‘หวยไม่มีวันตาย’(3)รัฐยันไม่ผิดกฎหมาย ไฟเขียว'ล็อกเล่ย์'เตรียมขายหวยออนไลน์ ดันกฎหมายรับลูก-อ้างแก้ปัญหาหวยเถื่อน

ทีมข่าวศูนย์ข่าว TCIJ 23 พ.ค. 2555 | อ่านแล้ว 2749 ครั้ง

 

เตรียมปลุกผี ‘หวยบนดิน’

 

ต้นปี 2555 ข่าวการเตรียมผลักดันให้มีการนำ “หวยใต้ดิน” ขึ้นมาซื้อขายอย่างถูกกฎหมาย หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “หวยบนดิน” กลายเป็นกระแสที่ถูกกล่าวถึงอย่างแพร่หลายอีกครั้ง เมื่อนายประสพ บุษราคัม อดีต ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการปรับปรุงและพัฒนากฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่มี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นผู้แต่งตั้ง ออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า คณะทำงานได้ศึกษาเพื่อการปรับปรุงพัฒนากฎหมายที่ออกโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 191 ฉบับ ซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญ เพราะองค์ประชุมในการโหวตผ่านกฎหมายมีไม่ครบองค์ประชุม  อ้างต้องการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับการบังคับใช้จริงในปัจจุบัน  ซึ่งในจำนวนนั้น มี พ.ร.บ.การพนัน และ พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล รวมอยู่ด้วย

 

แก้กฎหมายพนัน 2 ฉบับ เอื้อขายหวยตู้

 

สำหรับเนื้อหาใจความและเหตุผลของการศึกษา เพื่อการปรับปรุง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการพนันทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว ถูกระบุว่า ต้องการให้มีการปรับปรุงกฎหมายให้เข้ากับยุคสมัย และครอบคลุมระบบการพนันชนิดใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ที่กฎหมายเดิมยังไม่ได้กล่าวถึง ในขณะที่การเสนอปรับปรุง พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น ได้มีการเสนอให้ออกสลากออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกเลขตามใจได้ 6 หลัก ที่ตู้ขายหวยที่จะติดตั้งทั่วไป  รวมทั้งสามารถที่จะเล่นหวยแบบล็อตโต้ (2 ตัว 3 ตัว) ได้ด้วย ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาการผูกขาดการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล จากบริษัทผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งฯ ที่มีอิทธิพล 5 เสือ ป้องกันการค้าสลากฯ ราคาแพง และยังสามารถจัดเก็บรายได้ส่งรัฐได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยล่าสุดผลการศึกษากฎหมายทั้งหมด ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ถูกส่งมอบให้กับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อรอการดำเนินการตามขั้นตอน

 

 

วางแผนผลักดันร่างพ.ร.บ.พนันรอบใหม่

 

นายประสพ บุษราคัม ให้สัมภาษณ์ศูนย์ข่าว TCIJ  โดยให้รายละเอียดของความพยายามผลักดัน “หวยบนดิน” ขึ้นมาอีกครั้งว่า ตนและคณะได้ร่างกฎหมายเกี่ยวกับสลากกินแบ่ง สลากกินรวบขึ้นมาเสร็จสิ้นแล้วและได้มอบให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว รอเพียงการส่งต่อไปให้พรรคการเมืองทั้งส่วนของรัฐบาลและฝ่ายค้านพิจารณาว่า จะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งหากพรรคการเมืองไม่สนใจ ตนก็ได้วางแผนเดินหน้าผลักดันกฎหมายนี้ไว้ 2 แนวทาง ก็คือ การส่งร่างกฎหมายนี้ไปให้ประชาชนพิจารณา โดยให้ส.ส.ในพื้นที่เซ็นรับรอง เพื่อนำร่างเข้าพิจารณา  แต่หาก ส.ส.ยังไม่สนใจอีก ก็อาจจะต้องขอให้ประชาชนที่เห็นด้วย ล่ารายชื่อ 1 หมื่นรายชื่อ เพื่อให้ส่งกฎหมายเข้ามาพิจารณาในสภาฯ แทน ซึ่งเชื่อว่าสามารถทำได้ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย ที่จะให้มีการนำหวยใต้ดินขึ้นมาสู่บนดิน เหมือนกับเมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยทำไว้

 

 

หวังเอาเงินมืดขึ้นบนดิน ฟุ้งใช้ตั้ง 2 กองทุน

 

 

นายประสพกล่าวต่อว่า ในส่วนของรัฐบาลได้แสดงท่าทีสนใจการผลักดันประเด็นนี้อยู่ โดยหลังจากที่มีการนำเสนอประเด็นข่าวนี้ออกไป ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีเสียงตอบรับจากฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ที่ออกมาประกาศว่า จะเดินหน้าเพิ่มรายได้ให้กับประเทศด้วยการแก้ไขปัญหา “หวยเถื่อน” หรือ “หวยใต้ดิน” โดยใช้วิธีการขาย “หวยบนดิน”  เหมือนกับเมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยทำสำเร็จมาแล้ว หวังว่ารัฐบาลจะเร่งดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะรู้สึกเสียดายเม็ดเงินที่รัฐบาลจะต้องสูญเสียไปปีละกว่า 15,000 ล้านบาท โดยไม่รู้ว่าหายไปอยู่กับใคร และถ้าหากยังปล่อยไปอย่างนี้เรื่อยๆ ไม่เพียงแต่ประเทศจะต้องสูญเสียรายได้แล้ว ประชาชนเองก็ไม่ได้คิดที่จะเลิกเล่นหวย แต่กลับยังมีการเล่นอย่างแพร่หลายแบบหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ดี แต่หากรัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้จากส่วนนี้มา ก็จะสามารถนำเงินไปใช้ในการก่อตั้งกองทุนได้ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนส่งเสริมการศึกษา ส่งนักเรียนไปเรียนต่างประเทศเพื่อกลับมาพัฒนาประเทศ เหมือนกับเมื่อครั้งที่เคยทำมา และ กองทุนหมู่บ้าน สำหรับหมู่บ้านต่างๆ ที่ต้องการได้เงินไปพัฒนาพื้นที่ ทั้งนี้ตนยังมองไม่เห็นว่าการนำหวยขึ้นมาอยู่บนดินจะมีข้อเสียอย่างไร

 

โต้พวกคัดค้านควรอยู่ในโลกความจริง

 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่ออกมาประกาศเดินหน้าเรื่องนี้ กระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง นายประสพ กล่าวว่า ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี โดยส่วนใหญ่ต้องการให้มีการแก้ไขกฎหมายให้เรียบร้อยและเดินหน้า “หวยบนดิน” เพราะเห็นว่ามีประโยชน์ แต่ก็จะมีส่วนหนึ่งที่ออกมาตอบโต้แสดงความไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มนักวิชาการกลุ่มหนึ่ง โดยระบุว่า ไม่ต้องการให้นำเงินจากการพนันมาสนับสนุนการศึกษา ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการที่จะมีความคิดเห็นต่างกัน  อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ตนและคณะนำเสนอนี้ เป็นสิ่งที่ชาวบ้านเรียกร้องอยากให้ทำ และอยากให้ทุกคนมองถึงความเป็นจริงว่า ปัจจุบันประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ประเทศไทย ต่างก็เปิดบ่อนการพนันกันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา พม่า หรือแม้กระทั่งประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศมุสลิม ก็ยังอนุญาตให้มีการเปิดบ่อนอย่างเสรี เพราะสามารถควบคุมได้ แต่สำหรับประเทศไทยกลับยังปิดหูปิดตา ไม่ยอมรับความจริง ทั้งๆ ที่มองเห็นกันอยู่

 

“ผมว่าคนที่ออกมาคัดค้านควรจะมองโลกของความเป็นจริงบ้าง อย่ามาแสดงมายาจริต เพราะเรื่องจริงก็เห็นกันอยู่ ถ้าหากเราไม่เอาหวยขึ้นมาอยู่บนดิน เงินรายได้เหล่านี้จะตกไปอยู่กับใคร พวกเจ้ามือหวยเถื่อนต่างๆ ที่น่าจะมีคนรู้กันอยู่ว่าเป็นใคร คนที่ออกมาตั้งหน้าตั้งตาค้านอย่างเดียว ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่เสียผลประโยชน์นั่นแหละ” นายประสพกล่าว

 

 

รมช.คลังยัน‘หวยบนดิน’ไม่ขัดกฎหมาย จับมือล็อกเล่ย์เดินหน้า

 

 

ด้านความเคลื่อนไหวของภาครัฐ ล่าสุดเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่เคยออกมาขานรับการผลักดันเรื่องหวยออนไลน์ดังกล่าว ได้ออกมายืนยันชัดเจนว่า จากการตรวจสอบข้อกฎหมายแล้ว พบว่า การดำเนินการ “หวยบนดิน” นั้นไม่ได้ขัดต่อ พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 แต่อย่างใด ซึ่งสามารถดำเนินการได้เลย แต่จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคัดค้าน โดยจะต้องเน้นให้ชัดเจนว่า รายได้ที่ได้จากการจำหน่ายหวย จะถูกนำมาใช้เพื่อการส่งเสริมการศึกษา และหากไม่มีกระแสสังคมต่อต้าน จะได้นำโครงการเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณา โดยระบุรูปแบบการขายเฉพาะเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว เนื่องจากประชาชนคุ้นเคยอยู่แล้ว ซึ่งสามารถดำเนินการทันที โดยไม่ต้องแก้ไขสัญญาหรือเอกสารประกวดราคาที่ทำไว้กับบริษัท ล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี (LGT)จำกัด ผู้รับสัมปทานให้บริการหวยออนไลน์ด้วย

 

 

ผอ.กองสลากฯรับลูกก่อนโดนปลด

 

 

ด้านนายสมชาติ วงศ์วัฒนศานต์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยก่อนที่จะถูกบอร์ด กองสลาก ปลดกลางอากาศสาเหตุจากปัญหาโควต้าสลากกินแบ่ง ว่า สำนักงานสลากฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการขายสลากด้วยเครื่องขายสลากอัตโนมัติ (หวยออนไลน์) โดยได้ศึกษาไว้ 2 แนวทาง คือ การจำหน่ายสลากแบบเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว เหมือนกับหวยบนดินเดิม และสลากออนไลน์แบบ 6 ตัว ซึ่งเป็นข้อเสนอเดิมของรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่จะให้นำสลากการกุศลทั้งหมดมาออกเป็นสลากออนไลน์แทนการซื้อแบบใบๆ ในปัจจุบัน ซึ่งจะมีการพิจารณาในแง่ข้อกฎหมายและวิธีการ โดยจะนำผลการศึกษาดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการสำนักงานสลากฯ (บอร์ด) ในเดือนพ.ค.นี้  ซึ่งแนวทางหวยออนไลน์ 2 ตัว 3 ตัว ถือว่ามีความพร้อมในการดำเนินการมากที่สุด และมีผลกระทบน้อยที่สุด เนื่องจากมีการวางระบบซอฟต์แวร์ไว้หมดแล้ว หากได้รับการอนุมัติ จะใช้เวลา 4-6 เดือน เพื่อเตรียมการด้านต่างๆ ให้รอบคอบและถูกต้อง ก่อนที่จะเปิดขายหวยออนไลน์ได้ นั่นหมายถึงว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาด แม้นายสมชาติจะไม่ได้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว ผู้ที่จะเข้ามาบริหารงานแทน ก็จะสามารถนำนโยบายของรัฐบาลไปเดินหน้าต่อ และคนไทยจะสามารถซื้อหวยบนดินได้ในช่วงปลายปีนี้

ทั้งนี้นายสมชาติยังระบุว่า การจำหน่ายหวยออนไลน์ สำนักงานสลากฯ จะต้องยึดหลัก พ.ร.บ.สำนักงานสลาก พ.ศ.2517 ที่กำหนดสัดส่วนการจ่ายเงินรางวัลไม่เกิน 60 % ของยอดขายหรือรายได้ ส่วนที่เหลือ 28 % นำรายได้ส่งเข้าคลัง และอีก 12 % เป็นค่าบริหารจัดการของสำนักงานสลากฯ ซึ่งจะทำให้หวยออนไลน์แบบ 2 ตัวและ 3 ตัว ไม่มีการจ่ายเงินรางวัลที่ตายตัว แต่จะขึ้นอยู่กับยอดขายที่กำหนดตามสัดส่วนของกฎหมาย และเงินรางวัลที่ถูกมากหรือน้อย โดยจะจ่ายเงินรางวัลแบบผันแปรไปทุกงวด เพื่อการดำเนินงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย 

 

 

ย้อนอดีต‘หวยบนดิน’สู่‘หวยตู้ออนไลน์’

 

 

ดร.วิเชียร ตันศิริคงคล นักวิชาการจากคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ได้สรุปความเป็นมาของหวยบนดิน หรือ หวยออนไลน์ ไว้ในเอกสารประกอบการประชุมเรื่อง “เวทีขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ เพื่อป้องกันเด็กเยาวชนจากการพนัน” จัดโดย มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2555 ระบุว่า “หวยบนดิน” เป็นกิจกรรมการพนันชนิดทายตัวเลขที่เคยได้รับความนิยมมาก เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง ได้ดำเนินโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัวและ 2 ตัวของ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในชื่อ โครงการ “หวยบนดิน” เพื่อหวังแก้ปัญหา “หวยใต้ดิน” ที่เชื่อว่ามีเม็ดเงินสะพัดจำนวนมหาศาลหมุนวนอยู่นอกระบบ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี โดยหวังนำเงินรายจากการจำหน่ายสลากชนิดนี้มาใช้จ่ายในโครงการเพื่อสังคม โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 จำหน่ายสลากพิเศษด้วยมือ (Manual) เริ่มจำหน่ายงวดแรกวันที่ 1 สิงหาคม 2546 ซึ่งปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างมากจากนักเล่นหวยในทุกระดับ เพราะสามารถหาซื้อได้ง่าย ราคาถูก และได้เลขตรงตามความต้องการ แต่สลากพิเศษชนิดเขียนด้วยมือนี้ได้ยุติการจำหน่ายลงในงวดวันที่ 1 ธันวาคม 2549 รวมจำหน่ายไปทั้งสิ้น 80 งวด

สำหรับการจำหน่ายในระยะที่ 2 ที่ตามแผนจะต้องจำหน่ายด้วยเครื่องอัตโนมัตินั้น จนถึงปัจจุบันยังไม่เปิดให้มีการจำหน่าย เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวันที่ 19 กันยายน 2549 เสียก่อน และได้มีการท้วงติงเรื่องของการตีความในข้อกฎหมาย ทำให้รัฐบาลชุดใหม่ส่งเรื่องโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัวและ 2 ตัวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่าถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ กระทั่งในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตีความว่าการออกสลากดังกล่าวถือเป็นการออกสลากกินรวบ ทำให้ในที่สุดสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต้องยุติโครงการดังกล่าวทั้งหมด

 

 

แก้วิธีจ่ายเงินไม่ให้ขัดกฎหมาย

 

 

อย่างไรก็ตามความพยายามในการที่จะดำเนินการโครงการหวยบนดิน หรือ หวยออนไลน์ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยภายหลังมีการเลือกตั้งทั่วไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี 2550 ในเดือน พฤษภาคม 2551 เมื่อรัฐบาลโดย น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลัง ในขณะนั้น ได้นำโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัวและ 2 ตัว ด้วยเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติมาดำเนินการใหม่ โดยปรับปรุงใช้แนวทางการจ่ายเงินรางวัลแบบผันแปร เพื่อให้เป็นไปตามพ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 แต่ต่อมาในเดือนธันวาคม 2552 มีคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และในเดือนมกราคม 2553 รัฐบาลโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการจำหน่ายสลากด้วยเครื่องจำหน่ายดังกล่าว ทำให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนและพิจารณาข้อเท็จจริงขึ้นมาเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ จนต่อมาในเดือนมิถุนายน 2554 คณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการสอบสวนแล้วเสร็จ ผลสรุปว่า “มีความเห็นให้ดำเนินการโครงการออสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัวและ 2 ตัว ด้วยเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติต่อไป”

 

รัฐขายหวยอ้างเป็นรายได้หลักเข้าประเทศ

 

 

ในเอกสารงานวิจัยของ ดร.วิเชียร ยังนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับรายได้ของรัฐที่ได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกสำคัญในการหารายได้ของรัฐ โดยระบุว่า จากข้อมูลของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลตั้งแต่ปีงบประมาณ 2545-2554 พบว่า

 

·       ในปีงบประมาณ 2554 ได้รายได้ 5,456.17 ล้านบาท

·       ปีงบประมาณ 2546 ได้รายได้ 7,504.82 ล้านบาท

·       ปีงบประมาณ 2547 ได้รายได้ 8,872.30 ล้านบาท

·       ปีงบประมาณ 2548 ได้รายได้ 10,358.49 ล้านบาท

·       ปีงบประมาณ  2549 ได้รายได้ 11,174.31 ล้านบาท

·       ปีงบประมาณ 2550 ได้รายได้ 14,000.57 ล้านบาท

·       ปีงบประมาณ 2551 ได้รายได้ 13,899.65 ล้านบาท

·       ปีงบประมาณ 2552 ได้รายได้ 13,284.48 ล้านบาท

·       ปีงบประมาณ 2553 ได้รายได้ 14,535.16 ล้านบาท และ

·       ในปีงบประมาณ 2554 รัฐได้รายได้จากการจำหน่ายสลากฯ สูงถึง 14,636.30 ล้านบาท

 

 

โดยในส่วนของการออกสลากแบบ 3 ตัว และ 2 ตัวจำนวน 80 งวด ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2546 –1 ธันวาคม 2549 มีเงินรายได้คงเหลือจากการจำหน่ายเก็บรักษาที่สำนักงานสลากกินแบ่งจำนวน 18,922,785,823.40 บาท (เงินจำนวนดังกล่าวเกิดจากการคำนวณภาษีการพนันเพียงร้อยละ 0.5 ซึ่งภายหลังศาลฎีกาได้พิพากษาว่า การจำหน่ายสลากดังกล่าวเป็นการกระทำผิดพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลฯ และต้องชำระภาษีการพนันตามพ.ร.บ.การพนันฯ จึงทำให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลค้างชำระค่าภาษีการพนันและภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 20,665,430,211.72 บาท)

 

 

กองสลากฯคาดขายหวยตู้สร้างรายได้เพิ่ม

 

 

งานวิจัยชิ้นดังกล่าวระบุด้วยว่า ในแผนการดำเนินการโครงการหวยออนไลน์นั้น สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ทำสัญญากับบริษัท LGT มีการรับสมัครตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศในภูมิภาคต่างๆ จำนวนประมาณ 5,000 ราย โดยมีรูปแบบการจำหน่ายไว้ 2 ลักษณะ วิธีการบอกกล่าวและวิธีการใช้ใบเลือกเลข การจำหน่ายสลาก 3 ตัว 2 ตัว สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลคาดการณ์ว่า การจำหน่ายสลาก 3 ตัวและ 2 ตัว ผ่านเครื่องจำหน่ายอัตโนมัตินี้จะทำให้สำนักงานฯ มีเงินรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากการจำหน่ายวิธีออนไลน์เป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่าย สร้างความสะดวกให้กับผู้ซื้อ มีความแม่นยำ น่าเชื่อถือมากกว่าการเขียนสลากด้วยมือในวิธีเดิม แต่ทั้งนี้เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการจ่ายเงินรางวัลจากเดิมที่เป็นอัตราจ่ายตายตัว มาเป็นอัตราจ่ายเงินรางวัลผันแปร  เงินรางวัลของเลขที่ได้รับความนิยมอาจจะต่ำกว่าหวยใต้ดิน เมื่อประกอบกับเทคนิคการจำหน่ายของหวยใต้ดินที่เจ้ามือรายใหญ่ รายกลาง รายย่อย ให้สินเชื่อและส่วนลดกับผู้ซื้อเพื่อผูกมัดผู้ซื้อ  อาจะทำให้เงินรายได้จากการจำหน่ายสลาก 3 ตัว 2 ตัวในครั้งนี้ไม่สูงมากขึ้นไปจากเดิมมากนัก

 

 

เงินช่วยสังคมหรือเข้ากระเป๋านักการเมือง

 

 

ในประเด็นเรื่องของการนำเงินรายได้จากสลากไปใช้ด้านสังคมนั้น งานวิจัยของดร.วิเชียรยังอ้างถึงข้อมูลในบทความเรื่อง ”เงินกำไรจากหวยคืนสู่สังคมหรือเอื้อประโยชน์การเมือง” ของ ธีระเดช เอี่ยมสำราญ ที่เขียนไว้ในหนังสือเจาะข่าวนโยบายสาธารณะ โดยสถาบันพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2549 โดยระบุว่า “ในยุคของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เงินรายได้ที่มาจากการจำหน่ายสลากแบบ 3 ตัว และ 2 ตัว สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลโดยการอนุมัติของคณะกรรมการฯ ได้จัดสรรเงินดังกล่าวในหลายรูปแบบผ่านหน่วยงานจำนวนมาก ทั้งที่เป็นหน่วยงานของรัฐ, องค์กรการกุศล มีทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย เช่น ในปีงบประมาณ 2547 สำนักนายกรัฐมนตรีได้รับการสนับสนุนจากเงินจำหน่ายสลาก 3 ตัวและ 2 ตัว จำนวน 1,347,727,887 บาท กระทรวงศึกษาธิการได้รับการสนับสนุนจำนวน 631,203,732 บาท และ สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จำนวน 471,000,000 บาท” ซึ่งในครั้งนั้นไม่ได้มีการระบุวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการใช้จ่ายเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากฯ ในขณะที่การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ระบุเบื้องต้นว่า จะนำมาใช้ในการจัดตั้ง 2 กองทุนด้านการศึกษาจัดส่งนักเรียนไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อกลับมาพัฒนาประเทศ และกองทุนหมู่บ้าน

อย่างไรก็ตาม แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีการพิจารณาเรื่องนี้ตามที่นายประสพ บุษราคัมได้นำเสนอไว้หรือไม่ ท่ามกลางความหวาดหวั่นของกลุ่มคัดค้านที่ยังคงไม่มั่นใจว่ารายได้จากการขาย “หวยบนดิน” ของรัฐบาลจะส่งถึงประชาชนจริงตามที่กล่าวอ้างกันหรือไม่ ในทางตรงกันข้ามอาจจะกลายเป็นปัญหาสู่ผลกระทบอื่นๆ ในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างค่านิยมและความเข้าใจผิดให้แก่เยาวชน จนเป็นเหตุให้เพิ่มจำนวนคนเล่นหวยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น” “หวยใต้ดิน” หรือ “หวยบนดิน” ก็ตาม เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการพนันในรูปแบบของ “หวย” นับเป็นการพนันยอดนิยมของคนไทยที่มีผู้นิยมเล่นกันกว้างขวางที่สุดนั่นเอง

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: