เผยคดีพนันทั้งปีถึง5หมื่น แฉครูชายแดนเข้าบ่อนอื้อ

5 เม.ย. 2556 | อ่านแล้ว 1786 ครั้ง

 

เมื่อวันที่ 3 เมษายน นายพงศธร จันทรัศมี ผู้จัดการโครงการขับเคลื่อนสังคมและนโยบายสาธารณะเพื่อลดปัญหาการพนัน มูลนิธิสดศรี สฤษดิ์วงศ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การพนันของข้าราชการในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีข้าราชการในจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านและมีบ่อนคาสิโน ข้ามไปเล่นการพนันและได้รับผลกระทบทั้งเบาและหนัก โดยเคยมีเรื่องร้องเรียนไปยังคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ว่า มีข้าราชการครูในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สระแก้ว สุรินทร์ ปราจีนบุรี และ จ.นครราชสีมา ติดการพนัน เดินทางเข้าไปเล่นพนันในบ่อนประเทศกัมพูชา ด้านอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จนเกิดปัญหาหนี้สิน ครอบครัวแตกแยก ส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนนักเรียนเป็นอย่างมาก ซึ่งนำมาสู่การพิจารณาลงโทษทางวินัย ถึงขั้นถูกถอดถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ไม่มีสิทธิสอนหนังสืออีก

 

นอกจากนี้ยังพบว่า ในจ.สุรินทร์ คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนจังหวัดสุรินทร์ มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับมูลเหตุของการกระทำผิดทางวินัยของข้าราชการพลเรือนสามัญ ที่ทำให้ข้าราชการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ว่า ส่วนหนึ่งมาจากการเล่นพนันต่าง ๆ อาทิ พนันบอล การเล่นพนันตามบ่อนตามแนวชายแดน เป็นต้น เป็นเหตุต้องถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงจนผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานให้สังเกตการณ์ และกำชับข้าราชการ ห้ามพนักงาน และลูกจ้างในสังกัด มิให้เดินทางไปเพื่อเล่นการพนันที่คาสิโนโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นจุดผ่านแดนใด ๆ ก็ตาม รวมทั้งการพนันบอล และการพนันประเภทต่าง ๆ อีกด้วย

 

นายพงศธรกล่าวต่อว่า สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2475 ถึงแม้จะมีการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณการยื่นฟ้องคดีนี้ในศาลก็ไม่ได้ลดลง ข้อมูลจากศาลยุติธรรมระบุว่า ในปี พ.ศ.2555 มีคดีความผิดตาม พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2475 รวม 49,572 ข้อหา คิดเป็นลำดับที่ 3 ของสถิติคดีอาญา รอง จากคดียาเสพติดให้โทษ และความผิดการจราจรทางบก ซึ่งโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 ต่ำสุดสำหรับความผิดในการเล่นพนันคือจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 500 บาท โทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งหากเชื่อมโยงกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 มาตรา 30 (10) ที่กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับราชการพลเรือน จะต้องไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุก โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เพราะกระทำความผิดทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่มิได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติดังกล่าวพิจารณาตั้งแต่ผู้สมัครเข้าสอบรับราชการ ทำให้ผู้สมัครที่เคยถูกคำพิพากษาให้จำคุกมาก่อน แม้แต่ในคดีเล็กน้อยและคดีการพนันก็ไม่สามารถสมัครเข้ารับราชการได้

 

ทั้งนี้หากเป็นข้าราชการอยู่แล้ว การเล่นหรือไม่เล่นพนันจริงอาจจะไม่ใช่ประเด็น แต่หากเข้าไปมีเอี่ยวและถูกพิจารณาว่าเป็นการกระทำอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เช่น เป็นข้าราชตำรวจหรือครูแต่ไปมีส่วนร่วมในบ่อนการพนัน อาจถูกพิจารณาได้ว่ากระทำผิดวินัยและอาจถูกให้ออกหรือไล่ออกจากข้าราชการได้ ซึ่งความผิดเล็กๆนี้ อาจส่งผลกระทบต่ออนาคต ดังนั้นทางที่ดีคือไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงในแวดวงการพนัน

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: