เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ศาลาการเปรียญวัดปกาสัย ต.ปกาสัย อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ สำนักปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน ร่วมกับคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จัดเวทีเสวนาและรับฟังความคิดเห็นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ต่อการพัฒนาโครงการด้านพลังงาน ภายใต้โครงการด้านพลังงาน กรณีศึกษาจังหวัดกระบี่ โดยใช้การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment: SEA) ซึ่งมีนายอำเภอเหนือคลอง รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ผู้บริหารและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านจากตำบลปกาสัย ตำบลตลิ่งชัน และตำบลใกล้เคียง ประมาณ 70 คน
รศ.จำลอง โพธิ์บุญ ผู้เชี่ยวชาญนโยบายและการจัดการสิ่งแวดล้อม คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงว่า การศึกษาโครงการฯ มุ่งศึกษาศักยภาพและข้อจำกัดของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคมในการวางนโยบาย และพัฒนาโรงไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับศักยภาพของจังหวัด เพื่อศึกษารูปแบบ กระบวนการขั้นตอน และองค์ประกอบในการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) เพื่อสอดคล้องกับบริบทของการพัฒนาพลังงานไฟฟ้า และจัดทำแนวการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ในการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าจังหวัดกระบี่
รศ.จำลองชี้แจงว่า เพื่อพัฒนารูปแบบ และกระบวนการมีส่วนร่วม ที่สอดคล้องกับบริบทของการพัฒนาพลังงานไฟฟ้า ทั้งในกระบวนการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การคัดเลือกผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และกำหนดกิจกรรมการมีส่วนร่วมที่สอดคล้องกับบริบทของการพัฒนา เพื่อศึกษาแนวทาง วิธีการพัฒนาภาพลักษณ์นโยบาย แผนงาน โครงการ แนวทางวิธีการประชาสัมพันธ์
ด้านรศ.วิสาขา ภู่จินดา ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีการจัดการสิ่งแวดล้อม คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงว่า โครงการมีศึกษารูปแบบที่เหมาะสมของกองทุนสิ่งแวดล้อม ด้านการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประชาชน ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการเพื่อให้กองทุนฯ เป็นที่ยอมรับของชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้าและพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนวางแผนการบริหารจัดการให้กองทุนดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายดำรัส ประทีป ณ ถลาง กำนันตำบลปกาสัย กล่าวในเวทีว่า โครงการขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้ากระบี่ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ผ่านมามีการจัดเวที 4 ครั้ง ประกอบด้วยวันที่ 28 กรกฎาคม ที่โรงเรียนเหนือคลองประชาบำรุง ต.เหนือคลอง วันที่ 7 สิงหาคม ที่วัดปกาสัย และระหว่างวันที่ 25-26 สิงหาคม ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 2 ต.โคกยาง อ.เหนือคลอง
“ถึงแม้ว่าโครงการขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้ากระบี่ ตั้งอยู่ในต.คลองขนาน แต่คนตำบลปกาสัยได้รับผลกระทบเต็ม ๆ ปัจจุบันได้รับผลกระทบจากควันของโรงไฟฟ้า ในอนาคตหากมีการก่อสร้างชาวบ้านได้รับผลกระทบแน่ ๆ อีกทั้งเส้นทางการขนส่งถ่านหินจากท่าเทียบเรือผ่านคลองปกาสัย ชาวบ้านกังวลว่าจะกระทบกับทรัพยากรทางทะเล และสุขภาพ” นายดำรัสกล่าว
นายชลิต สุโข สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปกาสัย หมู่ 1 ต.ปกาสัย กล่าวในเวทีว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเช่นทุกเวทีที่ผ่านมา เพราะมีผลกระทบต่อคนปกาสัย ไม่ใช่คนคลองขนาน เขาพนม ปลายพระยา ฯลฯ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ที่ไปรับงานจากกระทรวงพลังงาน ต้องวางตัวให้เป็นกลางอย่าชี้นำ ก็เหมือนๆ กับคนรับจ้างถางสวนยางพารา ต้องถางให้ดีเจ้าของส่วนถึงจะจ่ายเงินให้ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ก็เช่นกัน ต้องตอบสนองต่อกระทรวงพลังงานให้ได้
ขณะที่นายไพฑูรย์ สุวรรณบริบาล อดีตผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าภาคใต้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ชี้แจงว่า กฟผ.เล็งพื้นที่ภาคใต้ 9 จังหวัด ที่เหมาะสม เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน สำหรับโรงไฟฟ้ากระบี่ตนยอมรับว่า มีผลกระทบต่อชุมชน สิ่งแวดล้อมจริง ซึ่งปัจจุบันยังต้องแก้ไข ถ้าในอดีตไม่ต้องพูดถึงทั้งฝุ่น และเถ้าลอย แต่กฟผ.จะแก้ปัญหาให้ อีกทั้งกระบี่มีความชื้นในอากาศสูง จึงมีควันจากโรงไฟฟ้าลอยไปไกลถึง 5-6 กิโลเมตร
“ปัจจุบันกฟผ. มีเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ดีขึ้นต้องยอมรับว่าสามารถควบคุมได้ 70 เปอร์เซ็นต์ จนสามารถตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ ไม่ให้เกิดมลพิษซ้ำอีก ชาวบ้านไม่ต้องกังวล กระทรวงพลังงาน หรือโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดไหม เรามีมาตรการเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบตามมา” นายไพฑูรย์กล่าว
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ