เมื่อวันที่ 18 กันยายน น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ครม.มีมติให้นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการแทนตน โดยศธ.รับโอนมา ส่วนตนจะย้ายไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) แทนนายอเนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ อดีตเลขาธิการสกศ. ที่ไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการ บมจ.อสมท. เป็นการปรับเปลี่ยนโยกย้ายตามธรรมดาของผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ซึ่งนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการบอกกับตนว่า ที่ผ่านมาสำนักงานปลัดฯ ได้ช่วย ทำงานในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องรัฐบาลครบรอบ 1 ปี ศธ. และทำงานในเรื่องนานาชาติได้พอสมควรแล้ว ซึ่งต่อไปนายสุชาติอยากให้ความสำคัญเรื่องแผนงานและนโยบาย โดยเฉพาะในอีก 6 เดือนข้างหน้า รัฐบาลจะทำงานมาครบ 1 ปี กับ 6 เดือน จึงน่าจะมีแผนงานนโยบายที่เป็นโครงการออกมา จาก 31 นโยบาย ที่นายสุชาติ ได้มอบให้ดำเนินการ
อย่างไรก็ตามนายสุชาติกล่าวว่า ขณะนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ศธ.ยังไม่ได้ทำ ทั้งในส่วนของการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และในเรื่องของแผนงานต่าง ๆ รวมถึงการศึกษาเอกชนและอุดมศึกษา มีอีกหลายเรื่องที่จะต้องนำ 31 นโยบายมาเร่งดำเนินการ และจะต้องเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง เพื่อให้เป็นไปตามตามที่นายกฯได้แถลงไว้กับสภาผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้นตนก็จะไปทำงานในเชิงยุทธศาสตร์ มากขึ้น โดยตนเองก็จะประสานงานกับนางพนิตาและจะมีพิธีมองงานกันในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
“ในวันดังกล่าวดิฉันก็จะกราบลาสิ่งศักดิ์สิทธิ ของศธ. ไปอยู่ที่สกศ. และจะจัดทำเอกสารรับมอบงานในเวลา 10.00 น. ซึ่งต้องขอบคุณนายสุชาติ ที่ให้ความไว้วางใจ และชื่นชมตลอดเวลาที่ดิฉันทำงานในฐานะปลัดศธ. และขอต้อนรับนางพนิตาซึ่งมีความคุ้นเคยกันอย่างดี เพราะเคยเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นเดียวกัน จึงมีความสนิทสนมคุ้นเคย เชื่อมั่นว่านางพนิตาซึ่งเคยเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะสามารถทำงานที่ศธ.ได้อย่างสบาย โดยนางพนิตาจะมีวาระการดำรงตำแหน่ง กว่าจะเกษียณอายุราชการในอีก 1 ปี ซึ่งในช่วงระยะเวลา 1 ปีนี้ศธ. ก็ยินดีต้อนรับและเชื่อว่าเราจะทำงานร่วมกันทั้ง 5 องค์กรหลักได้อย่างดี” ปลัดกระทรวงศึกษาธิการกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุชาติ ได้ให้เหตุผลหลัก ๆ หรือไม่ว่า นอกจากอยากให้ไปดูเรื่องยุทธศาสตร์ สำคัญของกระทรวงศึกษาธิการและยังมีเหตุผลอื่นๆ อีกหรือไม่ น.ส.ศศิธรากล่าวว่า นายสุชาติ ได้ให้เหตุผลอย่างที่บอกไปว่านางพนิตามีความเหมาะสม และมีความรู้ความสามารถหลายอย่าง เพราะงานของพม.และศธ.ก็มีความคล้ายคลึงกัน อยากบอกเพื่อนชาวศธ.ว่าอย่าน้อยใจไปเลย เราอยู่ในตำแหน่งระดับสูง การหมุนเวียนการทำงานเป็นเรื่องธรรมดา ดูอย่างพล.ต.อ.วิเชียร พจโพธิ์ศรี เป็นตำรวจก็ยังไปอยู่กระทรวงคมนาคมได้
“เดี๋ยวนี้เขาต้องมีความรอบตัว อยู่ที่ไหนก็ต้องทำงานได้ เมื่อคืนวันที่ 17 กันยายน ดิฉันก็อยู่กับนายสุชาติ จนค่ำมือ และเป็นคนช่วยพิมพ์เอกสารเอง อะไรเอง เมื่อเช้าก็เอาเอกสารไปยื่นที่ครม.เอง จริง ๆ รู้ว่าเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีความขัดแย้งหรือมีข้อสงสัยอะไรทั้งสิ้น” ปลัดกระทรวงศึกษาธิการกล่าว และว่า ส่วนเรื่องการตรวจสอบกรณีการทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา นั้นคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายครั้งนี้
ทางด้านนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ว่าที่ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้เกียรติและไว้วางใจอย่างมาก ในการให้มาทำหน้าที่ที่กระทรวงศึกษาธิการ คิดว่างานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งมีพื้นฐานงานด้านสังคมครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเดียวกับกระทรวงศึกษาธิการเช่นกัน จึงน่าจะเรียนรู้และทำได้ไม่ยาก โดยเพียงนำหัวใจของกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ เป็นตัวตั้งเพื่อเรียนรู้และเข้าใจ เอาใจเขามาใส่ใจเราเพื่อเรียนรู้ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ และการบริหารงานตนยึดหลักความเมตตาธรรมมากกว่าอำนาจ จะไม่ทำอะไรที่ผิดระเบียบ ผิดกฎหมาย ซึ่งรวมถึงไม่สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำในสิ่งที่ไม่ถูก จึงขอให้สบายใจ ทั้งนี้โดยพื้นฐานของการทำงานที่พม.ที่เป็นทั้งนักบริหารและนักพัฒนาสังคม รวมทั้ง 1 ปีที่ยังมีอายุราชการเหลืออยู่ จะทำงานให้คุ้มค่ากับที่รัฐบาลให้ตนมาพักอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำถึง 4 เดือน 20 วัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงงานการศึกษาที่สนใจเป็นพิเศษ นางพนิตากล่าวว่า ตั้งใจอยากทำงานการศึกษามากมาย แต่เนื่องจากโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการที่แยกเป็นแท่ง และมีความเป็นอิสระ จึงต้องอาศัยหลักการประสานงาน โดยเฉพาะสิ่งที่ตนอยากทำมากที่สุด คือการสร้างเยาวชนพันธุ์ใหม่ที่เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาบุคลากรชาติในอนาคต จึงอยากให้มีการบรรจุให้เด็กไทยทุกคนเรียนรู้ความเป็นจิตอาสา จิตสาธารณะไว้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่หากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่สามารถดำเนินการได้คล่องตัว ก็อาจจะอาศัยสำนักการลูกเสือ ยุวกาชาด และกิจกรรมนักเรียน ภายใต้สำนักงานปลัดกกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการ นอกจากนี้ตนอยากเห็นนักศึกษาอาชีวะ มอบดอกไม้ให้กับชุมชนแทนอาวุธ หรือการจับอุปกรณ์การเรียนมาเป็นอาวุธก่อเหตุทะเลาะวิวาท โดยอาจจะประสานให้นักศึกษาอาชีวะเข้าไปช่วยเหลือชุมชนด้านต่าง ๆ ทั้งการซ่อมแซมบ้านเรือน อุปกรณ์ รวมทั้งร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความภาคภูมิใจกับความเป็นนักศึกษาอาชีวะกับชุมชน อย่างไรก็ตามหลังโปรดเกล้าฯ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ คงต้องเข้าพบรมว.และรมช.ศึกษาธิการเพื่อขอทราบแนวทางการทำงานก่อน
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ