เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารว่า ขณะนี้แต่ละเหล่าทัพอยู่ระหว่างการจัดทำบัญชีรายชื่อ ซึ่งทำเสร็จแล้วประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ โดยให้อิสระเหล่าทัพในการพิจารณาคนที่มีความรู้ ความสามารถ ความเหมาะสมขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ซึ่งตนไม่อยากให้ห่วงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะไม่มีอะไรน่าห่วง ยืนยันว่า ทุกตำแหน่งไม่น่ามีปัญหา โดยเฉพาะตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ขณะนี้มีการพูดกันมาก โผโยกย้ายของแต่ละเหล่าทัพต่างคนต่างทำ หากลงตัวเมื่อใดจะนัดหารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับผบ.เหล่าทัพ เพราะแต่ละเหล่าทัพมีภารกิจมากทำให้มีเวลาว่างไม่ตรงกันจึงไม่ได้พูดคุยกันเสียที ซึ่งตนให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมประสานไปยังเหล่าทัพเพื่อนัดผบ.เหล่าทัพมาพูดคุยถึงโผโยกย้าย ตนจะพยายามทำให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้นัดพูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าจะเกิดปัญหาเหมือนการปรับย้ายในปีที่ผ่านมาหรือไม่ พล.อ.ทนงศักดิ์กล่าวว่า ขอให้มั่นใจว่า จะไม่มีปัญหาอะไร เมื่อเหล่าทัพพิจารณาลงตัวแล้วก็มาพูดคุยกัน ตกลงกันได้ คงไม่มีปัญหา
เมื่อถามต่อว่า ห่วงปัญหาเรื่องการวิ่งเต้นหรือไม่ พล.อ.ทนงศักดิ์กล่าวว่า เรื่องวิ่งเต้นมีทุกปี ทุกหน่วย ทุกสถาบัน แต่ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด เมื่อทุกเหล่าทัพพูดคุยกันเรียบร้อยจะส่งให้รมว.กลาโหม ก่อนจะเสนอทูลเกล้าฯ ต่อไปทันที
รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม พร้อมทั้ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม ได้เชิญปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ หารือนอกรอบถึงแนวทางในการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารแล้ว โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างกลับไปจัดทำบัญชีรายชื่อของแต่ละเหล่าทัพ ซึ่งขณะนี้ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ตามพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม 2551 ในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ โดยในปีนี้มีตำแหน่งที่สำคัญที่จะเกษียณอายุราชการ คือ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) โดยในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทนงศักดิ์ ได้เสนอชื่อ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก (ตท.14) รองปลัดกระทรวงโหม ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม โดยพล.อ.นิพัทธ์เป็นนายทหารที่มีบทบาทสูง ในการร่วมคณะพูดคุยเพื่อสันติภาพกับขบวนการบีอาร์เอ็น และมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับคดีปราสาทเขาพระวิหาร นอกจากนี้พล.อ.นิพัทธ์ ยังเป็นนายทหารที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไว้ใจและปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาด้านความมั่นคงมาตลอด และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังต้องการที่จะให้พล.อ.นิพัทธ์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อช่วยงานภายในกระทรวงกลาโหมด้วย
ส่วนตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ขยับ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล (ตท.13) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผู้ช่วยผบ.ทบ.) ข้ามมากินอัตราจอมพลขึ้นมาดำรงตำแหน่ง พร้อมกับ พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ (ตท.14 ) ผู้อำนวยสำนักนโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.พลวัฒน์ สิโรดม (ตท.13) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ (ผู้ช่วยผบ.ทร.) พล.อ.อ.ชนัท รัตนอุบล (ตท.14) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผู้ช่วยผบ.ทอ.) ที่จะขึ้นมาเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม โดยกระทรวงกลาโหมจะเสนอเปิดตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพิเศษกระทรวงกลาโหม (อัตราจอมพล) ให้ พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.13) มาดำรงตำแหน่งแทนพล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมที่จะเกษียณอายุราชการในกันยายนนี้ด้วย
ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทย พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ (ตท.13) เสนาธิการทหารเรือ ข้ามมาเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยขยับพล.อ.วุฒินันท์ ลีลายุทธ รองเสนาธิการทหาร (ตท.13) ขึ้นมาเป็นเสนาธิการทหาร แทน พล.อ.เผด็จการ จันทร์เสวก เสนาธิการทหาร ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ในส่วนกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้วางตัว พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร (ตท.14) เสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทบ. เพื่อจ่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อจากพล.อ.ประยุทธ์ในปี 2557 โดยพล.ท.อักษรา เกิดผล (ตท.14) รองเสนาธิการทหารบก ขยับมาเป็นเสนาธิการทหารบกแทน พร้อมกับดัน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ (ตท.12) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก เพื่อน ตท.12 ของพล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผบ.ทบ. พร้อมกับพล.ท.จีระศักดิ์ ชมประสพ (ตท.13 ) แม่ทัพภาคที่ 2 ส่วนพล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต (ตท.13) ผู้ช่วยผบ.ทบ. ที่ก่อนหน้านี้เป็นหนึ่งในแคนดิเดตขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมนั้น จะได้ขยับขึ้นมาเป็นประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก (อัตราจอมพล)
ในส่วนของกองทัพเรือ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) จะเสนอชื่อ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย (ตท.13) รองผบ.ทร.ขึ้นเป็นผบ.ทร. โดยก่อนหน้านี้พล.อ.ยุทธศักดิ์ ได้ขอให้ผบ.ทร.ส่งประวัติทั้ง 4 คนที่จะขึ้นมาเป็นผบ.ทร.มาพิจารณา เพื่อส่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้น เพื่อป้องกันข้อครหาว่า การเมืองจะผลักดัน พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง (ตท.13 ) ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ ขึ้นเป็นผบ.ทร.ตามใบสั่ง หลังจากที่มีการปล่อยคลิปฉาวในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้ง พล.ร.อ.ณรงค์ มีประวัติการการศึกษาดีเด่น เป็นผู้บังคับหน่วยหลัก และยังเคยเป็นผู้ช่วยทูตทหารที่อิตาลี
ส่วนพล.ร.อ.อมรเทพ ที่เป็นอีกหนึ่งแคนดิเดตชิงตำแหน่งผบ.ทร. และมีความสนิทสนมกับครอบครัวตระกูลชินวัตร และวงศ์สวัสดิ์ แถมยังเป็นบุคคลที่ถูกพูดถึงในคลิปฉาวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องการให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผบ.ทร.นั้น จบการศึกษาระดับนักเรียนนายเรือจากประเทศเยอรมนี ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีทหารเรือคนใดฝ่าจารีตของกองทัพเรือได้ขึ้นเป็น ผบ.ทร. ได้ แม้แต่คนเดียวจึงน่าจะทำให้พล.ร.อ.อมรเทพ ต้องอยู่ตำแหน่งเดิมต่อไป
สำหรับตำแหน่งอื่น ๆ พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ เอี่ยมสมุทร (ตท.12 ) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ จะขึ้นเป็น รองผบ.ทร. พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ (ตท.13) ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ ขึ้นเป็นผู้ช่วยผบ.ทร. พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ (ตท.15) ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ เป็นเสนาธิการทหารเรือ พล.ร.ท.พิจารณ์ ธีรเนตร (ตท.14) รองผบ.กองเรือยุทธการ ขึ้นเป็น ผบ.กองเรือยุทธการ
ขณะที่กองทัพอากาศ จะมีการขยับพล.อ.อ.อารยะ งามประมวญ (ตท.13 ) เสนาธิการทหารอากาศ ขึ้นเป็นรองผบ.ทอ. พล.อ.อ.สฤษดิ์พงษ์ โกมุททานนท์ (ตท.13) ผู้บัญชาการกรมควบคุมปฏิบัติการทางอากาศ ขึ้นเป็น ผู้ช่วยผบ.ทอ. พล.อ.ท.วรฉัตร ธารีฉัตร (ตท.15) รองเสนาธิการทหารอากาศ ขึ้นเป็น เสนาธิการทหารอากาศ โดยปีนี้จะมีนายทหารอากาศขึ้นมากินอัตราพล.อ.อ.จำนวน 9 อัตรา
ขอบคุณข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ