เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ คณะอนุกรรมการสิทธิชุมชน ภายใต้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เชิญตัวแทนจาก ส่วนราชการจังหวัดอุดรธานี กรมทรัพยากรน้ำ และองค์การบริหาส่วนตำบลจำปาโมง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีชาวบ้านผู้มีที่ดินติดลำห้วยโมงร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิฯว่า โครงการขุดลอกลำห้วยโมงละเมิดสิทธิชุมชน และกระบวนการดำเนินการไม่ชอบธรรม
ทั้งนี้ชาวบ้านในพื้นที่ที่มีที่ดินติดลำห้วยโมง ร้องเรียนต่ออนุกรรมการสิทธิชุมชนฯ ตั้งแต่ปลายปี 2554 หลังจากมีส่วนราชการออกหนังสือให้ชาวบ้านลงรายชื่อในเอกสาร เพื่อยินยอมอุทิศที่ดินในการขุดลอกลำห้วยโมง เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แต่ชาวบ้านเห็นว่าการออกเอกสารดังกล่าวเป็นการลิดรอนสิทธิของชาวบ้าน จึงรวมกลุ่มกันคัดค้าน เพราะเคยมีบทเรียนได้รับผลกระทบมาตั้งแต่การขุดลอกเมื่อปี 2543 แต่ส่วนราชการไม่ยอมรับฟัง ยังคงเดินหน้าโครงการขุดลอกลำห้วยโมง ล่าสุดคณะอนุกรรมการสิทธิชุมชนฯ ได้ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง แล้วนำมาสู่การเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสู่เวทีตรวจสอบในครั้งนี้
นางคำพอง ทาสาลี แกนนำชาวบ้าน ต.จำปาโมง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี กล่าวว่า ตนไม่ยอมลงชื่อให้มอบที่ดินให้กับราชการในการขุดลอกลำห้วยโมง เพราะในปี 2543 ตนเคยสูญเสียที่ดินไปกับการขุดลอกลำห้วยโมงไปแล้วหลายไร่ ถ้ามาขุดขยายอีกที่นาคงไม่เหลือ
“ตั้งข้อสังเกตดูว่า การดำเนินการไม่โปร่งใส ชาวบ้านบางคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็หลงเซ็นเอกสารไปให้แล้ว จึงได้รวมกลุ่มกับชาวบ้านที่มีที่ดินติดลำห้วยโมงอีกกว่า 30 ราย คัดค้าน ไม่ให้มีการขุดลำห้วยโมง เพราะชาวบ้านเจ้าของที่ดินยังไม่รู้ข้อมูลของโครงการ โดยที่ผ่านมาก็มีการร้องเรียนไปยังส่วนราชการ และคณะกรรมการสิทธิฯ ให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย” นางคำพองกล่าว
ด้าน นายจีรศักดิ์ คำรณฤทธิ์ศร ปลัดจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า โครงการขุดลอกลำห้วยโมง เป็นโครงการความร่วมมือกันระหว่างองค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด และส่วนราชการจังหวัดอุดรธานี เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยโมง โดยให้อบต. สนับสนุนค่าน้ำมัน อบจ. สนับสนุนเครื่องจักรในการดำเนินการ และให้ราษฎร สนับสนุนที่ดิน ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เมื่อมีการร้องเรียนของชาวบ้านเกิดขึ้น ซึ่งได้รับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากที่ประชุมแล้ว จึงเห็นควรให้มีการหยุดโครงการขุดลอกลำห้วยโมงไปก่อน
นายสงวน ปัทมธรรมกุล ผู้จัดการโครงการศึกษาระบบเครือข่ายน้ำในพื้นที่วิกฤติ 19 พื้นที่ ซึ่งเป็น ตัวแทนจากกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า โครงการขุดลอกลำห้วยโมงตลอดทั้งสายเป็นการพัฒนาที่ผิดศักยภาพของแหล่งน้ำ ควรมีการศึกษาสภาพแหล่งน้ำเพื่อพัฒนาให้ถูกต้องตามศักยภาพ
“ลำห้วยโมงเป็นลำน้ำที่กินพื้นที่ในหลายเขตตำบล ก่อนการดำเนินการพัฒนาหรือขุดลอก ควรมีการศึกษาทางวิชาการในการออกแบบให้สามารถระบายน้ำได้ และออกแบบฝายให้มีลักษณะเป็นขั้นบันได แต่โครงการขุดลอกลำห้วยโมงในครั้งนี้ อบต. อบจ. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีการศึกษาศักยภาพในการพัฒนาโครงการอย่างรอบด้าน เพราะขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ ฉะนั้น ถ้าจะมีการขุดลอกหรือพัฒนาลำห้วยโมง ก็ควรมีการศึกษาอย่างรอบด้าน ก่อนดำเนินโครงการ และในการดำเนินโครงการลักษณะนี้ ถ้ามีชาวบ้านในพื้นที่เพียงคนเดียงออกมาคัดค้าน โครงการก็ควรหยุดไว้ก่อน” นายสงวนกล่าว
น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อนุกรรมาธิการสิทธิชุมชน ภายใต้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) สรุปมติที่ประชุม และข้อเสนอต่อการตรวจสอบโครงการขุดลอกลำห้วยโมงว่า เมื่อรับฟังข้อมูลและข้อเท็จจริงจากทุกภาคส่วน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว สรุปประเด็นเพื่อเขียนรายงานผลการตรวจสอบโครงการขุดลอกลำห้วยโมงดังนี้ ประเด็นแรก การดำเนินโครงการขุดลอกในครั้งนี้ ควรชะลอการขุดไปก่อน และกลับไปตรวจสอบดูว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการขุดลอกไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งปลัดจังหวัดอุดรธานีก็เห็นพ้องในส่วนนี้
ประเด็นที่สองหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้อง ควรมีการประสานงานกับกรมทรัพยากรน้ำ เพื่อศึกษาทั้งระบบในด้านการบริหารจัดการน้ำร่วมกัน โดยดูรายละเอียดจากผลการศึกษาแล้ว จึงค่อยออกแบบวางแผนการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ และประการสุดท้าย ฝากถึงกรมทรัพยากรน้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ในกระบวนการศึกษาด้านการบริหารจัดการน้ำ ควรยึดหลักการมีส่วนร่วมของชาวบ้านในพื้นที่ ให้ชาวบ้านได้ร่วมแสดงความคิดเห็น และร่วมตัดสินใจในการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชาวบ้านในพื้นที่
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ