วันที่ 2 พฤษภาคม ตัวแทนกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ยื่นจดหมายถึงประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ขอให้ตรวจสอบระบบการทำงานและผลการพิจารณาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ, รมว.สาธารณสุขและ เลขานุการรมว.สาธารณสุข ต่อการกล่าวหาอดีตประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมและผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เพื่อความเป็นธรรม
น.ส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรมในการเป็นหน่วยงานหนึ่งที่สร้างความมั่นคงของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ผ่านการผลิต และจัดหายาจำเป็นเพื่อส่งต่อสถานพยาบาลทั่วประเทศ ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การทำหน้าที่ของน.พ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และ น.พ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ได้มีส่วนสำคัญในการจัดซื้อยาของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่จัดหายาให้กับสถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพทั่วประเทศ จากที่ต้องจ่ายทั้งหมด 6,617 ล้านบาท กลับลดค่าใช้จ่ายเหลือเพียง 4,080 ล้านบาท ซึ่งสามารถประหยัดได้ถึง 2,536 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพัฒนาและผลิตยาจำเป็น, จัดหาเครื่องมือแพทย์ในราคาที่เหมาะสม เช่น เครื่องตรวจน้ำตาลและสายสวนหัวใจ, จัดหายากำพร้าที่ธุรกิจเอกชนไม่ยอมผลิตเพราะไม่ทำกำไรมากเพียงพอ แต่มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งจำเป็นต้องใช้, ช่วยสำรองยาในภาวะวิกฤต ดังเช่น กรณีการระบาดของไข้หวัดนก หรือการสำรองยาในช่วงมหาอุทกภัย, เป็นกลไกสำคัญในการปฏิบัติตามการใช้สิทธิตามสิทธิบัตร (Compulsory Licensing : CL) ซึ่งทำให้ผู้ป่วยหลายแสนคนเข้าถึงยาจำเป็น และเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยพึ่งตัวเองได้ด้านยาได้
“การสอบสวนครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตเกี่ยวกับการกระบวนการกล่าวหาของรมว.สาธารณสุขและเลขานุการ และการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งพบว่าไม่ได้มีการสอบสวนตามกระบวนการปกติ โปร่งใสและมีธรรมาภิบาล แต่กลับมีการปล่อยข่าวเป็นระยะ ราวกับจงใจที่จะทำให้สาธารณชนหมดความไว้วางใจกับคุณภาพยาชื่อสามัญ ที่ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งอาจจะมีผลทำลายอุตสาหกรรมยาในประเทศและทำลายความมั่นคงทางยาของประเทศไทย” ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าว
นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กล่าวว่า การทำงานขององค์การเภสัชกรรมที่ผ่านมา ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากเข้าถึงยาจำเป็นในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้มากขึ้น ประหยัดงบประมาณด้านยาได้หลายพันล้านบาทต่อปี แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าผลดังกล่าว อาจจะขัดต่อผลประโยชน์ของธุรกิจยาเอกชน โดยเฉพาะบริษัทยาข้ามชาติ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้น.พ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และ น.พ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม ถูกตรวจสอบโดยมิชอบหรือใช้หน่วยงานรัฐในการทำลายการมีอยู่ขององค์การเภสัชกรรม เพื่อเปิดทางให้กับบริษัทยาข้ามชาติเข้ามาแสวงหากำไรจากงบประมาณของแผ่นดิน เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น การยกเลิกคณะอนุกรรมการต่อรองราคายาก่อนหน้านี้
“เราต้องช่วยกันจับตา และปกป้องระบบยาของประเทศ ไม่ให้กลไกการเมืองมากลั่นแกล้งคนที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนร่วม และไม่ยอมเปิดทางให้ธุรกิจยา มาหาประโยชน์กับความเจ็บป่วยของประชาชนได้” นายอภิวัฒน์กล่าว
ด้านน.ส.รสนา โตสิตระกูล ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาเน้นในส่วนของธรรมาภิบาลของกระทรวงสาธารณสุขและกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยคณะอนุกรรมาธิการจะเริ่มพิจารณาในวันที่ 16 พฤษภาคม นี้ ทั้งนี้เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ารับฟังการพิจารณาได้
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ