวลา 14.30 น. ได้มีคณะของนายถาวร บุญราศี เป็นชาย 2 คน ผู้หญิง 1 คน จากบริษัทที่ปรึกษา บริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด เดินทางด้วยรถตู้ โตโยต้าแกรนเวีย หมายเลขทะเบียน ภม 9637 กรุงเทพมหานคร สีบรอนซ์ทอง เข้ามาในหมู่บ้านดอนชัย หมู่ 1 ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ชาวบ้านสะเอียบได้เข้าไปสอบถามนายถาวรทราบว่า มาเยี่ยมลุงที่หมู่บ้านนี้ เอาขนมมาฝากหลาน ชาวบ้านเห็นผิดสังเกต จึงประกาศหอกระจายข่าวชุมชน ให้ชาวบ้านมารวมตัวกันที่วัด ชาวบ้านกว่า 300 คน ได้เข้าไปล้อมรถของนายถาวร และเชิญให้ออกนอกพื้นที่ เพราะชาวบ้านจำหน้านายถาวรได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ ชาวบ้านต่างตะโกนด่าทออย่างเสียหาย จนตำรวจสภ.สะเอียบ ต้องนำตัวนายถาวรและคณะออกจากพื้นที่ โดยทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที

 

นายวิชัย รักษาพล แกนนำกลุ่มราษฎรรักษ์ป่า ต.สะเอียบ กล่าวว่า เราได้เตือนนายถาวรแล้วว่า อย่าเข้ามาในพื้นที่ เพราะช่วงนี้ชาวบ้านมีมติห้ามบุคคล เจ้าหน้าที่ หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง เข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเตือน ครั้งต่อไปชาวบ้านคงไม่เชิญออกนอกพื้นที่ แต่อาจเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ เพราะชาวบ้านเคยทุบรถธนาคารโลกมาแล้ว เนื่องจากห้ามแล้วยังเข้ามาอีก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ด้านนายชาติชาย ธรรมโม กลุ่มเยาวชนตะกอนยม ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนลูกหลานชาวบ้านในพื้นที่ ต.สะเอียบ กล่าวว่า เสียงตะโกนก่นด่าของชาวบ้าน ต.สะเอียบ คงเป็นสัญญาณเตือนภัยแห่งความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากรัฐบาลยังไม่ยอมใช้เหตุผลในการตัดสินใจ ชาวบ้านสะเอียบ คงต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งมิอาจคาดเดาได้ ชาวบ้านชุมชนสะเอียบตั้งถิ่นฐานอยู่มากว่า 200 ปี หากหากชุมชนจะแตกสลายเพราะเขื่อน ก็คงไม่แปลกที่พวกเราจะลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของพวกเรา อีกทั้งรัฐธรรมนูญไทยยังไห้สิทธิในการปกป้องชุมชน ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นของคนไทย และคนทั้งโลก อย่างเต็มที่

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: