อดีตคอทส.ระดมต้านเขื่อนแม่วงก์ เอ็นจีโอล่าหมื่นชื่อฟ้องศาลปค.

เอมพงศ์ บุญญานุพงศ์ ศูนย์ข่าว TCIJ 18 เม.ย. 2555 | อ่านแล้ว 2761 ครั้ง

วันที่ 17 เม.ย. กลุ่มอดีตนักศึกษาที่เคยทำกิจกรรมร่วมกับคณะกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม 16 สถาบัน (กคอทส.) จำนวน 53 คน ออกแถลงการณ์คัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ฉบับที่ 1 ระบุว่า จากกรณีที่รัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 อนุมัติให้ดำเนินโครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้ง โดยจะใช้งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น 13,280 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาก่อสร้างถึง 8 ปี โดยผูกพันงบประมาณถึงปีงบประมาณ 2562

ทั้งนี้ จากการติดตามปัญหาเรื่องเขื่อนแม่วงก์มาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี “กลุ่มอดีตนักศึกษาที่เคยทำกิจกรรม ร่วมกับคณะกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม 16 สถาบัน (กคอทส.)” อันเกิดจากการรวมตัวของประชาชนหลากหลายสาขาอาชีพ ที่เคยทำกิจกรรมด้านอนุรักษ์ธรรมชาติ ในช่วงที่ศึกษาระดับอุดมศึกษา ในนาม คณะกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม 16 สถาบัน (คอทส.) และกลุ่มชมรม ชุมชุม กิจกรรมนักศึกษาอื่นๆ ในอีกหลายมหาวิทยาลัย มีความเห็นร่วมกันว่า มติ ครม. ดังกล่าวเป็นการตัดสินใจที่เร่งด่วน และขาดความรัดกุมเกินไป โดยอาศัยสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ เมื่อปลายปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา เป็นข้ออ้างในการดำเนินการโครงการดังกล่าวอย่างเลื่อนลอย และขาดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากภาคสังคมประชาชน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ ทำให้การพิจารณาถึงผลได้ผลเสีย และผลกระทบในด้านต่าง ๆ ถูกละเลยมองข้ามไปอย่างเร่งรีบโดยเจตนาเคลือบแฝงบางประการ

กคอทส. มีความเห็นว่าโครงการนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง ต่อความสมดุลทางระบบนิเวศน์ การสูญพันธุ์ของสัตว์ป่าหายาก การสูญเสียผืนป่าธรรมชาติที่เหลืออยู่น้อยเต็มที โดยเฉพาะป่าสักทองธรรมชาติหลายหมื่นต้น

ดังนั้น จึงมีข้อเสนอต่อสาธารณชนและรัฐบาลดังนี้

1. ยกเลิกมติครม. วันที่ 10 เมษายน 2555

ให้รัฐบาลยกเลิกมติ ครม. วันที่ 10 เมษายน 2555 ที่อนุมัติให้ดำเนินโครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ รัฐบาลควรพิจารณาความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ.2545 ที่มีมติไม่เห็นชอบในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ พร้อมเสนอให้กรมชลประทานกลับไปศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ มากกว่าที่จะเสนอให้มีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่เป็นทางเลือกเดียวเท่านั้น

2.ในกรณีการแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งนั้น รัฐจะต้องสร้างกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมและจริงใจ เลิกความคิดการแก้ปัญหาแบบไร้ทางเลือกให้แก่คนในสังคม

หลายปีที่ผ่านมาโครงการเขื่อนขนาดใหญ่ ถูกตั้งข้อกังขาจากสังคมมาโดยตลอดว่าจะแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้จริงและคุ้มค่ากับทรัพยากรธรรมชาติที่สูญเสียไปหรือไม่ รวมทั้งการดำเนินโครงการเม็กกะโปรเจ็คของรัฐในหลายโครงการ โดยไม่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ได้สร้างปัญหาความขัดแย้งแตกแยกทางความคิดของคนในสังคมมาโดยตลอด นั่นชี้ให้เห็นว่าสังคมไทยขาดกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีประสิทธิภาพ ในการจัดการกับปัญหาความไม่ลงรอยทางความคิดเหล่านี้ได้ ในบรรยากาศที่รัฐบาลและทุกภาคส่วนปรารถนาบรรยากาศการปรองดอง

กคอทส.จึงมีความปรารถนาจะเห็นนโยบายการแก้ปัญหาเรื่องการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ที่เกิดประโยชน์กับประชาชน โดยผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมศึกษารับฟังผลกระทบอย่างรอบด้านก่อนอนุมัติดำเนินโครงการจัดสร้าง

ทั้งนี้ กคอทส. จะดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเรื่องโครงการเขื่อนแม่วงก์และการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนมากที่สุด

สำหรับกลุ่มอดีตนักศึกษาที่เคยทำกิจกรรมร่วมกับคณะกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม 16 สถาบัน (กคอทส.) จำนวน 53 คน ประกอบด้วย นายทิวา สัมฤทธิ์ น.ส.นุชจรี ใจเก่ง นายจักริน ยูงทอง น.ส.ศิริรัตน์ กตัญชลีกุล น.ส.นฤมล ไพบูลย์สิทธิคุณ นายสมิทธิ ธนานิธิโชติ นายเฉลิมพล ปทะวานิช น.ส.น้ำผึ้ง หัสถีธรรม นายบัณฑิต ไกรวิจิตร นายณัฐวุฒิ คำธรรม นายคติ มุธุขันธ์ น.ส.ฝ้ายคำ หาญณรงค์ น.ส.เพ็ญพรรณ อินทปันตี นายฆฤพร สาตราภัย นายวรรธนะ วันชูเพลา นายวัชรินทร์ สังขารา นายบารมี ชัยรัตน์ นายรอมฎอน ปันจอร์ น.ส.ดุจหฤทัย ณ ป้อมเพ็ชร นายกิตติชัย งามชัยพิสิฐ นายชัยพร นำประทีป นายเชาวรัช ทองแก้ว นายปิยะวัฒน์ จิรเทียนธรรม นายประดิษฐ์ ลีลานิมิต น.ส.กุลธิดา สามะพุทธิ น.ส.จิตรลดา โลจนาทร นายสัญญา สุภาผล นายสุริยา โพธิมณี น.ส.สาวิตรี พูลสุขโข

นายสามารถ เบญจอดุลย์ นายธีรวัฒน์ ปิติยานานนท์ น.ส.จิตลดา ไวดาบ น.ส.พัชรี อังกูรทัศนียรัตน์

น.ส.พิชญา อนันตวงศ์ นายณรงค์ จ่างกมล นายปิยชาติ ไตรถาวร นายณัฏฐ์ฐิติ อำไพวรรณ นายธารารักษ์รุจิราภา นายกฤช ทองเหลือง นายชัยวัฒน์ ไชยจารุวณิช นายเพชร มโนปวิตร น.ส.จารุณี ธรรมยู นายสนั่น ชูสกุล นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ น.ส.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ น.ส.จารวี อุ่นบุญเรือง น.ส.เพียงกมล โลหิตหาญ น.ส.ธณัฐฌา หัสดินธร ณ อยุธยา นายกฤษณะ ศรีถนอมวงศ์ น.ส.ณัฎฐินี ชูช่วย นายปกรณ์ จารุจิตติพันธ์ นายพรชัย บริบูรณ์ตระกูล น.ส.ผกามาส คำฉ่ำ

นอกจากนี้ทางด้านสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ก็ออกมาเคลื่อนไหวในประเด็นเดียวกัน โดยนายศรีสุวรรณ  จรรยา นายกสมาคมฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลเห็นชอบในหลักการให้มีการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ เพื่อทำลายป่าไม้และสัตว์ป่าด้วยวงเงินงบประมาณที่แพงเกินจริงกว่า 13,280 ล้านบาทเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการตื่นตัวของประชาชน และผู้ที่รักและแหนหวงทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์เป็นจำนวนมาก สมาคมฯจึงออกแถลงการณ์คัดค้านและตอบโต้มติหรือคำสั่งทางปกครองดังกล่าวไปแล้ว ทำให้มีประชาชนทั่วประเทศสอบถามข้อมูลเข้ามายังสมาคมฯอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา

ดังนั้นเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน ติดตามและประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ของกลุ่มแนวร่วมภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวของรัฐบาล สมาคมฯจึงได้เปิดเฟซบุ๊ค (Facebook) โดยใช้ชื่อว่า “กลุ่มต่อต้านเขื่อนแม่วงก์” ขึ้นมา ซึ่งจะใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารกันมากขึ้น ของกลุ่มแนวร่วมเดียวกัน และหากประชาชนท่านใด ที่อยากจะร่วมหยุดยั้งโครงการดังกล่าว ด้วยการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ก็สามารถไปดาวน์โหลดแบบฟอร์มหนังสือมอบอำนาจ หรือหนังสือแต่งตั้งผู้แทนคดีได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมฯ ที่ www.thaisgwa.com

นายศรีสุวรรณกล่าวต่อว่า นอกจากนี้สมาคมฯยังนำทีมนักกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม ออกเดินสายจัดเวทีสัมมนาให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ที่ดิน สัตว์ป่า และสิทธิชุมชนทั่วประเทศอีกด้วย โดยในแต่ละเวทีจะตั้งโต๊ะรับหนังสือมอบอำนาจฟ้องคดีของประชาชนที่คัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วงก์ของรัฐบาลด้วย โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะรวบรวมหนังสือมอบอำนาจการฟ้องคดีให้ได้ 13,280 ฉบับ เพื่อนำไปฟ้องระงับหรือเพิกถอนโครงการดังกล่าวต่อไป และเชื่อว่าการฟ้องร้องดังกล่าว จะเป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีชาวบ้านมาร่วมลงชื่อฟ้องร้องในคดีเดียวกันมากที่สุดในประเทศ ซึ่งชุมชนใด ตำบลใด อำเภอใด หรือจังหวัดใด ประสงค์ที่จะให้สมาคมฯไปจัดเวทีสัมมนาดังกล่าวให้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ติดต่อได้ที่อีเมล์ : thaianti@hotmail.com

 

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: