หลังจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดรับสมัคร “ครูผู้ช่วย” เพื่อบรรจุให้กับโรงเรียนต่างๆ ใน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) และสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ จำนวน 78 เขต 39 กลุ่มวิชา จำนวน 1,058 อัตรา เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีผู้มาสมัครสอบเกือบ 60,000 คน ในจำนวนนั้นเป็นครูที่ปัจจุบันสอนอยู่ในโรงเรียนเอกชน ซึ่งหากมีการประกาศผลการสอบในวันที่ 30 มิถุนายน นี้ นั่นหมายถึงครูที่เคยสังกัดโรงเรียนเอกชนหลายร้อยคน ต้องลาออกเพื่อมาบรรจุเป็นครูผู้ช่วย ก่อให้เกิดผลกระทบกับโรงเรียนเอกชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากขณะนี้ ได้เปิดทำการเรียนการสอนไปแล้วเกือบ 2 เดือน

สอบ ‘ครูผู้ช่วย’ หวั่นโรงเรียนเอกชนขาดครู

นางจิระพันธุ์ พิมพ์พันธุ์ นายกสมาคมสภาการศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับข้อมูลจากโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศจำนวนมากว่า ในการสมัครสอบครูผู้ช่วยปีนี้ มีครูโรงเรียนเอกชนไปสมัครสอบมากกว่าปีที่ผ่านมา บางโรงเรียนแจ้งข้อมูลว่ามีครูไปสมัครสอบหมดทั้งโรงเรียน ซึ่งขณะนี้ยังต้องรอการประกาศผลสอบขึ้นบัญชีในวันที่ 30 มิ.ย.ว่า จะมีครูเอกชนที่สอบได้มากน้อยแค่ไหน

ตนคิดว่าน่าจะมีครูเอกชนสอบได้มากกว่าปีที่ผ่านมา จากยอดสมัครที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้โรงเรียนเอกชนจำนวนมากวิตกกังวลว่า จะหาครูมาทดแทนครูเอกชนที่สอบบรรจุครูผู้ช่วยได้อย่างไร เพราะการหาครูเอกชนมาทดแทนทำได้ลำบาก เนื่องจากอยู่ในช่วงเปิดภาคเรียนแล้ว และหากหาครูเอกชนมาทดแทนได้ ส่วนใหญ่จะจบไม่ตรงวิชาเอก และยังไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ฉะนั้นเมื่อรับครูเอกชนเหล่านี้เข้ามาแล้ว ก็ต้องเข้าสู่ขั้นตอนการยื่นขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูอีก

“สมาคมสภาการศึกษาเอกชนฯ เคยทำเรื่องเสนอกระทรวงศึกษาธิการ ขอให้แก้ปัญหาเรื่องนี้นานแล้ว ตั้งแต่ที่ยังไม่เปิดรับสมัครสอบครูผู้ช่วย โดยเสนอให้จัดสอบคัดเลือกให้เสร็จในเดือนเมษายน และบรรจุเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะทำให้โรงเรียนเอกชนหาครูมาทดแทนผู้ที่สอบบรรจุครูผู้ช่วยได้ทันเปิดภาคเรียน ทั้งนี้ปัจจุบันมีโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญทั่วประเทศกว่า 4,000 แห่ง เชื่อว่าโรงเรียนเหล่านี้จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน ว่าจะมีครูเอกชนสอบได้มากน้อยแค่ไหน”

ยอดผู้สมัครพุ่งเกือบ 6 หมื่นราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจำนวนผู้สมัครสอบเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นครูผู้ช่วย มีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่มียอดสมัครสูงสุด 10 อันดับคือ 1.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3  จำนวน 4,601 คน  2.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 4 จำนวน 3,211 คน  3.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 จำนวน 2,194 คน  4.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแม่ฮ่องสอน เขต 2 จำนวน 2,183 คน  5.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 จำนวน 2,119 คน  6.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 5 จำนวน 2,074 คน 7.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2 จำนวน 2,024 คน  8.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 2 จำนวน 1,776 คน 9.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 19  จำนวน 1,759 คน10.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 จำนวน 1,696 คน ซึ่งหากรวมทั้ง 78 เขต มีจำนวนเกือบ 60,000 ราย

สาขาวิชาปฐมวัยศึกษา-อนุบาลศึกษามากที่สุดกว่า 5 พันคน

ส่วนผู้สมัครสอบในแต่ละสาขาวิชาที่มีการเปิดสอบคือ สาขาวิชาภาษาไทย 2,929 คน สาขาวิชาภาษาอังกฤษ  5,659 คน สาขาวิชาภาษาจีน 230 คน  สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น 79 คน สาขาวิชาภาษาสเปน 1 คน สาขาวิชาภาษาเกาหลี 8 คน สาขาวิชาภาษามลายู 25 คน สาขาวิชาภาษาพม่า 3 คน สาขาวิชาคณิตศาสตร์  3,524 คน  สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ 4,412 คน สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป 2,449 คน สาขาวิชาชีววิทยา 790 คน สาขาวิชาฟิสิกส์ 789 คน  สาขาวิชาเคมี 548 คน สาขาวิชาสังคมศึกษา 5,322 คน สาขาวิชาพลศึกษา 3,812 คน สาขาวิชาสุขศึกษา 266 คน สาขาวิชานาฏศิลป์ 677คน สาขาวิชาดนตรี 603 คน สาขาวิชาดนตรีไทย 146 คน สาขาวิชาดนตรีสากล 162 คน สาขาวิชาดุริยางคศิลป์ 3 คน  สาขาวิชาศิลปศึกษา 632 คน สาขาวิชาศิลปศึกษา (ทัศนศิลป์) 94 คน สาขาวิชาคอมพิวเตอร์  9,042 คน สาขาวิชาอุตสาหกรรมศิลป 1,192 คน สาขาวิชาเกษตร 1,150 คน สาขาวิชาคหกรรมทั่วไป 776 คน

สาขาวิชาบรรณารักษ์ 471 คน สาขาวิชาการเงิน/บัญชี 1,009 คน สาขาวิชาโสตทัศนศึกษา 158 คน สาขาวิชาเทคโนโลยีทางการศึกษา 91 คน  สาขาวิชาจิตวิทยาและการแนะแนว 324 คน สาขาวิชาประถมศึกษา/การประถมศึกษา 2,799 คน สาขาวิชาปฐมวัยศึกษา/อนุบาลศึกษา 5,514 คน สาขาวิชาการศึกษาพิเศษ  52 คน สาขาวิชากิจกรรมบำบัด 1 คน สาขาวิชากายภาพบำบัด และภาษาอังกฤษปริญญาโท ไม่มีผู้สมัคร

สพฐ.สั่งยกเลิกผลสอบ 2 วิชา 3 เขต

ล่าสุด วันที่ 29 มิถุนายน ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่า มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต (มสด.) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำและส่งข้อสอบ ได้ส่งข้อสอบในการสอบเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ผิดใน 3 เขตพื้นที่การศึกษา คือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ชลบุรี เขต 3 และ สพป.ปทุมธานี เขต 2 โดยนำข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์ ไปใช้ในการสอบวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป ซึ่งมีผู้เข้าสอบ 357 คน แบ่งเป็น สพป.ชลบุรี เขต 3 จำนวน 143 คน และ สพป.ปทุมธานี เขต 2 จำนวน 214 คน

ในขณะที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 19 เลย-หนองบัวลำภู นำวิชาศิลปศึกษา (ทัศนศิลป์) ไปใช้สอบวิชาศิลปศึกษา ซึ่งมีผู้เข้าสอบ 38 คน ดังนั้น ทั้ง 3 เขตพื้นที่ฯจะต้องสอบใหม่รายวิชาที่ใช้ข้อสอบผิดทั้งหมด 395 คน

เลขาธิการสพฐ.กล่าวต่อว่า การจัดสอบใหม่ดังกล่าว ทางมสด.จะต้องเสนอรายงานมาที่ สพฐ. เพื่อสพฐ.จะได้แจ้งไปยังคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนดปฏิทินสอบซ่อมของทั้ง 3 เขตพื้นที่ฯใหม่

สำหรับเขตพื้นที่ฯอื่นๆ รวมถึงในรายวิชาที่ไม่ได้ใช้ข้อสอบสลับวิชาสามารถใช้ผลการสอบเดิม และสิทธิ์เดิมทุกอย่าง ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น รวมทั้งค่าเดินทางของผู้เข้าสอบ มสด.จะเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนที่เกรงว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องข้อสอบรั่วนั้น จะไม่เกิดขึ้น เพราะเป็นข้อสอบคนละชุด และเป็นการสอบซ่อมใหม่ยกเขตพื้นที่ฯ

วิชาเอกอื่นประกาศตรงเวลา 30 มิ.ย.

ด้าน รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานที่ปรึกษา อธิการบดี มสด. กล่าวว่า จากกรณีที่ มสด.ได้จัดทำและส่งข้อสอบในการสอบเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย จนถึงขณะนี้ยังไม่พบปัญหาทุจริตแต่อย่างใด และมสด.กำลังดำเนินการประมวลผลสอบอยู่ ซึ่งจะสามารถประกาศผลได้ทันตามที่กำหนดไว้คือ วันที่ 30 มิถุนายนนี้ แน่นอน ยกเว้นใน 2 รายวิชาเอกที่มีปัญหาการจัดส่งข้อสอบผิดพลาด คือ ศิลปศึกษาและวิทยาศาสตร์ทั่วไป จำเป็นต้องมีการประกาศยกเลิกการสอบและจัดให้มีการสอบใหม่อีกครั้ง

สำหรับการจัดสอบใหม่ มสด.จะทำหนังสือด่วน ถึงผู้ที่ต้องเข้าสอบใหม่ดังกล่าว เพื่อขออภัยเกี่ยวกับความผิดพลาดที่ส่งผลถึงการยกเลิกการสอบ และต้องทำการสอบใหม่ ณ สนามสอบเดิม ในวันเวลาที่ ก.ค.ศ. กำหนดและประกาศให้ทราบอีกครั้ง