เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ประชาชาติธุรกิจออนไลน์รายงานว่า นายประกิตติ อาจพันธ์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยกับประชาชาติธุรกิจว่า ภาพการชุมนุมที่รุนแรงในกรุงเทพฯ ส่งผลกระทบโดยรวมต่อการค้าและการท่องเที่ยว ในช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะยอดจองห้องพักที่ลดลงถึง 30 เปอร์เซนต์ และคาดว่าจะลดลงถึง 50-60 เปอร์เซนต์ หากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ

ทั้งนี้เป็นเพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและยุโรปสแกนดิเนเวีย อ่านข่าวสารการเมืองประเทศไทยผ่านอินเทอร์เน็ตและหนังสือพิมพ์และเห็นว่า ข่าวการเมืองไทยค่อนข้างรุนแรง จึงตัดสินใจไปเที่ยวประเทศอื่นแทน หรือเปลี่ยนไปเที่ยวและจองห้องพักอื่น ๆ ในประเทศไทยที่มีความสงบมากกว่าบริเวณกรุงเทพฯ ต่างชาติมาเที่ยวชลบุรีลดลง 50 เปอร์เซนต์

นายสุนทร ธัญญวัฒนกุล ประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงขณะนี้ มี ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาชลบุรีลดลงถึง 50 เปอร์เซนต์ เนื่องจากเห็นภาพและบรรยากาศการชุมนุมทางการเมืองจากสื่อที่รุนแรง และหากยังยืดเยื้อจะทำให้กระทบการท่องเที่ยวแบบเต็ม ๆ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น และคาดการณ์ปีนี้อาจมีนักท่องเที่ยวมาพัทยาไม่ถึง 10 ล้านคน อย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้

            “การก่อม็อบส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก เพราะภาพจากสื่อที่ออกไปน่ากลัว ถึงแม้การปะทะกันจะหยุดภายในสัปดาห์นี้ แต่นักท่องเที่ยวก็ยังกลัว เพราะเกรงว่าจะปะทุขึ้นมาอีก ฉะนั้นผมเห็นว่า คู่ขัดแย้งต้องคุยกันแบบมีกติกา เพราะหากการเมืองไม่เคารพกติกา ไม่ว่าพรรคไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้”

ด้านนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า เริ่มมีนักท่องเที่ยวทะยอยยกเลิกจองห้องพัก ซึ่งเป็นผลพวงมาจากต่าง ชาติหลายประเทศประกาศเตือนให้หลีกเลี่ยงเดินทางมาประเทศไทยจากปัญหา สถานการณ์การเมือง และคาดว่าจะมีผลกระทบต่อเนื่องไปจนปีใหม่ อย่างไรก็ตาม สมาคมได้พยายามเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และยืนยันว่าพื้นที่จ.กระบี่ไม่มีความรุนแรง

            “สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวจะไม่ฟื้นมาในทันที ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนในการสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา จึงขอฝากไปยังทุกฝ่ายหันหน้ามาพูดคุยกันด้วยถ้อยทีถ้อยอาศัยและอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา” นายชำนาญกล่าว

นายชวลิต ชีวพฤกษ์ ที่ปรึกษาชมรมธุรกิจท่องเที่ยวอ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เปิดเผยว่า ปัญหาการชุมนุมทางการเมืองยังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวในสวนผึ้ง โดยนักท่องเที่ยวที่จองห้องพักไว้ล่วงหน้ายังไม่มีการยกเลิก เห็นได้จากในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้อัตราเข้าพักเต็ม 100 เปอร์เซนต์ ซึ่งในจำนวนนี้ประมาณ 70 เปอร์เซนต์ เป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้จองโรงแรม รีสอร์ตไว้ล่วงหน้า ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวครอบครัวที่มาจากกรุงเทพฯ

            “คาดว่าสาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเที่ยวส่วนผึ้ง เนื่องจากเบื่อปัญหาทางการเมืองที่ยังรุนแรงอยู่ในขณะนี้ และคาดการณ์ว่าอัตราเข้าพักในช่วงวันธรรมดาจะปรับตัวสูงขึ้น 80 เปอร์เซนต์ จากปกติอยู่ที่ 60 เปอร์เซนต์ เพราะคนกรุงเทพฯที่หยุดงานเนื่องจากสำนักงานได้รับผลกระทบจากการชุมนุมจะ เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อไปจนถึงปลายเดือนธันวาคม หรือต้นเดือนมกราคม คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวสวนผึ้งแน่นอน เพราะคนกรุงเทพฯที่เริ่มเบื่อหน่ายการเมืองจะเริ่มออกเดินทางไปท่องเที่ยว ยังต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดระยะสั้น เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้จะคักคึกเป็นพิเศษ ทำให้ผู้ประกอบการทัวร์ขาออก (เอาต์บาวนด์) ได้รับอานิสงส์

นายพรพจน์ เจริญเกียรติ เจ้าของไร่ทองสมบูรณ์คลับ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวโซนเขาใหญ่-ปากช่องได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ทางการเมืองในแง่ของมู้ดการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่น ทำให้ยอดจองห้องพักหายไปประมาณ 3 ใน 5 ส่วน เชื่อว่าหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายจะกระทบต่อยอดจองล่วงหน้าที่มีการจอง เข้ามาแล้ว ซึ่งหากมีการยกเลิกจริง ก็จะส่งผลกระทบมากยิ่งขึ้น

            “ตอนนี้บรรยากาศท่องเที่ยวดูแย่ ๆ ภาพการจองห้องพักลดลง เพราะนักท่องเที่ยวหลักของโซนเขาใหญ่และปากช่องเป็นกลุ่มคนชั้นกลางที่มา จากกรุงเทพฯ วันนี้หายไปส่วนหนึ่งเข้าไปร่วมชุมนุม ถามว่าผู้ประกอบการรับมืออย่างไร ตอบเลยว่าไม่มี ที่ทำได้คือทำใจอย่างเดียวเท่านั้น และมองว่าสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นจะไม่จบได้เร็วตามที่ประกาศไว้ หากรัฐบาลยังยืนกรานที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป” นายพรพจน์กล่าว

นายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอ.วังน้ำเขียว และอุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่ากลุ่มลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯและภาคกลางส่วนใหญ่จะตัดสินใจในช่วง สัปดาห์สุดท้ายของการเดินทาง ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการของผู้ประกอบการทำได้ลำบากมากขึ้นสำหรับลูกค้า ที่มาท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์

            “เดือนธันวาคมโดยภาพรวมห้องพักเกือบ ทุกแห่งยังเต็มเหมือนเช่นทุกปี แต่กว่าจะตัดสินใจจองเข้ามาใช้เวลานานขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก ส่วนใหญ่จะจองห้องพักในระยะสั้น ๆ ประมาณ 2-3 วัน” นายพงษ์เทพกล่าว

น.ส.บูรณาการ จตุพรไพศาล ประธานชมรมทัวร์และมัคคุเทศก์ท้องถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์ความไม่สงบภายในบ้านเมือง ของเราเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเหตุการณ์ความไม่สงบที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ได้ส่งผลกระทบกับการท่อง เที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน จ.กาญจนบุรีได้แจ้งยกเลิกทัวร์ไปมากกว่า 50% แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เปลี่ยนเส้นทางไปเที่ยวประเทศอื่นที่ใกล้เคียง และย้ายพื้นที่บินตรงไปที่ จ.ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยได้ยกเลิกทัวร์และกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เกี่ยว ข้องประมาณ 30-40% เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน บางบริษัทที่มีโครงการพาพนักงานออกมาสัมมนาและท่องเที่ยว ก็ถูกระงับ

            “อยากร้องขอให้คนไทยทุกสาขาอาชีพ ตั้งสติให้ดี อย่าใช้อารมณ์ ทุกคนรักประเทศ แต่การออกมาแสดงพลัง หากเกินขอบเขตไปแล้ว ก็จะกลับกลายเป็นการทำร้ายประเทศ ทำร้ายคนไทยกันเองในที่สุด การแข่งขันภายนอกประเทศ เรายังหาทางสู้ได้ แต่เหตุที่เกิดจากภายในเอง เราอาจสูญเสียความเป็นสยามเมืองยิ้ม และแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชียตลอดกาล” น.ส.บูรณาการกล่าว

ขอบคุณข่าวจากประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai