วิธีปฏิบัติ‘นายกฯ-ครม.’หลังยุบสภา

ทีมข่าวศูนย์ข่าว TCIJ 10 ธ.ค. 2556 | อ่านแล้ว 2560 ครั้ง


เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ศูนย์ข่าว TCIJ รายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี โดย นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เสนอ บันทึกข้อความ ด่วนที่สุด ที่ นร 0503/3565/พ ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2556 เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร ให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม โดยเอกสารดังกล่าวระบุถึงขั้นตอน วิธีการ และข้อปฏิบัติต่างๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ต้องปฏิบัติหรือห้ามปฏิบัติระหว่างที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนก.พ.2557 จำนวน 10 หน้า ระบุว่า

1.ข้อเสนอ

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ข้อเสนอคณะรัฐมนตรี

1.1 รับทราบพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2556 ซึ่งได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 130 ตอนที่ 115 ก วันที่ 9ธันวาคม 2556

1.2 เห็นชอบแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรและมอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป

2.เรื่องเดิม

2.1 คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (3 พฤษภาคม 2554) รับทราบสรุปผลและแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอและแจ้งให้หน่วยงานต่าง ๆ ทราบและถือปฏิบัติต่อไป

2.2 คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (10 พฤษภาคม 2554) เห็นชอบแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาและเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ

3.ข้อเท็จจริง

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีขอเสนอว่า

3.1 แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการุบสภาผู้แทนราษฎร และแจ้งให้หน่วยงานต่างๆ ทราบและถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้

3.1.1 ด้านนิติบัญญัติ

3.1.1.1 สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงทันที นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรมีผลใช้บังคับและต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน

3.1.1.2 เงินเดือนประจำตำแหน่งและเงินเดือนเพิ่มของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะคำนวณถึงก่อนวันยุบสภาผู้แทนราษฎร 1 วัน

3.1.1.3 จะมีการเลือกตั้งทั้งไปภายใน 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันยุบสภาผู้แทนราษฎร (มาตรา 308 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) และพระราชกฤษฎีกาได้กำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557

3.1.1.4 กระทู้ถามและญัตติทั้งหมดตกไป

3.1.1.5 กรรมาธิการสามัญและกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรพ้นตำแหน่ง

3.1.1.6 ร่างพระราชบัญญัติที่ทั้ง 2 สภาเห็นชอบแล้วและส่งให้รัฐบาลทูลเกล้าฯ ถวาย ไม่ตกไป ดำเนินการต่อได้

3.1.1.7 ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหรือบรรดาร่างพระราชบัญญัติที่พระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบด้วยหรือเมื่อพ้น 90 วันแล้วมิได้พระราชทานคืนมาตกไป

3.1.1.8 ร่างพระราชบัญญัติที่ค้างอยู่ในวาระที่ 1 วาระที่ 2 และวาระที่ 3 ไม่ว่าในชั้นสภาใด ให้ชะลอไว้ก่อน เมื่อตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้วและคณะรัฐมนตรีร้องขอต่อรัฐสภาภายใน 60 วันนับแต่วันเปิดสภา ให้ยกขึ้นพิจารณาต่อได้

3.1.1.9 วุฒิสภายังไม่สิ้นสุด แต่จะประชุมไม่ได้ เว้นแต่ประชุมเพื่อเห็นชอบการแต่งตั้ง – ถอดถอนบุคคลบางตำแหน่ง (มาตรา 132 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย)(รับเงินเดือนได้)

3.1.1.10 คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรมิได้ เว้นแต่จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อื่นของคณะกรรมาธิการนั้นๆ หรือตามที่วุฒิสภามอบหมาย และเชิญผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ไปชี้แจงข้อมูลได้ (ข้อ 98 ของข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ.2551)

3.1.2 คณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรี

3.1.2.1 สถานะของคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรี

(1) คณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลง แต่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป (ไม่เรียกว่า รักษาการ และได้เงินเดือนแต่แต่ยังไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน) (มาตรา 181 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย)

(2) คณะรัฐมนตรียังคงมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศเท่าที่จำเป็นทุกประการ กรณีมีสถานการณ์คุกคามความมั่นคงของชาติ ย่อมมีอำนาจหน้าที่ที่จะประกาศมาตรการเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ เช่น ประกาศภาวะฉุกเฉินหรือประกาศกฎอัยการศึก เป็นต้น

(3) การลงชื่อตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรียังคงลงชื่อในตำแหน่งเดิม มิใช่เป็นการรักษาการหรือรักษาการในตำแหน่ง

(4) นายกรัฐมนตรีจะปรับรัฐมนตรีออก หรือรัฐมนตรี จะลาออกก็กระทำได้ แต่ไม่ควรแต่งตั้งแทน

3.1.2.2 การปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรี

(1) การประชุมคณะรัฐมนตรี

(1.1) คณะรัฐมนตรีประชุมต่อไปได้ตามปกติ จนกว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะพิจารณาจัดเฉพาะรัเบียบวาระที่เป็นไปตามปกติปฏิบัติ

(1.2) สำหรับเรื่องใดที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีและมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการหรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันธ์ต่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะกลั่นกรองไว้ชั้นหนึ่งก่อน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีเพื่อมีมติหรือมีคำสั่งให้เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป

(2) การแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่ง (มาตรา 181 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย)

(2.1) ไม่กระทำการอันเป็นการใช้อำนาจแต่งตั้งหรือโยหย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ หรือพนักงานของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติงานแทน เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน

(2.2) การใช้อำนาจของคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในการแต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ หรือพนักงานของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติงานแทนจะต้องกระทำเท่าที่จำเป็นและต้องเป็นไปเพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐ รักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน

การใช้อำนาจตาม (2.2) ให้หมายความรวมถึงกรณีที่มีกฎหมาย หรือกฎกำหนดเป็นเงื่อนไขให้การแต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ หรือพนักงานของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติงานแทนนั้น มีผลต่อเมื่อคณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีได้รับทราบ อนุญาต อนุมัติ เห็นชอบ หรือการดำเนินการอื่นที่มีผลลักษณะเดียวกัน และให้หมายความรวมถึงกรณีการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการหรือกรรมการในคณะกรรมการตามที่กฎหมายกำหนดที่มีผลลักษณะเดียวกันด้วย

(2.3) เมื่อมีกรณีที่ต้องขอรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตาม (2.2) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้

(ก) จัดทำบัญชีรายชื่อบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้ง โยกย้าย การให้พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน

(ข) ประวัติย่อของบุคคลดังกล่าว

(ค) จัดทำสรุปสาระสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงกระบวนการ เหตุผลในการพิจารณา รวมทั้งเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องใช้อำนาจในระหว่างเวลาดังกล่าว

ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้การแต่งตั้ง โยกย้าย การให้พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทนเป็นอำนาจของรัฐมนตรีโดยเฉพาะ ให้หน่วยงานต้นสังกัดเป็นผู้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแต่ถ้ากฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการ

(2.4) ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หน่วยงานต้นสังกัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความร่วมมือในการส่งผู้แทนไปชี้แจง หรือส่งข้อมูลเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อนประกอบการพิจารณา ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งร้องขอ

(3) การอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (มาตรา 181 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย)

(3.1) ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน

(3.2) การกระทำอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จะต้องกระทำเท่าที่จำเป็น ต้องเป็นไปเพื่อรักษาต้องเป็นไปเพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐ รักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศหรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ หรือเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ราชการหรือเป็นการบรรเทาภัยพิบัติแก่ประชาชน และจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน

การดำเนินการตาม (3.2) จะกระทำได้แต่เฉพาะที่เกี่ยวกับการ   

ปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอื่น ที่มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรร หรือที่ได้รับจากการจัดสรรไปแล้วแต่ไม่เพียงพอและมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องของบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรอง จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

(3.3) เมื่อมีกรณีที่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตาม (3.2) ให้สำนักงบประมาณรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เหตุผลและความจำเป็นในการขอใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ที่มีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณรายจ่ายดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง

(3.4) ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ หน่วยงานต้นสังกัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความร่วมมือนการส่งผู้แทนไปชี้แจง หรือส่งข้อมูลเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งร้องขอ

(4) การอนุมัติงานหรือโครงการ (มาตรา 181 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย)

(4.1) ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป

(4.2) การกระทำใดๆ ที่มีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะกระทำมิได้ เช่น การกำหนดนโยบายหรือแนวทางปฏิบัติที่มีผลต้องดำเนินการต่อเนื่อง

(5) การใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐ (มาตรา 181 (4) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย)

(5.1) ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคคลของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด ดังนั้น ถ้าเป็นการดำเนินการในการปฏิบัติราชการปกติ ซึ่งไม่มีผลต่อการเลือกตั้งก็ยังคงทำได้

(5.1) ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งละสร้างโอกาสให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในการเลือกตั้งด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

(ก) ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐโดยการกำหนดนโยบาย โครงการ แผนงาน โดยให้มีผลบังคับใช้ในทันที

(ข) จัดให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ นอกเหนือจากการประชุมตามปกติ และมีการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคคลากรของรัฐ

(ค) กำหนด สั่งการหรือมอบหมายให้มีการประชุมอบรม หรือสัมมนาบุคลากรของรัฐหรือเอกชน โดยใช้เงินงบประมาณของหน่วยงานของรัฐหรือเงินของกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ โดยอาจให้มีการแจกจ่ายทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เว้นแต่เป็นการประชุมตามที่กฎหมายกำหนด หรือมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐหรือประชาชน และต้องแจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบโดยเร็ว

(ง) กำหนด สั่งการหรือมอบหมายให้มีการอนุมัติ โอน หรือเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายของหน่วยงานรัฐหรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้หน่วยงานของรัฐหรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ทำการแจกจ่ายทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่ประชาชน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐหรือประชาชน และต้องแจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบโดยเร็ว

(จ) กำหนด สั่งการหรือมอบหมายให้มีการแจกจ่ายหรือจัดสรรทรัพยากรของรัฐ ให้แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด โดยไม่มีเหตุอันควร เว้นแต่เป็นกรณีต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดหรือมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐหรือประชาชน และต้องแจหงให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบโดยเร็ว

(ฉ) ใช้พัสดุหรือเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางจากหน่วยงานของรัฐ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือใช้บุคลากรของรัฐปฏิบัติงาน

(ช) ใช้ทรัพยากรของรัฐ เช่น คลื่นความถี่หรือเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม หรือใช้งบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานของรัฐ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ เพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์

(6) การปฏิบัติตามกำหมายประกอบรัฐธรรมนูญ

(6.1) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550

(ก) มาตรา 68 บัญญัติห้ามมิให้นายกรัฐมนตรี และข้าราชการการเมืองอื่นใช้สถานะหรือตำแหน่งหน้าที่เรี่ยไรหรือชักชวนให้มีการบริจาคให้พรรคการเมืองหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยตนเอง

(ข) มาตรา 89 บัญญัติห้ามมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันคำนวณเป็นเงินได้ แก่บุคคล คณะบุคคล หรือนิติบุคคล เว้นแต่เป็นการให้ตามปกติประเพณี ทั้งนี้ตามจำนวน หลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด

(6.2) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 53 บัญญัติห้ามมิให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือผู้ใด จัดทำ ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่บุคคลใด ชุมชน สมาคม สถาบันการศึกษาหรือสถาบันอื่นใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่นหรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด

(7) การออกกฎหมาย

(7.1) การเสนอร่างกฎหมายใหม่โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติซึ่งเป็นเรื่องในทางนโยบาย ไม่สมควรดำเนินการเสนอในระหว่างยุบสภา ส่วนร่างพระราชกฤษฎีกา ร่างกฎกระทรวง ร่างระเบียบ และร่างอนุบัญญัติอื่น ซึ่งเปนการกำหนดรายละเอียดการปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กฎหมายแม่บทให้อำนาจไว้ ย่อมดำเนินการได้ตามปกติ

(7.2) ร่างกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีเคยมีมติอนุมัติหลักการและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ถ้าเป็นร่างพระราชบัญญัติจะดำเนินการต่อไปไม่ได้ เพราะยังไม่มีสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องรอให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เป็นผู้พิจารณาเสนอต่อสถาผู้แทนราษฎร

 ถ้าเป็นร่างพระราชกฤษฎีกา ร่างกฎกระทรวง ร่างระเบียบ หรือร่างอนุบัญญัติอื่นซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่จะดำเนินการเพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไปนั้น เนื่องจากเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติหลักการไว้ก่อนที่จะมีการยุบสภา ดังนั้น เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว ก็สามารถดำเนินการเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไปได้

(8) การแต่งตั้งคณะกรรมการ

การแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมาย ซึ่งอาจมีตำแหน่งว่างลงในระหว่างการยุบสภาจะกระทำมิได้ เนื่องจากการแต่งตั้งบุคคลใดเป็นกรรมการ ย่อมมีผลเป็นการผูกพันต่อเนื่องไปถึงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่

3.3.3 สถานะข้าราชการการเมืองอื่น

คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยมีคำวินิจฉัยเมื่อเดือนธันวาคม 2533 ไว้ว่า ข้าราชการการเมืองอื่นๆ เช่น เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฯลฯ ยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป และพ้นจากตำแหน่งพร้อมกับการสิ้นสุดการอยู่ในตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้แต่งตั้ง แต่ต้องไม่เกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้ารับหน้าที่

3.2 ให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถือปฏิบัติดังนี้

3.2.1 กำชับข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ในสังกัดทุกประเภท ทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2539 [เรื่อง การปรับปรุง แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้ง (แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0216/ว 141 ลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2539)] โดยเคร่งครัด โดยเฉพาะการให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือและสนับสนุน การดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อได้รับการร้องขอจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดหรือคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง รวมทั้งการวางตัวเป็นกลางของข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภทและทุกระดับดังกล่าวด้วย

3.2.2 เห็นชอบในหลักการให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถนำงบประมาณมาสนับสนุนการเลือกตั้งได้ โดย

3.2.2.1 กรณีเป็นการดำเนินการใดๆ ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของสวนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้แต่ละหน่วยงานพิจารณาดำเนินการไปได้ตามความเหมาะสม

3.2.2.2 กรณีเป็นการดำเนินการใดๆ ที่ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้แต่ละหน่วยงานเสนอขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ก่อนดำเนินการต่อไป

3.2.3 เห็นชอบให้กระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างของหน่วยงานต่างๆดังกล่าว ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2550 [เรื่อง สรุปผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0506/ ว 347 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2550)]

4.ความเห็น

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว เห็นควรนำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรี

4.1 รับทราบพระราชบัญญัติยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2546 และ

4.2 เห็นชอบแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรและมอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา หากเห็นชอบ ขอได้โปรดอนุมัติตามข้อ 4 หรือจะเห็นควรประกาศใดขอได้โปรดสั่งการ

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: