ทั้งผลการจากการถึงแก่อสัญกรรมของนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และลุ้นผลจากอุบัติเหตุการเมือง ที่อาจเกิดขึ้นกับ นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่รอลุ้นฟังคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ กรณี 24 สมาชิกวุฒิสภายื่นคำร้องว่า ขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง เพราะมีผลแห่งคดีหวยบนดิน ต้องคำพิพากษาจำคุก 2 ปี และให้รอลงอาญา 2 ปี ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัยในบ่ายวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556

 

 

 

 

ประจวบเหมาะกับเสียงก้องที่ดังขึ้นจากทุกทิศทาง เรื่องการทุจริตในบางกระทรวง และผลการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลมีความผิดพลาด บกพร่อง จนถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเปิดโปงผู้มีบารมีอยู่เบื้องหลัง อาจทำให้ต้องถูกปรับพ้นห้องคณะรัฐมนตรี ก่อนเวลาอันควร อีกทั้งยังเป็นการครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามการบริหารกำลังพล ในสไตล์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีทุก 5-6 เดือน

 

พร้อมกับเหตุที่มีการตกเขียวจำนวนมือส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรไว้จำนวน 7 เสียง ในนามกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย ในร่มเงาพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ใช้ต้นทุนล่วงหน้า ยกมือไว้วางใจนายกรัฐมนตรีไว้แล้ว เมื่อคราววาระอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้นหากเกิดการปรับครม. “ยิ่งลักษณ์ 4” ตามคำสัญญาข้ามฟ้า ที่ลงนามบนโต๊ะอาหารจีนที่ร้านโฮคิทเช่น ระหว่างฝ่ายนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กับฝ่ายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ต้องมีเก้าอี้ให้เป็นรางวัล 1 ตำแหน่ง

 

ในครั้งนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับการไว้วางใจด้วยคะแนน 308 ต่อ 159 เสียง งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 9 มีมติไว้วางใจ เป็นสมการเสียงที่งอกเพิ่มมาจากเสียงของรัฐบาลถึง 31 เสียง เป็น 31 เสียง ที่เทมาจากพรรคภูมิใจไทย ทั้งสายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค 24 เสียง และสายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน สมาชิกสายมัชฌิมาธิปไตย 7 เสียง

 

 

 

อีกเหตุผลที่ไม่อาจ ไม่นับรวมเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับครม.ครั้งนี้ คือปรากฏการณ์ การใช้บริการเสริมจาก คนบ้านเลขที่ 111 ที่ตกค้างอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล และยังไม่มีตำแหน่ง ซึ่งหลายคนได้เดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฤดูหิมะตกหนักกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พร้อมแสดงความจำนงร่วมทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล

 

ด้วยปัจจัยทั้ง 6 ประการ ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีดำริถึงเวลาอันควรต้องปรับคณะรัฐมนตรี อีกครั้ง ในรอบ 17 เดือน

 

เป็นการปรับหลัง “ครม.ยิ่งลักษณ์ 3” รับสนองพระบรมราชโองการได้เพียง  87 วัน ตามหนังสือที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับสนองพระบรมราชโองการ ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2555 เป็นปีที่ 67 ในรัชกาลปัจจุบัน

 

เป็นการปรับคณะรัฐมนตรี ขึ้นรอบที่ 4 หลังจากมีการประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน มาแล้ว 3 รอบ ตามประกาศชื่อคณะรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ 1 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2554 และประกาศชื่อคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 2 เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2555

 

ในรอบ 1 ปี 5 เดือน  น.ส.ยิ่งลักษณ์และครอบครัวชินวัตร เสนอเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีมาแล้วถึง  23 คน

ทีมการเมือง-ผู้จัดทำโผรัฐมนตรี กางบัญชีรายชื่อคณะรัฐมนตรี ทั้งที่ยังดำรงตำแหน่ง ถูกปรับเปลี่ยนเก้าอี้ และพ้นไปจากคณะรัฐมนตรี ใน 3 รอบที่ผ่านมา ถูกแบ่งเป็น 3 บัญชี ดังนี้

 

สมัยยิ่งลักษณ์ 1 ล้างบัญชี จ่ายหนี้บุญคุณการเมืองไปทั้งสิ้น 9 คน

 

สมัยยิ่งลักษณ์ 2 ล้างบัญชีรัฐมนตรีออกไปจากสารระบบได้อีก 12 คน

 

 

 

 

ยุคยิ่งลักษณ์ 3 จึงมีรัฐมนตรีใหม่-เก่า เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ รวม 23 คน

 

ยุคยิ่งลักษณ์ 4 ที่ต้องปรับด้วย 5 เงื่อนไข อาจมีการเปลี่ยนตำแหน่งอีกไม่น้อยกว่า 5 ตำแหน่ง ทั้งจากในพรรคเพื่อไทย-พรรคชาติไทยพัฒนา และกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย ก็อาจมีลุ้น

 

รหัส “วันว. เวลาน.” ในการปรับคณะรัฐมนตรี จึงถูกทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทั้งใน-นอกตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ต่างกางตารางการเมือง ไว้ล่วงหน้า 3 แนวทาง

 

แนวทางที่ 1 หากเลือกปรับเร็ว ปรับเล็ก เพียง 2 ตำแหน่ง คือ รองนายกรัฐมนตรี – รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา

 

แนวทางที่ 2 รอจังหวะทางการเมือง ลุ้นอุบัติเหตุทางการเมืองของนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ และหากคำวินิจฉัยด้านลบ เกิดกับนายวราเทพ อาจเกิดการปรับระดับกลาง เพิ่มเป็น  5 ตำแหน่ง คือ 1.รองนายกรัฐมนตรี 2.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 3.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา 4.รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรณีปรับนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ออก)  5.เพิ่มรัฐมนตรีโควต้ากลุ่มมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งระบบโควตา เมื่อคราวจัดตั้งรัฐบาล ทุกพรรคอยู่ภายใต้กฎ-กติกา ส.ส. 7 คน ต่อรัฐมนตรี 1 คน

 

แนวทางที่ 3 กรณีที่มีการแต่งตั้ง รองนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ให้รักษาการแทนนายชุมพล 2 ตำแหน่งไปก่อน และรอปรับใหญ่ ไม่น้อยกว่า 7 ตำแหน่ง โดยมีตำแหน่งที่สุ่มเสี่ยงจะถูก “ปรับออก” อาทิ  ชื่อ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย กรณีนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ เพื่อเปิดทางให้นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ เข้ามาดำรงตำแหน่งแทนในโควต้าของนายยงยุทธ ติยะไพรัช

 

 

 

 

 

พร้อมกันนี้ อาจมีชื่อรัฐมนตรีในสายอำนาจ “เจ๊ ด.เด็ก” ที่อาจถูกปรับออก กรณีชื่อ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ด้วยเหตุผลในปี 2556 รัฐบาลต้องการเดินหน้าผลงานด้านเศรษฐกิจให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น แต่ที่ผ่านมานายบุญทรง ยังติดปัญหาจำนำข้าว และเชื่องช้าในการตอบรับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาของธุรกิจเอกชน ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท และอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน

 

ในส่วนของรายชื่อพรรคร่วมรัฐบาล ในโผของพรรคชาติไทยพัฒนา มีการกล่าวถึงชื่อ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ที่ได้เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ แทนนายชุมพล และกลุ่มข้าราชการที่ใกล้ชิด บ้านจรัญสนิทวงศ์ อาทิ นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายสมบัติ คุรุพันธ์ ผู้ช่วยรมว.ท่องเที่ยวฯ และนายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี

 

คาดว่าหลังจากเสร็จสิ้นพิธีบำเพ็ญกุศลนายชุมพล ศิลปะอาชา แล้ว นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา คงจะส่งสัญญาณ และส่งชื่อรัฐมนตรีใหม่ ถึงมือนายกรัฐมนตรี

 

ทั้งนี้ หลังปรับครม.ยิ่งลักษณ์ 3 ก้าวขึ้น ครม.ยิ่งลักษณ์ 4 จะทำให้เสียงของฝ่ายรัฐบาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพื่อการโหวตพระราชบัญญัติที่สำคัญ จะได้มั่นคง มั่นใจมากยิ่งขึ้น จากจำนวนเสียงของเพื่อไทย (พท.) 262 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) 19 เสียง พรรคชาติพัฒนา (ชพ.) 7 เสียง พรรคพลังชล (พช.) 7 เสียง  

พรรคมหาชน (มช.) 1 เสียง และพรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) 1 เสียง กลุ่มมัชฌิมาธิปไตย 7 เสียง (และบางส่วนจากพรรคภูมิใจไทย)

 

 

 

 

ขณะที่ฝ่ายค้านนำโดยพรรคประชาธิปัตย์ มีทั้งหมด 166 เสียง แบ่งเป็น จากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 159 เสียง พรรรครักษ์สันติ 1 เสียง พรรคมาตุภูมิ 2 เสียง และพรรครักประเทศไทย 4 เสียง

 

จากนี้ไปทั้งสมาชิกพรรคเพื่อไทย-ชาติไทยพัฒนา-ชาติพัฒนา และกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย คงต้องลุ้นรายชื่อโผคณะรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ 4” อย่างใกล้ชิด แทบไม่กระพริบตา

ป้ายคำ