เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 กันยายน ที่ศาลาใกล้กับตลาดเปิดท้าย อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช มีการเปิดเวทีรายงานผลการศึกษาการจัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด โดย ดร.อนุชาติ ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสิ่งแวดล้อม โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน นายเดชา ศุภศิริ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ และคณะ น.ส.เยาวภา ชูวงษ์ และคณะ จากบริษัททีมคอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ เมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่เวทีล่มหลังจากเปิดเวทีได้ประมาณ 2 ชั่วโมง เนื่องจากชาวหัวไทรไม่ยอมรับ และเรียกร้องให้การไฟฟ้าและบริษัททีมลงนามยกเลิกโครงการ
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหัวไทร ถูกกำหนดพื้นที่เหมาะสมในการก่อสร้างโครงการ 2 พื้นที่ คือ
พื้นที่หมู่ 6 ต.เกาะเพชร อ.หัวไทร จำนวน 2,300 ไร่ พื้นที่ระหว่างหมู่ 6 ต.หน้าสตน และหมู่ 7 ต.เขาพังไกร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการรับฟังกลุ่มย่อย ปรากฏว่า มีกลุ่มประชาชนกว่า 500 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่รณรงค์การใช้พลังงานทางเลือกและปฏิเสธการใช้พลังงานถ่านหิน พร้อมด้วยแผ่นป้ายแสดงการต่อต้านโรงไฟฟ้าชนิดนี้จำนวนมาก ร่วมกันแสดงออกคัดค้านในเวทีการรับฟังความคิดเห็น รวมทั้งมีการซักถามนักวิชาการจากบริษัทที่ปรึกษาอย่างหนัก แต่ไม่มีคำตอบจากนักวิชาการและการไฟฟ้า เวทีดังกล่าวจึงไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ผู้มาร่วมเวทีจึงเสนอให้ทำสัญญาร่วมกันว่า จะยกเลิกโครงการและลงนามร่วมกัน โดยมี นายอนุชาติ น.ส.เยาวภา ชูวงษ์ และนายสมิง พัฒนานนท์ ผู้ใหญ่ย้านหมู่ 2 ต.หน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ร่วมลงชื่อ
สำหรับรายละเอียดของหนังสือยินยอม ยกเลิกกระบวนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และการวิเคราะห์ผลกบด้านสุขภาพ (IEE/EHIA) การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า ข้าพเจ้าซึ่งประกอบด้วยคณะบุคคลสำคัญ ที่มีส่วนในการจัดการ IEE/EHIA
เพื่อการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินพื้นที่อ.หัวไทร ซึ่งดำเนินการภายใต้กฏหมายว่าด้วยพ รบ.สิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยโครงการที่อาจจะก่อให้เกิดความรุนแรงต่อชุมชน ข้าพเจ้าซึ่งเป็นคณะบุคคลที่มีหน้าที่จัดทำรายงาน IEE/EHIA ซึ่งมีบทบาทในฐานะบริษัทที่ปรึกษา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้ว่าจ้าง และหน่วยงานรัฐในฐานะเจ้าพนักงานในท้องที่ ได้ตระหนักถึงการให้อำนาจแก่ชุมชนท้องถิ่น ตามกฎหมายสูงสุดแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้ชุมชนมีสิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง ในการรักษาทรัพยากร วิถีวัฒนธรรมและทิศทางการพัฒนา
ข้าพเข้าซึ่งเป็นคณะบุคคลที่มีส่วนในการจัดทำกระบวนการเพื่อให้เกิดขึ้นมาซึ่งโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้ตระหนักว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าว ไม่สอดคล้องกับการกำหนดอนาคตของชุมชนและยอมรับสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญ จึงขอถอนและยกเลิกขบวนการ IEE/EHIA และขบวนการอื่นใด รวมทั้งการดำเนินการทั้งหมด ที่จะนำไปสู่การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในอ.หัวไทร ทั้งนี้ผู้แทน กฟผ.และตัวแทนบริษัททีมฯ จะนำข้อเสนอข้างต้นไปเสนอต่อผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งปรเทศไทย (กฟผ.) และกระทรวงพลังงาน เพื่อพิจารณายกเลิกทุกขบวนการ ซึ่งภายหลังมีการลงนามร่วมกันแล้วเวทีจึงปิดลง ต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
นายครองศักดิ์ แก้วสกุล ประธานเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดลุ่มน้ำปากพนัง กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมา กฟผ.โกหกมาตลอด ไม่เคยพูดความจริงกับชาวบ้าน มีแต่แจกสิ่งของ พูดกลับไปกลับมาเมื่อชาวบ้านรุกคัดค้านอย่างหนัก กฟผ.ก็ออกมาพูดว่าไม่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในอ.หัวไทร แต่เมื่อชาวบ้านเบาๆ กฟผ.ก็บุกอีกเป็นแบบนี้มาโดยตลอด ในส่วนชาวบ้านได้ยืนยันมาตลอดว่า ไม่ให้สร้าง ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะมีอันตรายต่อคนและระบบนิเวศ แต่พวกนี้ไม่ยอมรับฟัง
“นอกจากไม่ยอมรับฟังเสียงคนในพื้นที่แล้วยัง มีความพยายามที่จะบิดเบือนว่า พลังงานถ่านหินเป็นพลังงานสะอาด ในฐานะที่ผมเป็นครูมาก่อน และยังเป็นผู้บริหารสถานศึกษา เรียนวิทยาศาสตร์มาก็มาก แต่ไม่เคยพบว่ามีตำราเล่มไหนบอกว่าถ่านหินสะอาดเลย มันตอแหลแหกตาตลอด เมื่อเป็นเช่นนี้จะให้เชื่อได้อย่างไรว่า โครงการนี้ไม่มีผลกระทบต่อคนและสิ่งแวดล้อม แม้แต่ข้อมูลความจริงซึ่งสามารถตรวจสอบได้ ยังโกหก เมื่อเป็นเช่นนี้นี้คนหัวไทรไม่เชื่อ และขอให้กฟผ.ออกไป ไม่ให้สร้าง” นายครองศักดิ์กล่าว
ด้าน นายประเสริฐ คงสงค์ ประธานอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อมอำเภอหัวไทร กล่าวว่า การคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินในอ.หัวไทร มีมาตลอด เพราะ พวกกฟผ.โกหกตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในพื้นที่ ไม่เคยพูดความจริง มีแต่โกหกกับแจกสิ่งของ คือสิ่งที่คนหัวไทรรับรู้ หากโครงการดีจริง ไม่มีผลกระทบ ไม่ต้องโกหก ไม่ต้องตอแหล ไม่ต้องแจกของ เชื่อว่าทุกคนอยากได้ ในเมื่อทุกคนลุกขึ้นมาคัดค้านแสดงว่าไม่ดี ทุกคนจึงไม่ต้องการ กฟผ.ยังไม่สำนึก
“ขบวนการดำเนินโครงการของกฟผ.ผิดขั้นตอนมาตลอด เมื่อผิดตั้งแต่ต้น ทำอย่างไรก็ผิด เช่น กระบวนการ 7 ขั้นตอนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ที่ประกาศจะดำเนินการในพื้นที่นั้น เป็นการหลอกลวงชาวบ้านทั้งหมด มาวันนี้ก้าวเข้าสู่ขั้นการรับฟังความคิดเห็นเพื่อทำไออีอี หรือการประเมินผลกระทบเบื้องต้น และอีเอชไอเอ การรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากโครงการหรือกิจกรรมประเภทต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม ดังนั้นขั้นตอนการให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้ทำอย่างสมบูรณ์แล้วหรือยัง จากการเผาถ่านหินเป็นล้านๆ กิโลกรัมนั้น จะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต สารปรอท กำมะถัน จะทำอย่างไร ไม่เคยพูดไม่เคยให้ข้อมูลชุมชน ว่าจะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง”
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือยืนยันและแจ้งมาให้คนหัวไทรทราบว่า ไม่มีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินในพื้นที่ อ.หัวไทร เมื่อมีหนังสือยืนยันจากฟผ.เช่นนั้น แล้วยังเข้ามาเปิดเวทีอีกทำไม เมื่อยังเปิดเวทีเช่นนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เป็นการหลอกลวงชาวบ้านไร้ซึ่งความจริงใจ
ทางด้านน.ส.เยาวภา ชูวงษ์ จากบริษัททีมคอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ เมเนจเม้นท์ จำกัด ชี้แจงว่าเนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ได้พิจารณาพื้นที่ใน อ.หัวไทร เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังไฟฟ้าขนาด 800 เมกะวัตถ์ จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ การทำรายงานของบริษัทเป็นการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นเท่านั้น (IEE) และจะนำไปสู่พื้นที่ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EIA, EHIA) ในขั้นต่อไป
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ