ศาลสั่งจำคุก‘ประชา’12ปี คดีฮั้วซื้อรถดับเพลิงกทม.

 

10 ก.ย. 2556 | อ่านแล้ว 1437 ครั้ง

จากกรณี เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา นายธานิศ เกศวพิทักษ์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน มีคำสั่งเลื่อนนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม.5/2554 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายโภคิน พลกุล อดีตรมว.มหาดไทย นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด (ศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว ) และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 จากกรณีการจัดซื้อรถ และเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกทม.มูลค่า 6,687,489,000 บาท

ต่อมาวันที่ 10 กันยายน เวลา 10.00 น. ศาลจะอ่านคำพิพากษาโดยไม่เลื่อนนัดอีก แม้ว่าจำเลยคนใดจะไม่เดินทางมาศาลก็ตาม ซึ่งองค์คณะผู้พิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเสียงข้างมาก จำคุกนายประชา มาลีนนท์ อดีตรมช.มหาดไทย จำเลยที่ 2 เป็นเวลา 12 ปี ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 และ 13 ซึ่งเป็นบทลงโทษหนักที่สุด และจำคุก 10 ปี พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. จำเลยที่ 4 ตาม พ.ร.บ.ฉบับเดียวกัน มาตรา 12 จากกรณีที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการผลักดันให้เร่งรัดสั่งซื้ออุปกรณ์ครุภัณฑ์บรรเทาสาธารณภัย ตามโครงการพัฒนาระบบและบริหารการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เมื่อปี 2547 ไม่ชอบ

โดยฝ่าฝืนมติ ครม.และข้อบัญญัติของการบริหารราชการ กทม. และระเบียบการจัดซื้อ ทำให้การสั่งซื้อสินค้าเอื้อประโยชน์กับ บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด จำเลยที่ 5 ในคดีนี้ ซึ่งมีการสั่งซื้่อราคาแพง และบริษัท สไตเออร์ ฯ ได้รับประโยชน์  48.77 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับราคาที่กรมบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จัดซื้ออุปกรณ์ประเภทเดียวกัน ที่ผลิตและจัดจำหน่ายภายในประเทศไทย โดยการจัดซื้อจากการผลักดันของจำเลยที่ 2 และ 4 ก็ไม่ได้เปรียบเทียบราคา กระทั่งทำให้มีการจัดซื้อสินค้าด้วยวิธีการพิเศษ และส่งผลให้จำเลยที่ 5 รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียว อันเป็นการกีดกันทางการค้าและการเสนอราคาแข่งขันอย่างเป็นธรรม

โดยพยานหลักฐานโจทก์ (ป.ป.ช.) ยังไม่เพียงพอรับฟังว่า นายโภคิน พลกุล อดีตรมว.มหาดไทย จำเลยที่ 1 นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. จำเลยที่ 6 ปฏิบัติหน้าที่มิชอบในโครงการดังกล่าว จึงพิพากษายกฟ้อง โดยศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 เพื่อติดตามตัวมาบังคับคดีรับโทษ และให้ออกหมายจับจำเลยที่ 4 ที่วันนี้ไม่ได้มาศาลฟังคำพิพากษา โดยให้ติดตามตัวมารับฟังคำพิพากษา ในวันที่ 16 ตุลาคม เวลา 09.30 น. พร้อมปรับนายประกัน 2,000,000 บาท

 

ขอบคุณภาพประกอบจากไทยรัฐ

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: