แฉธุรกิจพนันอู้ฟู่-สะพัด3.5แสนล. สลดระบาดหนักถึงเด็ก6ขวบแล้ว หวั่นหวยเครื่องขยับ-คนเล่นเพิ่ม

กฤษฎา ศุภวรรธนะกุล ศูนย์ข่าว TCIJ 9 ม.ค. 2556 | อ่านแล้ว 1708 ครั้ง

 

การจำหน่ายสลากด้วยเครื่องที่คาดว่าจะเริ่มเดินหน้าในปี 2556 นี้ เป็นหนึ่งเหตุการณ์ที่ถูกมองด้วยความวิตกว่าจะก่อให้เกิดการขยายตัวของการพนันในสังคมไทย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ขณะเดียวกัน หน่วยงานรัฐก็กำลังมีการผลักดันการแก้ไข พ.ร.บ.การพนันและ พ.ร.บ.การให้รางวัลด้วยการเสี่ยงโชค ซึ่ง ศิริพร ยอดกมลศาสตร์ รองผู้จัดการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่าเป็นกฎหมายที่มุ่งสนับสนุนการพนัน

 

แต่แม้ว่าจะไม่มีปัจจัยเหล่านี้ สถานการณ์การพนันก็มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นอยู่แล้ว จากอำนาจของเทคโนโลยี จากการติดตามอย่างต่อเนื่องของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ซึ่งสำรวจเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2553-กุมภาพันธ์ 2554 โดยสุ่มเลือก 16 จังหวัดจากทุกภูมิภาค จำนวน 5,042 ตัวอย่าง พบว่า มีผู้ที่เคยเล่นการพนัน 77.1 เปอร์เซ็นต์ ผู้เล่นมีสัดส่วนเพศชายมากกว่าเพศหญิง 63 เปอร์เซ็นต์ เริ่มเล่นการพนันครั้งแรก เมื่ออายุไม่เกิน 24 ปี ตามด้วย 25.7 เปอร์เซ็นต์ ที่เริ่มเล่นการพนันตอนช่วงอายุ 25-34 ปี ซึ่งผู้ที่เคยเล่น และยังคงเล่นการพนันในรอบปีที่ผ่านมามี 31.87 ล้านคน

 

 

            “อายุของคนที่เล่นการพนันมีตั้งแต่อายุยังน้อย จากการสำรวจพบว่าอายุต่ำสุดคือ 7 ปี แต่จากการคุยอย่างไม่เป็นทางการ พบว่าตอนนี้ 6 ขวบก็เริ่มเล่นการพนันแล้ว” ศิริพรกล่าว

 

 

 

เงินพนันสะพัด 3.5 แสนล้าน คนเล่นหวยใต้ดินมากที่สุด

 

 

จากงานศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในทุกกลุ่มอายุ ชนิดของการพนันที่เล่นเป็นครั้งแรกมากที่สุดคือ หวยใต้ดิน แต่เมื่อดูกลุ่มอายุไม่เกิน 24 ปี พบว่า ไพ่, พนันฟุตบอล, ไฮโล และกีฬาพื้นบ้าน รวมกันแล้วก็มีอัตราสูงพอ ๆ กับหวยใต้ดิน และถ้าแบ่งตามเพศก็จะยิ่งเห็นความแตกต่างชัดเจน โดยเพศหญิงจะเล่นสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดินมากกว่าเพศชาย ขณะที่เพศชายจะนิยมเล่นการพนันประเภทไพ่, พนันฟุตบอล, ไฮโล กีฬาพื้นบ้าน และมวย/มวยตู้ มากกว่า

 

ส่วนเหตุผลของการเล่นพนันครั้งแรก คือต้องการเสี่ยงโชค ซึ่งก็มีความแตกต่างกันอีก ระหว่างหญิง-ชาย เพราะผู้หญิงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เล่นหวยและสลากกินแบ่งฯ นอกจากต้องการเสี่ยงโชคแล้ว ยังเล่นเพื่อความสนุกสนาน ส่วนผู้ชายกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ที่เล่นการพนันในบ่อนและกีฬาพื้นบ้านจะเล่นเพื่อความสนุก เชื่อมั่นว่าตัวเองเก่งและมีโอกาสชนะ รวมถึงมองว่าเป็นรายได้เสริม

 

เมื่อคำนวณทั้งประเทศ ผลประมาณการจำนวนนักพนันในปี 2553 พบว่า หวยใต้ดินมีผู้เล่นมากที่สุด 19.92 ล้านคน รองลงมาคือสลากกินแบ่งรัฐบาล 19.21 ล้านคน แต่ต้องไม่ลืมว่าคนคนหนึ่งสามารถเล่นการพนันได้หลายประเภท และถ้ารวมปริมาณเงินพนันทุกประเภทในปี 2553 จะคิดเป็นวงเงินประมาณ 357,275 ล้านบาท

 

 

 

เผย 70 เปอร์เซ็นต์เล่นพนันในชุมชนและรอบบ้าน

 

 

 

สำหรับกลุ่มอายุไม่เกิน 24 ปี จำนวน 46.6 เปอร์เซ็นต์ ตอบว่า การเล่นพนันครั้งแรกเล่นเอง โดยไม่มีใครชวน ขณะที่ 46.3 เปอร์เซ็นต์บอกว่า เพื่อนเป็นคนชวน ญาติและคนในครอบครัวชวนให้เล่นอีกอย่างละ 3.5 เปอร์เซ็นต์

 

 

             “กลุ่มผู้ชายจะรู้สึกว่า การพนันกีฬาบางชนิด ถ้าเล่นแล้วทำให้มีความเป็นผู้ชายมากขึ้น ส่วนกรณีที่บอกว่าไม่มีใครชวนนั้น หมายถึงไม่ได้ชวนด้วยการบอกกล่าว แต่อาจเป็นการชวนด้วยพฤติกรรม ดังนั้น การชักชวนจึงมีทั้งการชวนด้วยคำพูดและภาษากาย” ศิริพรกล่าวเสริม

 

 

ตัวเลขที่น่าวิตกอยู่ที่แหล่งที่ใช้เล่นการพนัน ซึ่งพบว่า 68.4 เปอร์เซ็นต์เล่นการพนันในพื้นที่ชุมชนและรอบ ๆ บ้าน และเป็นการเล่นที่บ้านถึง 30.1 เปอร์เซ็นต์

 

 

พนันออนไลน์มาแรง ยังไม่มีวิธีคุม

 

 

 

“เราพบว่ามีการใช้โทรศัพท์สั่ง 4.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งระยะต่อไปการพนันออนไลน์กำลังจะเข้ามา งานวิจัยในต่างประเทศหลายชิ้น พูดถึงปัญหาเกมออนไลน์ทั้งนั้น ว่า ขณะที่การพนันยุคเก่ากำลังลดลง แต่เกมพนันออนไลน์กำลังขยายตัวและยังหาเครื่องมือควบคุมไม่ได้ นอกจากการทำให้คนมีวุฒิภาวะควบคุมตัวเองได้ ถ้าสังเกตตามเว็บไซต์จะเห็นว่าโฆษณาการพนันในเว็บไทย มีกว่าเว็บต่างประเทศ หนึ่ง อาจจะเป็นเพราะเราไม่มีการดูแล สอง เด็กไทยมีวุฒิภาวะต่ำกว่าเด็กต่างประเทศ การชักจูงทำได้ง่าย และเด็กไทยมีเวลาอยู่กับคอมพิวเตอร์มากกว่าเด็กต่างประเทศ ทำให้การโฆษณาการพนันบนเว็บไซต์ในต่างประเทศมีประสิทธิผลน้อยกว่าเมื่อเทียบกับในไทย” ศิริพรกล่าว

 

 

 

เปิดบ่อนงานศพ จ่ายญาติสัปดาห์ละ 3 หมื่น

 

 

 

ผลการศึกษายังแสดงให้เห็นอีกว่า ในเขตชนบทที่มีประชากร 59.7 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ปริมาณเงินที่อยู่ในบ่อนการพนันสูงถึง 25,137 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า มีบ่อนอยู่ในชนบทจำนวนมาก ศิริพรเผยว่ามีทั้งบ่อนขนาดเล็กในชุมชนและบ่อนวิ่งตามงานศพ

 

บ่อนตามงานศพจะมีคนไปติดต่อเจ้าของงานศพเพื่อขอเปิดบ่อน โดยจ่ายให้สัปดาห์ละ 30,000 บาท และถ้ายังไม่มีศพใหม่มาแทน เจ้าของบ่อนก็จะจ่ายให้อีก 30,000 บาทแก่เจ้าของศพ เพื่อมิให้นำศพไปเผาจนกว่าจะมีศพใหม่มาตั้งแทน ซึ่งศิริพรยืนยันว่ามีกรณีเช่นเกิดขึ้นจริงในจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคใต้

 

 

                “แม้ว่าการพนันพื้นบ้านอยู่ในชนบทเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีชนชั้นกลาง พวกเจ้าสัว เจ้าของร้านทองที่ชอบไปตีไก่ สำหรับลูกค้ากลุ่ม ผู้จัดจะมีห้องแอร์ให้คนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ งานวิจัยที่ออกมา พบว่าวงเงินที่คนกลุ่มนี้ใช้เล่นการพนันเป็นเงินหลายหมื่นล้านบาท และกลุ่มเดียวกันนี้เองที่เป็นเจ้ามือหวย”

 

 

นโยบายรัฐกระตุ้นหน้าใหม่เข้าวงจรการพนัน

 

 

 

นโยบายของรัฐบาลเป็นประเด็นที่ศิริพรคิดว่าต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เธออธิบายว่า ทีมงานของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คือทีมงานชุดเดียวกันกับของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เคยมีประสบการณ์จากการนำหวยใต้ดินขึ้นมาเป็นหวยบนดิน ซึ่งสร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลได้เป็นกอบเป็นกำ โดยตั้งแต่ปี 2547-2549 รัฐมีรายได้จากหวยบนดินรวมกันถึง 119,802 ล้านบาท ผลพวงทางการเมืองที่ติดตามมาคือ ทำให้กลุ่มทุน-ผู้มีอิทธิพลจากธุรกิจหวยใต้ดิน ถูกอำนาจรัฐจัดการ ขณะที่กลุ่มที่ถูกดึงมาเป็นพวกพ้องของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล สามารถประกอบธุรกิจหวยใต้ดินต่อไปได้ แต่จะต้องเป็นฐานเสียงสนับสนุนทางการเมืองแก่รัฐบาล

 

ดูจากสัญญาณต่าง ๆ ที่ถูกส่งออกมาตั้งแต่การเดินหน้าจำหน่ายสลากด้วยเครื่อง การแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน และ พ.ร.บ.การให้รางวัลด้วยการเสี่ยงโชค และยังโยนหินถามทาง การทำให้บ่อนการพนันเป็นสิ่งถูกกฎหมาย หรือการสร้างเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ คอมเพล็กซ์ เมื่อนับรวมกระแสการพนันบนโลกออนไลน์ด้วยแล้ว ศิริพรเห็นว่า เป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เด็กและเยาวชนสุ่มเสี่ยงที่จะตกลงไปในวังวนของการพนัน

 

 

             “สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ผิดให้แก่เด็ก ไม่ว่ารัฐจะเจตนาอย่างไร ก็คือการเพิ่มกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ซึ่งถือเป็นอันตราย และถ้าเงินถูกใช้ไปในทางนี้มากขึ้น เงินและผลกำไรจากการพนันจะถูกดูดไปอยู่ที่ทุนใหญ่ แต่ไม่ก่อให้เกิดการกระจายสู่มวลชน ซึ่งกระทบต่อการหมุนของเงินในระบบเศรษฐกิจ เพราะเมื่อเงินถูกดูดออกไปจากระบบเรื่อย ๆ โดยภาพรวมระบบเศรษฐกิจของเราจะแย่ลง”

 

 

 

เมื่อให้ศิริพรประเมินสถานการณ์ความรุนแรงด้านการพนันจากระดับต่ำสุดคือ 1 ไปถึงระดับสูงสุดคือ 5 เธอตอบว่า ถ้ามองในแง่การกระจายตัวอาจจะถึง 4 แต่ถ้ามองในแง่ปัญหา หมายถึงจำนวนคนที่เป็นปัญหาถือว่ายังไม่ถึงระดับ 1 เพราะคนจำนวนมากไม่ได้เล่นการพนันแบบมีปัญหา แต่ในจำนวนนี้หากมีคนที่ติดการพนันก็ต้องถือว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข เพราะจากงานศึกษาเผยให้เห็นว่า คนที่เสียพนันแต่ยืนยันว่าจะเล่นต่อมีถึง 28 เปอร์เซ็นต์ และในจำนวนนี้เลือกวิธีหาเงินมาเล่น ด้วยการก่อหนี้ 21.5 เปอร์เซ็นต์ และใช้เงินออมในรูปแบบต่าง ๆ 15.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหมายความว่าจะทำให้ความมั่นคงด้านเศรษฐกิจของตนและครอบครัวลดลง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เสนอมาตรการเบื้องต้นลดผลกระทบหวยออนไลน์

 

 

 

แน่นอนว่าการพนันไม่มีวันหมดไปจากโลก ศิริพรเองก็รู้ดีในเรื่องนี้ เธอกล่าวว่า

 

“เราไม่ได้บอกว่าให้หมด ประเด็นคือเราต้องคุมมัน ไม่ใช่มันคุมเรา”

 

ดังนั้น กรณีจำหน่ายสลากด้วยเครื่องซึ่งน่าจะดำเนินการขายได้จริงในปีนี้ ศิริพรจึงมีข้อเสนอเบื้องต้นเพื่อควบคุมผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นว่า

 

1.ต้องปกป้องผู้บริโภคไม่ให้ถูกเอาเปรียบและถูกก่ออาชญากรรม ควรใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้บริโภคเป็นหลักฐานการซื้อ และข้อมูลผู้บริโภคต้องถือเป็นความลับขั้นสูงสุด

2.ปกป้องเด็กและเยาวชนไม่ให้เข้าสู่วงจรการพนันก่อนบรรลุนิติภาวะ

3.ป้องกันการผูกขาด การเช่าช่วง และต้องมุ่งเน้นการสร้างอาชีพให้แก่ประชาชน

4.มีการดำเนินงาน การบริหารจัดการแบบมืออาชีพ และมีจริยธรรมในอาชีพ

5.ป้องกันการขยายตลาดเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคม เช่น มีจุดขายเฉพาะ ห้ามอยู่ใกล้วัดหรือโรงเรียนในรัศมี 5 กิโลเมตร เป็นต้น

6.กระบวนการทุกขั้นตอนต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้

7.กำไรส่วนหนึ่งต้องนำมาเยียวยาปัญหาสังคม สร้างกลไกสนับสนุนการทำงานของหน่วยเฝ้าระวัง และสนับสนุนให้ภาคประชาสังคมมีบทบาทตามหลักการมีส่วนร่วม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ควรให้อำนาจท้องถิ่นจัดระดับและควบคุมการพนัน

 

 

                “ส่วนในภาพรวม ถ้าจะคุมการพนัน สิ่งแรกที่เราต้องทำคือต้องแบ่งประเภท เพราะคำว่าการพนันเป็นคำที่ใหญ่มาก มันมีหมวดของรายละเอียดของการพนันที่ไม่เหมือนกัน หวยก็คุมแบบหนึ่ง ถ้าเป็นการเล่นไพ่ในครัวเรือน ไม่ได้กินเงิน หรือในวงเงินไม่เกินเท่านี้ ๆ เราก็ไม่ไปยุ่ง แต่ต้องไม่มีผู้จัด เพราะถ้ามี ผู้จัดจะดึงเงินส่วนหนึ่งออกจากระบบไปเป็นกำไร เมื่อได้กำไรก็ต้องอยากได้เพิ่มขึ้น ก็จะเร้าให้เราเล่นมากขึ้น นี่คือสิ่งที่เราต้องควบคุม”

 

 

การคุมในที่นี้หมายถึงการนำขึ้นมาบนดินเหมือนหวยใต้ดิน?

 

 

                “คำว่าเอาขึ้นมาบนดินก็ต้องแบ่งหมวดการพนันออกเป็นกลุ่ม บางกลุ่มผู้นำชาวบ้านเรียกว่าเป็นกลุ่มสีเขียว คือปล่อยไป อย่าไปยุ่งกับเขา แต่สร้างเงื่อนไขไว้ เช่น ถ้าเป็นชนไก่กันในหมู่บ้าน อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ตามจับไม่ไหวหรอก แล้วอย่าให้ตำรวจไปมีอำนาจเหนือและคอยรีดไถ แต่เล่นได้แค่คู่สองคู่ ถ้าจะชนกันเป็นเรื่องเป็นราว มีผู้จัด ก็จะเข้าสู่โซนสีเหลือง เงื่อนไขจะเป็นอีกแบบ พอเข้าโซนสีส้ม สีแดง เงื่อนไขจะมากขึ้นเป็นลำดับ และถ้ามีบทลงโทษก็ต้องหนัก แต่แน่นอนต้องมีไข่แดงคือห้ามเด็ดขาด” ศิริพรอธิบาย

 

 

 

ประเด็นการแบ่งหมวดและควบคุม ศิริพรเห็นว่าเกี่ยวพันกับการกระจายอำนาจที่ควรมอบอำนาจหน้าที่แก่ชุมชนแต่ละแห่งให้สามารถจัดการและสร้างกติกาในการควบคุมการเล่นการพนันในชุมชนได้ ศิริพรยกตัวอย่างการพนันสีเขียวว่า คนในชุมชนที่ลงไปศึกษาอธิบายว่าการพนันสีเขียวคือการพนันที่ผู้เล่นเห็นหน้าเห็นตากันและชุมชนสามารถควบคุมกันเองได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                “ระดับสีเขียวท้องถิ่นเป็นคนคุม แต่ระดับสีส้มและสีแดงอาจต้องคุมในระดับประเทศ เพราะถ้าบอกว่าอยู่บนดินแล้วดีก็ต้องอนุญาตให้ขายยาเสพติด ดังนั้น มันจึงต้องมีของสีแดงอยู่ ส่วนการพนันแบบไหนเป็นสีอะไร ต้องมาระดมความคิดกัน”

 

 

 

ทั้งหมดนี้คือสถานการณ์การพนันในสังคมไทยที่มีแนวโน้มจะขยายตัวจากแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสิ่งที่ทัดทานได้ยาก สิ่งสำคัญที่ศิริพรย้ำในตอนท้ายคือการสร้างวุฒิภาวะแก่คนในสังคม และการสร้างพื้นที่กิจกรรมให้แก่เด็กและเยาวชน ที่นอกเหนือไปจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และศูนย์การค้า

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: