เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 27 ธันวาคม ที่ลานสระบัว อ.เมือง จ.สงขลา ประชาชนชาวสงขลาจัดเวทีหยุดกระเช้าสงขลาขึ้น โดยเวทีมีการพูดคุยกันถึงความเป็นมาเป็นไปของกระเช้าลอยฟ้า และมีการตั้งข้อสังเกตของการดำเนินโครงการเร่งรัดอย่างน่าสงสัย และที่ผ่านมามีการคัดค้านโครงการอย่างต่อเนื่อง และยังมีการฟ้องศาลปกครองให้คุ้มครองชั่วคราวไว้ก่อน แต่ทางองค์กรบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ไม่ยอมรับฟังยังคงเดินหน้าโครงการ ล่าสุดอบจ.ประกาศวางศิลาฤกษ์โครงการกระเช้าลอยฟ้า ในวันที่ 28 ธันวาคม
นายณัฐพงษ์ จิตนิรันด์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยทักษิณสงขลา กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า โครงการกระเช้าลอยฟ้าสงขลา มีข้อน่าสังเกตอยู่หลายประเด็นด้วยกัน ประเด็นแรก จากการเร่งรีบในการดำเนินโครงการโดยไม่ฟังเสียงคัดค้าน หรือข้อเสนอแนะจากฝ่ายต่าง ๆ แต่ผู้ดำเนินโครงการไม่รับฟังหรือจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ของโครงการ ซึ่งการปลูกสร้างสิ่งใด ๆ ที่ไม่สมดุลกับธรรมชาติและไม่สอดคล้องกลมกลืนกับสภาพเมืองและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสงขลาเป็นเมืองเก่า มีระบบนิเวศน์ป่าสน ซึ่งการปลูกสร้างใด ๆ ควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ แต่โครงการนี้ไม่ได้คำนึงถึงเลย
“ผมมีข้อเสนอว่าทางอบจ.สงขลา ต้องหยุดโครงการทั้งหมด และกลับไปเริ่มกระบวนการทางกฎหมายโดยทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมสะสม ที่ผ่านมา อบจ.ดำเนินการโดยไม่เคารพสิ่งเหล่านี้ ที่ผ่านมาทางอบจ.ได้ทำผิดขั้นตอนของกฎหมายมาตลอด และต้องฟื้นฟูระบบสิ่งแวดล้อมป่าสนที่ถูกทำลายไปแล้วด้วย” นายณัฐพงษ์กล่าว
ด้านนายบรรจง นะแส กล่าวว่า การตายของนายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา ยังไม่ครบ 100 วัน และสาเหตุการถูกฆ่านั้นเพราะสาเหตุอะไรคนสงขลารู้กันทั้งเมือง ก่อนนายพีระถูกฆ่า นายพีระรับรู้ถึงความสำคัญของป่าสน และยอมลงทุนเอาตัวเองมานอนอยู่ในป่าสน เพื่อปกป้องป่าสนผืนนี้ไว้ แต่หลังนายพีระตายไปไม่ถึง 100 วัน ก็จะมีการดำเนินโครงการกระเช้าลอยฟ้า โดยไม่สนใจความรู้สึกของญาติพี่น้องนายพีระแม้แต่น้อย
“วันที่ 28 ธันวาคม ทางอบจ.ได้ประกาศวางศิลาฤกษ์โครงการกระเช้าลอยฟ้า และมีข่าวว่า จะนำรถไปขนคนมาจากอำเภอต่าง ๆ เพื่อมาสนับสนุนโครงการ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในเมืองสงขลาเมืองแห่งการศึกษา เมืองที่มีคนมีความรู้มากมาย เต็มไปด้วยสถานศึกษาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อย่างไร” นายบรรจงกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า ที่บริเวณป่าสนแหลมสนอ่อน อ.เมือง จ.สงขลา มีการจัดกิจกรรมกอดต้นสนขึ้น เพื่อแสดงสัญญาลักษณ์การปกป้องป่าสนผืนดังกล่าว เนื่องจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ต้องการสร้างกระเช้าลอยฟ้าแม้ถูกคัดค้านจากประชาชนชาวสงขลามาอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ด.ญ.วทันยา มุนินโท กล่าวว่า วันนี้มาร่วมกิจกรรมกอดต้นสนในป่าสนแหลมสนอ่อน เพื่อต้องการสื่อความรักให้กับต้นสน เพื่อต้องการปกป้องป่าสนไว้ต่อไป ไม่ต้องการให้ถูกทำลาย เพราะเกิดมาก็เห็นป่าสนผืนนี้แล้ว เป็นป่าสนของคนสงขลา เป็นแหล่งพักผ่อนของคนสงขลา คนสงขลาจะผูกพันกับป่าสนมาก ไม่ต้องการให้มีการทำลายโดยการไถทำลาย เพื่อสร้างกระเช้าลอยฟ้า
ด้านนางพรรณิภา โสตถิพันธุ์ กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้ทำด้วยความจริงใจป่าสนธรรมชาติ ณ แหลมสนอ่อนแห่งนี้เป็นมรดกทางธรรมชาติคู่บ้านคู่เมืองสงขลา เกิดมาก็เห็นป่าสนผืนนี้แล้ว เป็นแหล่งผักผ่อน เป็นสถานที่ศึกษา วิจัยของเด็กๆ มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน กิจกรรมกอดต้นสนที่จัดขึ้นในวันนี้เป็นการบอกรักส่งมอบความห่วงใย เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเราต้องการปกป้องป่าสนผืนนี้
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ