สิ่งที่ใครๆ บอกว่า ‘เสี่ยง’ นั้น คนขับรถบรรทุกมีวิธีคิดอย่างไร คนขับรถบรรทุกก้าวเข้ามาเป็นผู้ควบคุมรถขนาดใหญ่ ควบคุมสินค้าที่มีมมูลค่ามากมาย และเดินเข้าสู่เส้นทางสายาชีพที่มีผลต่อความเป็น-ความตายของผู้อื่นๆ บนถนนได้อย่างไร
รวมไปถึงบริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่หล่อหลอมวิธีคิด วิถีการดำเนินชีวิต การขับขี่รถบรรทุก คือโจทย์สำคัญที่ ดร.ประคอง ชื่นวัฒนา และ ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข เขียนหนังสือที่มีชื่อว่า คนขับรถบรรทุก: อุบัติเหตุจราจรในบริบทสังคมและวัฒนธรรม หรือ TRUCK DRIVER: Road Traffic Accidence in Thai Socio-cultural Context โดยผู้เขียนทำการศึกษารวบรวมวัตถุดิบในการเขียนจากการสัมภาษณ์เชิงลึกของกลุ่มคนขับรถบรรทุก การสังเกต การเข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะของ ‘เด็กติดรถ’ สนทนากับกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนขับรถบรรทุก ประกอบกับศึกษาค้นคว้าเอกสาร ตำรา และงานวิจัยต่างๆ
ซึ่งในส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงปัจจัยที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันจนเกิดเป็นอุบัติเหตุจากรถบรรทุก ทั้งจากระบบการประกันภัยรถบรรทุก ระบบการบริหารจัดการของเถ้าแก่เจ้าของกิจการรถบรรทุก หรือแม้กระทั่งตัวรถบรรทุกซึ่งมีความได้เปรียบทางกายภาพเหนือรถประเภทอื่นๆ บนท้องถนน เปรียบเสมือนเกราะป้องกันผลกระทบจากอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับคนขับรถบรรทุก ไม่ว่าจะเป็นความรับผิดชอบในเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณีหรือของฝ่ายตนเอง ความยุ่งยากในเรื่องคดีความ แม้แต่อันตรายที่ตัวคนขับรถบรรทุกอาจได้รับเหล่านี้ล้วนไม่สามารถเข้าถึงตัวคนขับรถบรรทุกได้โดยง่าย
แต่ดูเหมือนว่าวิธีการปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจและรูปร่างของรถบรรทุกได้ปกป้องคนขับรถบรรทุกจากผลกระทบจากอุบัติเหตุต่างๆ จนทำให้คนขับรถบรรทุกส่วนหนึ่งมิได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องราวของอุบัติเหตุจราจรมากเท่ากับการขับรถให้ได้จำนวนเที่ยวตามความต้องการของเจ้าของรถ หรือเพื่อให้พวกเขาได้เงินค่าเที่ยวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุถูกทำให้กลายเป็นเรื่องที่ไม่ส่งผลกระทบต่อคนขับรถบรรทุก ถึงแม้ว่าจะเป็นฝ่ายผิดโดยขับรถไปเฉี่ยวหรือชนรถคันอื่น หากรถบรรทุกคันนั้นทำประกันภัยแล้วบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้เข้ามารับภาระเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการประกัน ถ้าเป็นการทำประกันภัยประเภทที่ 1 บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดทั้งฝ่ายรถบรรทุกเองและฝ่ายคู่กรณี แต่ถ้าเป็นการทำประกันภัยประเภทที่ 3 บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่ายการซ่อมแซมรถเฉพาะรถของคู่กรณี โดยที่ตัวแทนจากบรัทประกันภัยจะเป็นตัวแทนของคนขับรถบรรทุกและเถ้าแก่เข้าของรถบรรทุกในการดำเนินการเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุทั้งหมด
1.บริษัทประกันภัยรถยนต์: ระบบที่เพิ่มความกล้าที่จะเสี่ยง
เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป้นการเจรจาต่อรองกับตำรวจและคู่กรณี การชดใช้ค่าเสียหายแก่คู่กรณีหากเป็นฝ่ายกระทำผิด รวมถึงภาระการซ่อมแซมรถซึ่งเป็นทรัพย์สินของเถ้าแก่เจ้าของรถทั้งหมดนั้น ตกเป็นภาระของบริษัทประกันภัย สำหรับคนที่ขับรถบรรทุกแล้วพวกเขารู้สึกว่า ‘มีประกันเราจะกลัวทำไม’ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ หรือรุนแรงเพียงใดคนขับรถบรรทุกมักจะรับรู้ว่าพวกเขาไม่มีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบกับภาระและความสูญเสียที่เกิดขึ้น เว้นไว้แต่กรณีการเกิดอุบัติเหตุที่มีคนตายซึ่งคนขับรถบรรทุก
“...ต้องหนีก่อน อยู่...ตำรวจมันจับเอา”
มิใช่มีบทบาทเพียงการดำเนินเรื่องเพื่อจ่ายสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขสัญญาเท่านั้น แต่ตัวแทนจากบริษัทประกันภัยยังมีบทบาทในการช่วยกีดกันคนขับรถบรรทุกให้พ้นออกไปจากสถานการณ์ที่ยุ่งยากที่เกิดขึ้นอีกด้วย โดยพวกเขาจะทำหน้าที่แทนคนขับรถบรรทุกในการเจรจาและต่อรองกับคู่กรณีซึ่งเป็นที่รู้กันในหมู่คนขับรถบรรทุกว่าหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้วพวกเขามีหน้าที่เพียงติดต่อกับตัวแทนบริษัทประกันภัย
โดยที่คนขับรถบรรทุกมีหน้าที่เพียงการเล่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้กับตัวแทนจากบริษัทประกันภัย และปฏิบัติตามคำแนะนำของคนเหล่านี้เท่านั้น
แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีความชัดเจนว่าคนขับรถบรรทุกเป็นฝ่ายผิด แต่พวกเขาก็รับรู้ว่าพวกเขายังไม่ควรยอมรับความผิดเหล่านั้นจนกว่าตัวแทนจากบริษัทประกันจะมาช่วยจัดการ
ในยุคสมัยที่ธุรกิจประกันภัยเฟื่องฟู ดูเหมือนคำพูดเก่าๆ ที่เหล่าคนขับรถบรรทุกพูดถึงอาชีพของตนเองซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุว่า ‘เหมือนเอาขาข้างหนึ่งเข้าไปอยู่ในตะราง’ ที่เคยได้ยินมาบ่อยๆ ในอดีตนั้นได้ค่อยๆ ลบเลือนไปจากความคิดของพวกเขา หรือหากมีหลงเหลืออยู่บ้างก็อาจเป็นในความหมายที่ออกจะไม่จริงจังนัก ความผิดพลาดที่คนขับรถบรรทุกเคยต้องรับภาระด้วยตนเองทั้งหมดในอดีตกลายมาเป็นภาระหน้าที่ของตัวแทนจากบริษัทประกันภัย
2.เจ้าของกิจการรถบรรทุก: กำไรสำคัญกว่าความปลอดภัย?
นอกจากการประกันภัยรถแล้ว เถ้าแก่เจ้าของรถบรรทุกยังเป็นบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมการขับรถของคนขับรถบรรทุกในอาณัติทั้งทางตรงและทางอ้อม การกระทำเพื่อปกป้องและเอื้อผลประโยชน์ทางธุรกิจของเถ้าแก่บางอย่างมีผลทำให้เหล่าคนขับรถบรรทุกพลอยได้รับการคุ้มครองไปด้วย สำหรับคนขับรถบรรทุกบางคนแล้ว พวกเขาไม่เคยเกรงที่จะฝ่าฝืนกฎจราจรบางอย่าง หรือแม้แต่ผลลัพธ์ร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุจราจรเมื่อมีเถ้าแก่อยู่เบื้องหลัง
2.1 ส่วย ค่าปรับ กับผลประโยชน์ทางธุรกิจ
เป็นที่รับรู้กันในหมู่ของคนขับรถบรรทุกถึงเรื่องการจ่ายเงินของเถ้าแก่เจ้าของรถเพื่อให้รถวิ่งได้โดยสะดวก ไม่ถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมกฎเกณฑ์บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนักสินค้าเกินที่บรรทุกเกินพิกัด สถาพรถไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ หรือวัตถุตกหล่นจากรถดิน ทราย หรือน้ำหยด ‘ส่วย’ ที่เถ้าแก่จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐช่วยให้เหล่าคนขับรถบรรทุกได้รับการยกเว้นความผิดบางอย่าง
ในบางสถานการณ์ที่ ‘ส่วยรายเดือน’ ไม่สามารถเปิดทางสะดวกให้กับรถและคนขับรถบรรทุกได้อย่างเด็ดขาด เถ้าแก่ก็จะให้คนขับรถบรรทุกในบริษัทเป็นตัวกลางประสานผลประโยชน์นอกระบบระหว่างเขากับเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยให้คนขับรถบรรทุกจ่ายเงินค่าผ่านด่านให้กับเจ้าหน้าที่ที่ตั้งด่านขึ้นมาเพื่อเก็บส่วยรถบรรทุกไปก่อนที่จะกลับมาเบิกกับเขาในภายหลัง
นอกจากคนขับรถบรรทุกจะอยู่เหนือกฎเกณฑ์ในบางกรณีแล้ว ‘ส่วย’ ยังสามารถช่วยให้เถ้าแก่ได้รับข่าวสารความเคลื่อนไหวการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐบางหน่วย ทำให้พวกเขาปกปิดความผิดที่กระทำอยู่เป็นประจำได้สำเร็จ
นอกจากการจ่าย ‘ส่วย’ แล้วการเสีย ‘ค่าปรับ’ แทนคนขับรถบรรทุกเป็นวิธีการบริหารกิจการของเถ้าแก่อีกวิธีการหนึ่งที่มุ่งหวังให้ธุรกิจดำเนินไปโดยเกิดความสูญเสียน้อยที่สุด โดยเฉพาะในกรณีของรถบรรทุกท่อคอนกรีตซึ่งเป็นสินค้าที่เปราะและแตกง่าย เถ้าแก่เจ้าของรถบรรทุกซึ่งเป็นบุคคลเดียวกับเจ้าของกิจการโรงท่อคอนกรีตมักรู้เห็นเป็นใจกับการขับรถในช่องทางเดินรถด้านขวา ทั้งที่เป็นช่องทางที่รัฐไม่อนุญาตให้รถบรรทุกแล่นยกเว้นในกรณีการแซง เพราะการขับรถในช่องทางซ้ายซึ่งมักจะชำรุด พื้นผิวขรุขระและเป็นหลุมเป็นบ่อ มักทำให้ท่อคอนกรีตที่บรรทุกมาสะเทือนและแตกหัก แม้ว่าคนขับรถบรรทุกท่อคอนกรีตจะขับรถด้วยความระมัดระวังโดยการชะลอความเร็วทุกครั้งที่เจอพื้นถนนไม่เรียบเพื่อลดแรงสะเทือนของรถ แต่การแล่นรถในเลนซ้ายก็มักมีผลทำให้ท่อคอนกรีตแตกอยู่เสมอ ตรงข้ามกับการวิ่งรถทางด้านขวาซึ่งมีพื้นผิวถนนที่เรียบกว่าและทำให้ท่อคอนกรีตแตกน้อยลง
โดยอาศัยเงื่อนไขการเสียค่าปรับแทนคนขับรถบรรทุก แม้เป็นการขับรถบรรทุกเที่ยวกลับซึ่งไม่ต้องระวังความเสียหายของสินค้าแล้ว คนขับรถบรรทุกท่อคอนกรีตบางคนยังคงวิ่งรถเปล่าในช่องทางด้านขวาดดยไม่พะวงกับบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ ไม่แยแสกับค่าปรับที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนจ่าย
2.2 หายตัวในยามคับขัน
ในยามคับขันและต้องการความช่วยเหลืออย่างรีบด่วนเมื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ซึ่งคนขับรถบรรทุกไม่แน่ใจหรือค่อนข้างแน่ใจว่าตนเองจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย ดูเหมือนว่าเถ้าแก่เจ้าของกิจการรถบรรทุกเป็นบุคคลสำคัญที่พวกเขาเชื่อว่าจะสามารถพึ่งพิงได้ จากประสบการณ์ที่เคยพบ เคยได้ยินเกี่ยวกับความช่วยเหลือที่เถ้าแก่มีให้กับเพื่อนคนขับรถบรรทุกยามเมื่อเกิดเหตุวิกฤตในอดีตทำให้คนขับรถบรรทุกต่างเชื่อว่าหากวันใดที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือเช่นนั้นบ้าง เถ้าแก่เจ้าของรถบรรทุกก็คือบุคคลที่จะสามารถช่วยเหลือให้พวกเขารอดพ้นจากเงื้อมมือของกฎหมายเช่นเดียวกัน โดยการประสานงานกันอย่างเป็นระบบของบุคคลหลายๆ ฝ่ายภายใต้การจัดการของเถ้าแก่สามารถทำให้คนขับรถบรรทุกที่ตกเป็นผู้ต้องหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิตสามารถหนีหายไปได้โดยไร้ร่องรอย
ทันทีที่รถชนและประเมินว่ามีคนตาย คนขับรถบรรทุกจะรีบหนีโดยไม่ลืมเก็บสิ่งที่จะเป็นหลักฐานระบุถึงตัวผู้ขับขี่อย่างใบขับบี่ลงจากรถไปด้วย หากวางไว้ที่คอนโซลหรือช่องเก็บของหน้ารถ ท่ามกลางความชุลมุนของผู้ประสบเหตุที่กำลังตื่นเต้นตกใจและมุ่งความสนใจไปที่ผู้ประสบเคราะห์กรรม โดยไม่มีใครทันสังเกตคนขับรถบรรทุกจะแกล้งทำเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ค่อยๆ เดินหลบออกไปให้ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุแล้วโทรศัพท์บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับเถ้าแก่ ซึ่งเถ้าแก่ก็จะช่วยติดต่อหารถมารับคนขับรถบรรทุกกลับไปเก็บตัวเงียบๆ อยู่ที่บ้าน
เมื่อคนขับรถหนีไป การสืบหาคนขับรถบรรทุกของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็มักจะเริ่มที่เจ้าของรถบรรทุก ซึ่งเถ้าแก่ก็มักจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับคนขับรถโดยคำนึงถึงความยุ่งยากทางด้านคดีความที่จะตามมาภายหลัง หากคู่กรณีไม่ตาย เถ้าแก่จะให้ข้อมูลที่เป็นความจริง แต่ถ้าคู่กรณีตาย เถ้าแก่จะทำทีเป็นไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับคนขับรถที่ตนเองเป็นผู้ว่าจ้าง
เถ้าแก่อยู่ในฐานะลูกค้ารายใหญ่จะให้ตัวแทนของบริษัทประกันภัยช่วยปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับคนขับรถบรรทุกทั้งหมดไว้ ซึ่งความต้องการของเถ้าแก่เป็นเหมือนประกาศิตสำหรับตัวแทนของบริษัทประกันภัย ลูกค้าร้องขออย่างใด พ่อค้าอย่างตัวแทนของบริษัทประกันภัยก็จะปฏิบัติเช่นนั้น ในเมื่อเถ้าแก่มีท่าทีช่วยปกป้องคนขับรถบรรทุก เครือข่ายของเถ้าแก่อย่างคนขับรถบรรทุกคนอื่นๆ ในบริษัทก็จะช่วยกันเก็บความลับเกี่ยวกับเรื่องราวของคนขับรถบรรทุกไว้อย่างมิดชิดด้วยเช่นกัน
ทางด้านคดีความ เถ้าแก่ก็จะพยายามทำให้คนขับรถมีความผิดน้อยที่สุด โดยในส่วนของผู้ตายนั้นเถ้าแก่จะพยายามชดชเยความเสียหายให้กับญาติผู้ตายจนเป็นที่พอใจและไม่ติดใจเอาความกับคนขับรถบรรทุก ส่วนรูปคดีนั้นเถ้าแก่จะติดต่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ทำคดีให้ช่วยทำสำนวนคดีให้อ่อนลง
2.3 ความเหนือกว่าทางกายภาพของยานพาหนะ
โครงสร้างที่สูงกว่า และใหญ่กว่าของรถบรรทุกเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ดูเหมือนจะช่วยปกป้องคนขับรถบรรทุกรวมทั้งวัสดุที่แข้งแรงกว่ารถประเภทอื่นๆ ที่เหล่าคนขับรถบรรทุกเรียกจนติดปากว่า ‘รถเล็ก’ ช่วยให้คนขับรถบรรทุกไม่ได้รับอันตรายจากการที่รถชนกันโดยเฉพาะกับ ‘รถเล็ก’
จากประสบการณ์เกี่ยวกับอุบัติเหตุจราจรที่ผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งที่เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองโดยตรงและที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ เหล่าคนขับรถบรรทุกล้วนมีความมั่นใจในข้อได้เปรียบทางกายภาพของรถที่ตนเองเป็นผู้ควบคุมว่าจะช่วยให้เขามีความปลอดภัยแม้จะเป็นการชนแบบประสานงานกับรถเล็กก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยของคนขับรถบรรทุกจะสลายกลายเป็นความไม่มั่นใจในทันทีหากรถที่จะปะทะด้วยนั้นเป็นรถบรรทุกที่มีขนาดใหญ่เท่ากันหรือใหญ่กว่า
นอกจากรถบรรทุกจะเป็นเครื่องมือในการทำมาหากินที่สำคัญแล้ว คนขับรถบรรทุกยังมองว่ารถบรรทุกเป็นทั้งสิ่งที่อาจนำมาซึ่งอันตรายและความปลอดภัยในขณะเดียวกัน แม้สภาพรถมีความบกพร่องอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจราจร แต่เหล่าคนขับรถบรรทุกก็เชื่อว่าความสูง ความใหญ่ และความแข็งแรงของรถบรรทุกจะสามารถป้องกันอันตรายให้พวกเขาได้ โดยเฉพาะการชนกับรถที่มีขนาดเล็กกว่าอย่างรถจักรยานยนต์ รถยนต์ส่วนตัวหรือรถปิคอัพ
ไม่นับรวม ‘ข้อยกเว้นมากมาย’ ที่ทำให้โลกของอุบัติเหตุสำหรับรถบรรทุกอยู่ไกลเกินจริง และมีสถานะเป็นเพียงมายาคติเท่านั้น ระบบธุรกิจที่เพ่งมองแต่ผลกำไร ระบบประกันภัยที่ให้ความสำคัญกับเบี้ยประกันและมีสำนึกเพียงการให้ความสำคัญกับลูกค้า ความอ่อนแอของระบบการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เสมอภาค ไม่เป็นธรรม และที่มาที่ไปของคนขับรถบรรทุกล้วนแล้วแต่เป็นการดำรงอยู่ของเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันและส่งผลต่ออุบัติการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุรถบรรทุกที่ปรากฏแก่สายตาของเราตามหน้าหนังสือพิมพ์
********************************
ที่มา
หนังสือ 'คนขับรถบรรทุก: อุบัติเหตุจราจรในบริบทสังคมและวัฒนธรรม หรือ TRUCK DRIVER: Road Traffic Accidence in Thai Socio-cultural Context' โดย ดร.ประคอง ชื่นวัฒนา และ ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ