น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เป็นประธานในเวทีประชุมร่วม 3 ฝ่าย ระหว่างคณะอนุกรรมการฯ กับตัวแทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อุตสาหกรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ และตัวแทนกลุ่มชาวบ้านผู้ร้องเรียนปัญหา จากการที่มีชาวบ้านประจวบคีรีขันธ์ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในหลายกรณี ณ โรงแรมหาดทอง อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
วาระการนำเสนอปัญหา ประกอบด้วย การประชุมชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยวาจากรณีอ่างเก็บน้ำบ้านห้วยพลู ต.ร่อนทอง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีอธิบดีกรมชลประทาน นายอำเภอบางสะพาน และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลร่อนทอง เข้าร่วม จากนั้นเป็นการประชุมชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยวาจากรณีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเข้าร่วมรับฟังด้วย
ต่อมาเป็นการประชุมเรื่อง ยุทธศาสตร์จังหวัดกับการจัดทำผังเมืองในพื้นที่และการส่งเสริมนโยบายการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมเหล็กในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีหน่วยงานและบุคคลเข้าร่วมการประชุม อาทิ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลที่เกี่ยวข้อง
ด้านกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก พร้อมด้วยเครือข่าย ประกอบด้วย กลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด และเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์บางสะพาน เข้าร่วมการประชุมและได้ยื่นจดหมายต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ประธานบอร์ด กฟผ. และผู้ว่า กฟผ.ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขอให้ระงับโครงการก่อสร้างเซลแสงอาทิตย์ขนาด 5 เมกะวัตต์ และศูนย์พลังงานเนื้อที่ 250 ไร่ บนพื้นที่ 4,142 ไร่ ใน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไว้ชั่วคราว จนกว่าจะมีข้อตกลงร่วมกับชุมชนใน การใช้ที่ดินหมดทั้งแปลงของ กฟผ.
จดหมายดังกล่าวระบุว่า กฟผ.และกระทรวงพลังงานได้จัดทำแผนการก่อสร้างโครงการดังกล่าวโดยไม่มีความชัดเจนว่าพื้นที่ดินที่เหลืออีก 3,892 ไร่ซึ่งประมาณ 94%ของเนื้อที่โดยรวมจะทำโครงการใด รวมทั้งไม่มีข้อตกลงร่วมกับชุมชนในการใช้พื้นที่ ขณะที่ผู้ว่า กฟผ.ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยยอมรับว่า อ.ทับสะแกเป็นเป้าหมายในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน
นอกจากนี้ในระดับพื้นที่ มีความพยายามจากกฟผ.ที่จะเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินมาโดยตลอดในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ให้ชาวประจวบฯ รู้สึกถึงความไม่จริงใจของกฟผ.ในการทำโครงการดังกล่าว ซึ่งถูกมองว่าเป็นเพียงฉากเริ่ม เพื่อนำไปสู่การปิดล้อมพื้นที่เสนอโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินต่อไป
อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่กรณีดังกล่าวจะเป็นประเด็นความขัดแย้งที่บานปลายต่อไป ขณะที่ไฟฟ้าของประเทศยังล้นระบบ โครงการนี้จึงไม่มีผลต่อการใช้ไฟฟ้าของประชาชน
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ