กรีนพีซร้องรัฐบาลปกป้อง ดูแลทรัพยากรเพื่ออนาคต

28 ก.ย. 2556 | อ่านแล้ว 1279 ครั้ง

เมื่อวันที่ 27 กันยายน กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงเจตจำนงแน่วแน่ในการปกป้องฐานทรัพยากรธรรมชาติที่เหลืออยู่เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของสังคมไทย ระบุว่า ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติเป็นรากฐานสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้เข้มแข็ง ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างความมั่นคงทางอาหารและการพึ่งพาตนเอง ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกล้วนให้ความสำคัญและใช้เป็นดัชนีชี้วัดความยั่งยืนความสุขของประชาชน และความมั่งคั่งของประเทศนั้นๆ ดังนั้นนโยบายภาครัฐในการปกป้องสิ่งแวดล้อมต้องมีความสำคัญเท่าเทียมกับนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคม หรือกล่าวได้ว่าเป็นการพัฒนาอย่างมีสมดุล

แถลงการณ์ระบุว่า ตลอดสองปีที่ผ่านมา กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใด้ติดตามการดำเนินนโยบายด้านการปกป้องสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นที่ประจักษ์ว่า รัฐบาลมิได้ให้ความสำคัญต่อนโยบายสิ่งแวดล้อมที่เขียนไว้สวยหรูอยู่บนกระดาษ ทั้งไม่ปรากฏอยู่ในนโยบายปฏิบัติเร่งด่วนที่ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาและปกป้องรักษา ไม่มีการให้ความสำคัญในการสานต่อกฏหมายหรือปรับปรุงกฏหมายสิ่งแวดล้อมที่มีความจำเป็น ซ้ำร้ายรัฐบาลกลับมีการดำเนินนโยบายที่เร่งให้เกิดการทำลายหรือเปิดทางเสี่ยงต่อการทำลายความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือโครงการบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้าน ที่ภาคประชาสังคมได้ตั้งข้อห่วงใยกังวลถึงความโปร่งใส การขาดมีส่วนร่วมและเป็นการใช้จ่ายงบประมาณที่มิใช่เป็นการแก้ไขหรือบรรเทาปัญหา กลับแต่จะสร้างปัญหาขึ้นใหม่ที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้้นมีผลกระทบรุนแรงอย่างต่อเนื่องทั้งในเชิงกายภาพ สิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตชุมชนที่ยากจะแก้ไขได้ต่อไป นอกจากนี้ยังมีโครงการที่จะเกิดขึ้นจากเงินกู้อีก 2.2 ล้านล้านบาทเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งหากไม่มีการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ก็จะเป็นการลงทุนโดยใช้เงินภาษีของประชาชนที่ห่างไกลจากความคุ้มค่าและยังมีแนวโน้มความเสี่ยงให้เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ รัฐบาลยังไม่แสดงเจตจำนงอันมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์หรือทำให้เกิดความโปร่งใสในขั้นตอนการพิจารณาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสําหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (EHIA) ซึ่งพบว่าหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน หรือของเอกชนนั้น อาทิ โครงการเขื่อนแม่วงก์ กรณีโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน โครงการท่าเรือน้ำลึก โครงการขุดเจาะและสำรวจปิโตรเลียม โครงการคมนาคมที่ตัดผ่านพื้นที่ป่า โครงการเหมืองแร่ต่างๆ เป็นต้น ล้วนแต่มีเงื่อนงำ มีข้อสงสัยถึงความโปร่งใสด้านผลประโยชน์ทับซ้อน นำเสนอไม่ครบถ้วนในกระบวนการจัดทำและขั้นตอนการพิจารณา และไม่เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดให้สาธารณชนได้รับทราบ โดยเพียงมุ่งประสงค์ที่จะทําตามแนวทางที่ตั้งเป้าไว้ แต่มิได้นําความเห็นหลากหลายภาคส่วน ที่ท้วงติงมาประกอบการพิจารณาดําเนินการแต่อย่างใด

กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะองค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานรณรงค์ปกป้องสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยเห็นว่า การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนพร้อมไปกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยลดการสูญเสียฐานทรัพยากร ธรรมชาติที่เหลืออยู่น้อยเต็มที่และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างรุนแรง

กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขอเรียกร้องรัฐบาลดังต่อไปนี้ ปฏิรูปกระบวนการจัดทำและพิจารณา EHIA ให้มีความโปร่งใส มีการรับฟังความคิดเห็นที่ครบถ้วน ให้ความสำคัญกับข้อมูลรอบด้าน โดยควรใช้ประโยชน์จาก EHIA ให้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ พิจารณาและป้องกันผลกระทบที่มีประสิทธิภาพ แทนที่นำมาเป็นเพียงตรายางอนุมัติโครงการตามประสงค์ของเจ้าของโครงการที่ตั้งเป้าไว้ ดังเช่น พฤติกรรมที่เกิดกับโครงการของภาครัฐหรือโครงการที่คนในรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทางเลือกที่ไม่เป็นการทำลายความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางอาหาร และวิถีชีวิตชุมชน

ยุติโครงการหรือนโยบายที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผืนป่าตะวันตกที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการในปัจจุบัน เช่น โครงการเขื่อนแม่วงก์ โครงการตัดถนน "คลองลาน-อุ้มผาง" และโครงการเหมืองแร่ตะกั่ว ซึ่งจะเป็นการทำลายและเปิดโอกาสไปสู่การทำลายผืนป่าเป็นบริเวณกว้างขึ้นและส่งผลกระทบลูกโซ่ โดยผืนป่าตะวันตกเป็นผืนป่าระดับโลกและหนึ่งเดียวของไทยที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแหล่งต้นน้ำและเป็นฐานทรัพยาสำคัญที่สร้างความมั่นคงให้กับประเทศ

ยุติการจัดทำและพิจารณา EHIA ที่ไม่โปร่งใสในโครงการเขื่อนแม่วงก์ โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช และในพื้นจังหวัดกระบี่ (โดยกฟผ.)   โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสนับสนุนการปฏิบัติงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย อ.ท่าศาลา (โดยบริษัทเชพรอน)  และโครงการเหมืองแร่ทองคำจังหวัดเลย (โดยบริษัททุ่งคำ) ซึ่งล้วนจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นฐานทรัพยากรในการใช้ชีวิตของชุมชนจำนวนมากและเป็นพื้นที่ผลิตอาหารที่สำคัญของประเทศป่าไม้ แหล่งน้ำและแหล่งอาหารมิได้มีไว้แค่ความสวยงามหรือจะสามารถหาใหม่ทดแทนได้ แต่เป็นฐานทรัพยากรที่สำคัญต่อปากท้องและวิถีชีวิตของคนทั้งประเทศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หวังว่ารัฐบาลจะรับพิจารณาข้อเรียกร้องและมีเจตจำนงแน่วแน่ในการปกป้องทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเพื่อประโยชน์ของคนไทยในปัจจุบันและอนาคตรุ่นลูกรุ่นหลาน

 

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: