จากกระแสเรื่องความต้องการเข้ามาตรวจสอบโปรแกรมไลน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอ้างว่าเป็นไปเพื่อความมั่นคงของรัฐจนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือกสทช.จึงจัดสัมมนา “เพื่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยสาธารณะ จะต้องสังเวยด้วยสิทธิส่วนบุคคลจริงหรือ?” โดยมีผู้ร่วมสัมมนาคือ พ.ต.ท.โอฬาร สุขเกษม กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นายสมชาย หอมลออ นักกฎหมายสิทธิมนุษยชน นายปรเมศวร์ มินศิริ ผู้บริหารเว็บไซต์ Kapook.com นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษา ฮิวเเมนไรท์ วอทช์ ประจำประเทศไทย นายจอม เพชรประดับ ดำเนินรายการ
พ.ต.ท.โอฬารกล่าวว่า ในทางปฏิบัติของตำรวจ จะต้องปฏิบัติตามระเบียบหน้าที่ที่ได้บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญซึ่งไม่สามารถล่วงละเมิดได้ แต่อย่างไรก็ตามการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่จะต้องมีสิทธิเสรีภาพ โดยไม่ไปจำกัดหรือละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนและความวุ่นวายในสังคม
พ.ร.บคอมพิวเตอร์ก็มีการกำหนดข้อความผิดเช่นเดียวกับกฎหมายทั่วไป ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มีเพียง 13 มาตรา และมีเพียง 9 มาตราที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์โดยตรง เช่น การทำลายระบบ การเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบ ส่วนอีก 4 มาตราเป็นความผิดอื่นแล้วนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ การสื่อสารทางระบบอินเตอร์เน็ต ออนไลน์เปิดกว้างและรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องมีการบังคับใช้ตามกฎหมายเพื่อปกป้อง ป้องกันประชาชนผู้บริสุทธิ์ ความมั่นคงของรัฐและความสงบสุขของสังคมโดยรวม ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าทางหน่วยงานราชการหรือทางรัฐบาลจะเข้าไปแฮกข้อมูล ตามกฎหมายไม่สามารถทำได้และทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่เคยแฮกข้อมูลใดๆ ข้อมูลที่ใช้ในการสืบสวนสอบสวน
ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบระบบออนไลน์ โดยเฉพาะโปรแกรมไลน์ (line) โปรแกรมไลน์เป็นการสื่อสารเฉพาะตัว ไม่เผยแพร่ต่อสาธารณะชน เพราะฉะนั้นผู้ใช้ไลน์มีอิสระในการดำเนินการสื่อสาร ซึ่งผู้กระทำผิดอาจจะส่งข้อความผ่านทางไลน์ไปยังบุคคลอื่น ๆ จะกลายเป็นข้อมูลเบาะแส ซึ่งบุคคลภายในกรุ๊ปที่ได้รับข้อความอาจจะเป็นผู้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งการทำงานของจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายคือ เมื่อมีการกระทำผิดเกิดขึ้น เมื่อเกิดแล้วหรือเชื่อว่าจะเกิด เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีหน้าที่ในการเข้าไปสืบสวนสอบสวน ไต่ถามข้อเท็จจริงในเบื้องต้น และเมื่อพบการกระทำความผิด ก็จะมีการรวบรวมหลักฐานเพื่อหาว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด เมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลเบาะแสจะพิสูจน์ทราบว่า มีการกระทำผิดหรือไม่ ผู้กระทำความผิดมีอยู่จริงหรือไม่และบุคคลที่ได้รับข้อความอันเป็นการกระทำความผิดมีอยู่จริงหรือไม่ เมื่อมีอยู่จริงจะเข้าสู่ขั้นตอนการสืบสวนและขออำนาจศาลหรือใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติในการเข้าถึงข้อมูลหรือขอข้อมูล
พ.ต.ท.โอฬารกล่าวต่อว่า ตามพ.ร.บคอมพิวเตอร์ ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจขอข้อมูลได้ ในกรณีที่เซิร์ฟเวอร์อยู่ในประเทศไทยสามารถทำการขอข้อมูลได้เลย แต่ถ้าเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่นอกราชอาณาจักร จะเข้าสู่สนธิสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างประเทศ และสามารถขอความร่วมมือจากบริษัทผู้ให้บริการเหมือนคดีสืบสวนทั่วไป ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทผู้ให้บริการว่าจะให้ข้อมูลดังกล่าวหรือไม่ บริษัทไลน์ก็เช่นกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจมีเพียงอำนาจในการขอข้อมูลเท่านั้น จะให้ข้อมูลหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท ในการขออำนาจศาลเพื่อเข้าถึงข้อมูลในระบบไลน์เป็นไปไม่ได้ และหากมีการกระทำความผิดจากระบบไลน์ จะถือว่าเป็นความผิดในราชอาณาจักรไทย บริษัทไลน์ถือเป็นผู้ร่วมในการกระทำความผิด
การกระทำความผิด กฎหมายจะต้องบัญญัติไว้ว่า เป็นการกระทำความผิดและต้องบัญญัติโทษไว้ และต้องรับโทษต่อเมื่อกระทำโดยเจตนาหรือกฎหมายบัญญัติไว้ว่า ประมาทก็ถือเป็นความผิด โดยยึดหลักเจตนาซึ่งแบ่งเป็น 3 อย่างคือ 1.เจตนาโดยตรง 2.เล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้น 3.ละเว้นเพื่อให้เกิดผลนั้น
การดำเนินคดีไม่สามารถวินิจฉัยเจตนาได้ กฎหมายไม่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจในการวินิจฉัยเจตนา เจ้าหน้าจะต้องพิจารณาพฤติการแห่งการกระทำนั้น ถ้าเข้าองค์ประกอบการกระทำความผิดเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินคดี เช่นการวิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อมวลชน ทางเฟสบุคหรือโลกออนไลน์ต่างๆ ถ้าเข้าองค์ประกอบความผิด เจ้าหน้าที่จะต้องพิสูจน์และเสาะแสวงหาว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่ บุคคลใดเป็นผู้กระทำ จากนั้นจึงนำพฤติเหตุแวดล้อมมาดำเนินการในส่วนที่จะพิจารณา เสนอความเห็นต่อพนักงานอัยการ ข้อมูลที่ได้มาโดยมิชอบศาลจะไม่รับฟังและเจ้าพนักงานที่นำข้อมูลดังกล่วเข้าสู่การสอบสวนจะถือว่ามีความผิดด้วย
“กรณีของไลน์ เจ้าหน้าที่ไม่มีเครื่องมือในการเข้าไปดักฟังหรือเข้าไปแฮกข้อมูล ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่จะเฝ้าว่าใครจะสื่อสารอย่างไร เป็นไปไม่ได้เลยในโลกความจริงไม่มีทางทำได้ แต่เมื่อไหร่ที่ข้อมูลมีการพิสูจน์ทราบทางเจ้าหน้าที่จึงจะดำเนินการ” พ.ต.ท.โอฬารกล่าว
ด้านนายสมชาย หอมลออ นักกฎหมายสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่จะต้องคำนึงถึงความชอบด้วยกฎหมายตลอดเวลาและประชาชนควรเข้าใจถึงหลักสิทธิมนุษยชน รัฐเป็นเพียงเครื่องมือของสังคมในการให้สังคมมีความสุขสงบและมีการพัฒนาที่ยั่งยืน ความมั่นคงของรัฐคือ ความมั่นคงของมนุษย์ รัฐคือ กฎหมายซึ่งกฎหมายคือ เครื่องมือของสังคมสร้างดุลยภาพระหว่างสิทธิสังคม เป้าหมายเพื่อให้มนุษย์ใช้สิทธิและเสรีภาพของตนเองได้ มนุษย์อาจต้องยอมสละสิทธิบางประการโดยที่การจำกัดมีความเหมาะเช่น ในสภาวะปกติห้าม จี้ ปล้นเพื่อความสงบของสังคมดดยรวมเป็นต้น แต่การจำกัดสิทธิจะกระทบต่อสาระสำคัญไม่ได้และเป็นไปตามกฎหมายเท่านั้น และถ้ารัฐจะจำกัดสิทธิเป็นพิเศษจะต้องใช้กฎหมายพิเศษ เช่นอัยการศึกซึ่งฝ่ายบริหารจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
นายสมชายกล่าวต่อว่า พ.ร.บ คอมพิวเตอร์ มีความจำเป็นแต่ยังมีบทบัญญัติหลายส่วนที่ไม่เป็นธรรม เช่น การกำหนดความผิดซ้ำซ้อน เช่นความผิดฐานหมิ่นประมาทมีอยู่แล้วในประมวลกฎหมายเรื่องการหมิ่นประมาทขณะเดียวกันหากนำข้อความไปโพสต์ยังสื่ออนไลน์ต่างๆจะต้องโทษตาม พ.ร.บคอมพิวเตอร์ด้วย
นายปรเมศวร์ มินศิริ ผู้บริหารเว็บไซต์ Kapook.com กล่าวว่า ผู้ให้บริการเว็บไซต์ต่าง ๆ ไม่มีรายใดยินยอมให้นำบริการไปใช้ในทางที่ผิดอย่างแน่นอน และจะต้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ และหากเจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่ปัญหาจะอยู่ที่ขั้นตอน ถ้าเจ้าหน้าที่เข้ามาเพื่อขอข้อมูลว่าผู้ใช้บริการทั้งหมดมีการสื่อสารในเรื่องใด เมื่อเจ้าหน้าที่มาขอดูข้อมูลเป็นรายบุคคลนั้นหมายความว่า เจ้าหน้าที่สามารถดูข้อมูลผู้ใช้บริการได้ทุกคน ซึ่งทางเว็บไซต์จะต้องปกป้องสิทธิของผู้ใช้ ที่อาจต้องสงสัยในคดีต่าง ๆ ด้วยความเป็นขั้วตรงข้ามทางการเมืองเป็นต้น
ทางเว็บไซต์สามารถให้ความร่วมมือได้หากมีคำสั่งศาลเพราะให้บริการในราชอาณาจักร และหากไม่มีคำสั่งศาลทางเว็บไซต์สามารถให้ความร่วมมือได้ ในกรณีที่สงสัยผู้ใช้รายใดเป็นพิเศษ ทางเว็บไซต์จะเข้าไปตรวจสอบในเบื้องต้นก่อน และว่าผู้ใช้บริการรายนี้น่าจะเข้าข่ายหรือไม่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความมั่นใจในการขอหมายศาลเพื่อมานำข้อมูลที่ถูกต้องออกไป และข้อมูลดังกล่าวจะสามารถนำไปใช้ในศาลได้ด้วย
ปัญหาที่เกิดขึ้นที่พบมากในปัจจุบัน คือผู้ใช้บริการไม่ทราบว่า ตนเองถูกละเมิดสิทธิและอนุญาตให้มีการละเมิดโดยไม่รู้ตัว เช่น เว็บไซต์จากจีนเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้อันดับหนึ่ง เนื่องจากเข้าไปซื้อบริการจากเว็บไซต์ดาวน์โหลดขนาดใหญ่และทุกครั้งที่ผู้ใช้บริการเข้ามาโหลดซอฟแวร์ต่าง ๆ ที่เป็นบริการฟรี จะมีแนบท้ายว่า อนุญาตให้ติดตั้งบริการของเว็บไซต์ดังกล่าวภายในเครื่องหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะอนุญาตโดยที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษหรืออ่านแล้วไม่เข้าใจเพราะมาการใช้ภาษากำกวมมาก และเมื่อเสร็จสิ้นหน้าเว็บไซต์ของบริษัทดังกล่าวจะถูกติดตั้งเป็นหน้าแรกซึ่งถอนออกได้ยาก และเราไม่ทราบว่ามีการส่งข้อมูลใดบ้างกลับไปยังเว็บไซต์ต้นทาง ซึ่งหากต้องการจะเอาผิดกับเว็บไซต์ทางเว็บไซต์จะอ้างว่าได้รับการอนุญาตจากผู้ใช้บริการแล้ว และปัญหาที่สำคัญอีกประการคือ การแจ้งการกระทำความผิด ร้องทุกข์บนอินเตอร์เน็ต ที่มีหลากหลายหน่วยงานและมีความยุ่งยากในการแจ้งโดยต้องกรอกเอกสารมากมาย หากผู้ใช้บริการต้องการแจ้งข้อความด่วน เมื่อพบกับการกรอกข้อมูลแบบฟอร์มมากมาย ก็ทำให้ไม่มีผู้ใช้รายใดต้องการเข้ามาแจ้งข้อมูล นายปรเมศวร์ยังเสนอหากมีการเปิดบริการสายด่วนหรืออีเมล์ด่วนเพื่อแจ้งความหรือข้อกระทำผิดว่า ควรมีระบบการจัดการหลังบ้านที่ดีเพื่อความสะดวกรวดเร็วและเชื่อว่าจะมีผู้ใช้บริการอย่างแน่นอน
เรื่องการกลั่นกรองข้อความที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงสาธารณะ นายปรเมศวร์กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนเวรกันดูแล ซึ่งผู้ใช้บริการต้องการอิสระในการเขียนข้อความ และการตีความความมั่นคงสาธารณะในประเทศไทยกว้างขวางมาก ทางเว็บไซต์ไม่สามารถจ้างเจ้าหน้าที่ที่มีวิจารณญาณสูงในราคาสูงเพื่อเข้ามาดูแลได้ หากเจ้าหน้าที่เชื่อว่าผิด ก็จะบล๊อกข้อความแต่ผู้ใช้บริการเชื่อว่าสามารถโพสต์ได้ ทางเจ้าหน้าที่และเว็บไซต์จะถูกโจมตีอย่างมาก แต่หากเจ้าหน้าที่เห็นว่าสามารถโพสต์ข้อความนั้นได้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่า เป็นความผิดทางเว็บไซต์จะเข้าข่ายถูกดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งเข้ามา เพื่อขอให้ลบข้อความที่ไม่เหมาะสมโดยแจ้งความผิดของข้อความว่าผิดในเรื่องใดมาด้วย ทางเว็บไซต์ยินดีที่จะปฏิบัติตามและเชื่อว่าผู้ใช้บริการจะยอมรับ
นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษา ฮิวเเมนไรท์ วอทช์ กล่าวว่า สิทธิความเป็นส่วนตัว ควรเป็นสิทธิที่ได้รับการคุ้มครอง ซึ่งปัญหาสำคัญของไทยคือ ความคลุมเครือของผู้กระทำผิดและเจ้าหน้าที่รัฐ การที่รัฐเข้ามาควบคุมดูแลได้แต่รัฐสามาถกระทำได้ในเงื่อนไขที่เฉพาะเจาะจง ต้องระบุอย่างชัดเจนว่า เป็นไปเพื่อกรณีดิการกระทำใด ๆ ของเจ้าหน้าที่จะต้องไม่เกิดขึ้นโดยพลการ จะต้องสามารถตรวจสอบตรวจทานได้ ต้องมีการระบุที่มาอย่างชัดเจนว่า เจ้าพนักงานที่เข้ามาดูข้อมูลเป็นใครบ้าง เมื่อกระทบแล้วสมแก่เหตุหรือไม่ เนื่องจากรัฐหวาดระแวงต่อการสื่อสารออนไลน์และอ้างความไม่ปลอดภัยในการเข้ามาล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลซึ่งเป็นสถานการณ์ร่วมสมัยที่เกิดขึ้นทั่วโลก เจ้าหน้าที่ในประเทศอื่น ๆ ก็ถูกตรวจสอบในลักษณะนี้เช่นกัน
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ