น.ส.กรณ์อุมา พงษ์น้อย ประธานกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวถึงกรณีนายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรกูเลเตอร์ ต้องการให้ทำประชามติ เพื่อขอความเห็นจากประชาชนทั้งประเทศ ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินว่า การก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินให้มีประสิทธิภาพสูงหลักการคือ ควรสร้างใกล้ศูนย์กลางพื้นที่ที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง กรณีไฟฟ้าดับภาคใต้กฟผ.บอกชัดเจนว่า สายส่งของกฟผ.มีความอ่อนไหวสูงต่อกรณีฟ้าผ่า หากยิ่งสร้างโรงไฟฟ้าไกลพื้นที่ใช้ไฟฟ้าสูงสายส่งยาวจะยิ่งเสี่ยงสูงต่อไฟฟ้าดับ ไฟฟ้าสำรองของประเทศปัจจุบันก็กว่า 5,000 เมกะวัตต์ ภาคใต้มีความต้องการด้านการใช้ไฟฟ้าที่ไม่สามารถพึ่งตนเองได้เพียง 200 เมกะวัตต์ ส่วนต่างไม่มาก ไม่ได้เป็นภาระต่อระบบ ปีหน้าโรงไฟฟ้าจะนะผลิตไฟฟ้าเพิ่มได้อีก 800 เมกะวัตต์ จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ในการจัดการ
ถึงกระนั้นรัฐยังควรสนับสนุนให้มีโครงการการจัดการลดความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคลงได้อีก สั่งการให้กฟผ.เปิดสายส่งรับซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนให้เต็มศักยภาพ และภาคใต้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของประเทศด้านการท่องเที่ยว เกษตร ประมง จึงมีความอ่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมสูง ไม่ควรก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน
“หากจะทำประชามติ หัวข้อที่เหมาะสมสุดคือ คนทั้งประเทศเห็นด้วยหรือไม่ที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดที่กรุงเทพมหานครก่อน อย่างน้อย 4,000 เมกะวัตต์ หรือ 5 โรง และหากสามารถพิสูจน์ว่า การบริหารแบบไทย ๆ เอาอยู่ ในการคุมมลพิษก็ให้สร้างเพิ่มได้อีก และพื้นที่อื่น ๆ ก็น่าจะสบายใจขึ้น เพราะข้อเท็จจริงกรุงเทพมหานคร ใช้ไฟฟ้าสูงถึง 8,000 เมกะวัตต์ คิดเป็น 30 เปอร์เซนต์ ของการใช้ไฟฟ้าโดยรวมของประเทศ และมีความต้องการใช้เพิ่มมากขึ้นทุกปี อนาคตมีโครงการรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกมากมาย แต่มีโรงไฟฟ้าเป็นของตนเองเพียง 2 โรงคือ พระนครเหนือพระนครใต้ กำลังการผลิตรวมแค่ 2,850 เมกะวัตต์ รับก๊าซจากพม่า หากพม่าปิดซ่อมท่อก๊าซในฤดูร้อนไม่มีเหลือไฟฟ้าเลย จะหวังพึ่งไฟฟ้าจากสายส่งของกฟผ.เพียงอย่างเดียวถือว่าเสี่ยงสูงเกินไป เพราะฟ้าผ่าเป็นเรื่องธรรมชาติเราคงห้ามไม่ได้” น.ส.กรณ์อุมากล่าว
เป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า กรุงเทพฯคือแหล่งเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นหน้าตาของประเทศ เราจะปล่อยให้เสี่ยงไฟฟ้าดับอยู่อย่างนี้ได้อย่างไรกัน เหมาะสมที่จะพิจารณาให้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดก่อนเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้า กระจายความเสี่ยงของเชื้อเพลิง และเป็นธรรม คือผู้ใช้ไฟฟ้ามากต้องรับความเสี่ยงจากมลพิษมากตามไปด้วย หากผลการทำประชามติออกมาว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศเห็นด้วยที่จะให้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดในกรุงเทพฯ ก็ต้องยอมรับ แบบนี้คงไม่เป็นปัญหา สามารถรับได้
อยากเสนอให้เรกูเลเตอร์ ทำประชามติแถมไปด้วยว่า คนไทยทั้งประเทศเห็นด้วยหรือไม่ ที่จะให้ลดเงินเดือนของเรกูเลเตอร์จาก 350,000 บาท เหลือ 50,000 บาทพอ เพราะเห็นว่า มีผลงานไม่คุ้มเงินเดือน เช่น ไม่กล้าเปิดรับซื้อไฟฟ้าช่วงพีค ไม่กล้าเช็คบิลค่าเสียหายจากกรณีไม่ส่งก๊าซให้โรงไฟฟ้าของกฟผ.ตามสัญญาอย่างซ้ำ ๆซาก ๆ แต่ไปอนุมัติขึ้นค่าเอฟทีแทน หรือแม้แต่กรณีไฟฟ้าดับทั้งภาคใต้เรกูเลเตอร์ก็มีส่วนต้องรับผิดชอบตามที่กฟผ.บอก คือไม่ปรับระบบให้ไฟฟ้าดับในวงแคบเป็นต้น แต่เพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศชาติและแสดงความรับผิดชอบจริง เรกูเลเตอร์น่าจะขอลดเงินเดือนตัวเองได้เลยโดยไม่ต้องรอทำประชามติ แบบนี้ก็รับได้
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ