เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยนำพวงมาลัยมามอบให้นายกรัฐมนตรี เพื่ออำลาจากตำแหน่งราชการทุกตำแหน่ง เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวกับ พล.ต.อ.พงศพัศว่า รู้สึกเสียดาย เนื่องจาก พล.ต.อ.พงศพัศ รับราชการมานาน แต่เชื่อว่า จะสามารถนำประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาทำงานให้กับคนกรุงเทพฯ ได้ ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมร่วมมือทำงานให้ กทม.อย่างใกล้ชิด ขอให้ประสบความสำเร็จ
จากนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรีว่า มาลานายกฯ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ทั้งในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงาน ปปส. จากการที่พรรคเพื่อไทยมีมติให้ตนลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงมากราบเรียนความในใจว่า ทำไมถึงตัดสินใจลาออกจากชีวิตราชการตำรวจ ถ้านับจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจถือว่าเกิน 35 ปี ที่อยู่วงการนี้มาและดูแลพี่น้องประชาชน ได้เรียนนายกฯ อย่างตรงไปตรงมา และตนไม่ใช่นักการเมือง ถ้าเทียบพรรษาก็นับจากศูนย์ แต่ก็มีความตั้งใจ และได้เห็นคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา จึงขอโอกาสจากประชาชนชาวกทม. ให้โอกาสผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยทำงานเป็นผู้ว่าฯกทม.เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทั้งปัญหาที่หมักหมมมานาน ปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อไป หรือการจะขับเคลื่อนอะไรต่าง ๆ ไปสู่ประชาคมอาเซียน โดยพรรคเพื่อไทยมีนโยบายพร้อมที่จะรับใช้คนกทม. และตลอดชีวิตการทำงานของตนก็มีประสบการณ์รู้ถึงความทุกข์ยาก เพราะได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนกทม.มาเยอะ เห็นปัญหาต่าง ๆ มากมาย ทั้งปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขหรือปัญหาต่าง ๆ เมื่อพรรคให้โอกาสก็กราบเรียนกับนายกฯว่า ยินดีรับด้วยความเต็มใจและจะขอลาออกจากราชการตำรวจหลังจากที่มีประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะกำหนดวันเลือกตั้ง เพราะระเบียบของสตช.เปิดโอกาสให้ข้าราชการตำรวจทุกคน มีโอกาสลาไปสมัครดำเนินการทางการเมือง แต่ต้องมีประกาศจากกกต.ให้ชัดเจนก่อน
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวต่อว่า ตนไม่มีนโยบายอะไรมาก แต่เคยเข้าถึงมาแล้วทุกพื้นที่ รู้ปัญหาพร้อมที่จะแก้ไขปัญหา แต่จุดสุดท้ายที่จะนำเรียนกับประชาชนชาวกทม.ในการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่ามีความตั้งใจจริง ๆ ที่อยากจะคืนความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนชาวกทม.ทุกคน เพราะลงพื้นที่มานาน โดยเฉพาะปัญหาต่าง ๆ ที่เข้าไปดูแล ทุกคนมีความทุกข์ดังนั้นอยากจะมาคืนความสุขและสร้างรอยยิ้มร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจกับการเลือกตั้งครั้งนี้แค่ไหนว่าจะชนะ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เป็นเพียงการเสนอรับใช้พี่น้องชาวกทม. และคิดเหมือนกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร์ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัครคนอื่น ๆ เพียงแต่เราเสนอตัวให้นโยบายบอกกล่าวกับประชาชนชาวกทม.ว่าเราจะทำอะไร ซึ่งตรงนี้เป็นสิทธิและดุลยพินิจในสังคมระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิเลือกผู้สมัครคนใดคนหนึ่งอยู่แล้ว และแนวทางหาเสียงของตนเองก็เหมือนกับผู้สมัครคนอื่น ๆ คิดบวกทำบวก จะไม่ว่าร้ายใครอยากให้ทุกคนมีความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนชาวกทม.จริง ๆ
เมื่อถามว่า คู่แข่งอย่างม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ น่ากลัวหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ที่ต้องแข่งขันกันต่อไป ไม่ว่าจะในนามพรรคหรืออิสระ ตนมองว่าเป็นเรื่องของการนำเสนอนโยบาย สร้างความมั่นใจให้กับผู้มีสิทธิลงคะแนนว่า เลือกคนใดคนหนึ่งแล้วจะสามารถทำงานเพื่อคนกทม.ได้อย่างไร ถือเป็นอิสระของประชาชนที่จะไปลงคะแนน ผู้สมัครเพียงนำเสนอนโยบายและแสดงความจริงใจ คิดว่าเรื่องการให้ร้ายกันคงไม่มี นายกฯได้บอกว่าเราจะต้องคิดบวกทำบวกและหาเสียงเชิงบวกซึ่งตนจะปฏิบัติตาม และจะต้องทำให้ทุกคนมีความสุขจริงๆ ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ทุกอย่างต้องตรงไปตรงมา จะไม่มีการโฆษณาเกินจริง ทุกอย่างต้องโปร่งใส
เมื่อถามว่า วิสัยทัศน์ที่จะแสดงในวันที่ 15 มกราคม จะเน้นเรื่องอะไร พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า นโยบายหลักคิดว่าจะวางยุทธศาสตร์ที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ อันนี้เป็นหัวใจในการหาเสียง จะชี้ให้เห็นว่าการเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่ทำงานร่วมกับรัฐบาล จะมีสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรกับกทม. และทุกสิ่งทุกอย่างจะตกถึงประชาชนอย่างไร รวมถึงจะสร้างอนาคตกันแบบไหน โดยเน้นการทำงานกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ประสบการณ์ที่ผ่านมาคิดว่าคนกทม.ทราบดี ดังนั้นทุกนโยบายที่จะออกมาจะเป็นการทำงานกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ จะเข้ามาดูแลเรื่องนโยบาย พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการเมืองในพื้นที่กทม. ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยเหลือและแนะนำจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และตนพร้อมจะนำไปปฏิบัติ รวมถึงข้อแนะนำของประชาชนโดยทั่วไปด้วย ส่วนวันนี้ไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกับคุณหญิงสุดารัตน์ เพราะรู้จักกันมานาน คิดว่าในทางการเมืองตนเริ่มจากศูนย์ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ มีความตั้งใจถ้าคุณหญิงสุดารัตน์มีความตั้งใจจะดูแลประชาชนชาวกทม.คงจะให้ความร่วมมือย่างเต็มที่ เพราะจุดหมายปลายทางของเราคือความสุขของประชาชนกทม.ที่จะมาสร้างความสุขให้ประชาชน
เมื่อถามว่า นายกฯจะมาช่วยหาเสียงด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า นายกฯต้องมาอยู่แล้ว และนายกฯบอกว่าจะหาเวลาลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครให้มากที่สุด เพราะนายกฯ เคยขอความกรุณาให้คนกทม.ให้โอกาส ดังนั้นนายกฯจะเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการหาเสียงที่จะนำเสนอยุทธศาสตร์ต่างๆกับคนกทม. เบื้องต้นนายกฯจะลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงในครั้งแรกในวันที่ 16 มกราคมนี้
ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์เดลินิวส์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ