เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 31 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส.แถลงข่าวความคืบหน้าการชุมนุมในกรุงเทพมหานคร ว่า จากการทางข่าวยืนยันชัดเจนว่า มีมวลชนหลายกลุ่มที่ยังไม่เดินทางมาสมทบร่วมชุมนุมในเขตกรุงเทพมหานคร แต่จะใช้วิธีการนัดชุมนุม และทำกิจกรรมตามศาลากลางของจังหวัดต่าง ๆ โดยขณะนี้พบลักษณะเช่นนี้แล้วที่จ.ตรัง โดยศอ.รส.ได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ และผู้บังคับตำรวจภูธรจังหวัด รวมถึงอาจจะมีการยกระดับการชุมนุมในบริเวณเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ
นอกจากนี้ โฆษกศอ.รส.ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของการปฏิบัติหน้าที่ของกองร้อยควบคุมฝูงชนที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเมื่อวันที่ 30 ต.ค.เข้าไปเพื่อเปิดพื้นที่ถนนให้โล่ง โดยเฉพาะการนำต้นไม้ที่ล้มขวางถนนออกไป ซึ่งไม่ใช่การสลายการชุมนุมแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้เข้าไปตรวจค้นการชุมนุมบริเวณแยกอุรุพงษ์ มีการจับกุมนายวิศาล จันทร์มุณี ซึ่งมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กระท่อม) ไว้ครอบครองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งจากการตรวจสอบผู้ต้องหาพบว่าเป็นประชาชนใน อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งจะได้มีการตรวจสอบต่อไป ถึงความเชื่อมโยงการชุมนุมในกลุ่มอื่น ๆ ต่อไป
ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ประชุมประเมินสถานการณ์ชุมนุมกลุ่มคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมร่วมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง พร้อมรับฟังรายงานการปฏิบัติเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 1-9 และกองร้อยควบคุมฝูงชน ที่ตรึงกำลังคุมเข้มดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญ ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และตามแยกต่าง ๆ รอบบริเวณที่มีการชุมนุม พร้อมเน้นย้ำตำรวจผู้ปฏิบัติให้ใช้ความอดทนอดกลั้นและทำหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ตามแผนที่วางไว้ ห้ามไม่ให้มีการตอบโต้หรือใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด และติดตามการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมอย่างใกล้ชิด พร้อมตั้งจุดตรวจในพื้นที่ ที่มีความเคลื่อนไหว หรือ เส้นทางที่มีการนำมวลชนเข้ามา โดยช่วงรอยต่อนครบาลกับตำรวจภูธร 1,3และภาค 7 เพื่อคัดกรองบุคคลและสิ่งผิดกฎหมาย
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.
พร้อมกันนี้ให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว กำหนดแผนเผชิญเหตุในกรณีต่าง ๆ ทั้งการปิดเส้นทางการคมนาคม ถนน , ทางรถไฟ และ สนามบิน เป็นต้น พร้อมกำชับสั่งการให้ชุดเจรจาประสานกับแกนนำและส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ต่อเนื่อง ขอความร่วมมือให้ชุมนุมโดยสงบ และจัดชุดเฉพาะกิจที่จำเป็นต่อการปฏิบัติ ชุดเจรจาต่อรอง ชุดสืบสวนสอบสวนชุดตรวจเก็บกู้วัตถุระเบิด ลงพื้นที่ต่อเนื่องและให้กำหนดมาตรการเชิงรุกต่อกลุ่มเป้าหมายด้วยโดยให้ผบช.น.และรองผบช.น.ทุกนายควบคุมการปฏิบัติกำลังตำรวจอย่างใกล้ชิดและบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด
พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวภายหลังประชุมว่า มาฟังสถานการณ์ของตำรวจนครบาล และตรวจดูแผนการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมทุกอย่างเรียบร้อยดี ตำรวจมีความพร้อมในทุกด้านแล้วส่วนสถานการณ์ด้านการข่าวของกลุ่มผู้ชุมนุม หลังจากที่ตำรวจสันติบาล และตำรวจนครบาลได้ตรวจสอบแล้ว คาดว่าจะมีมวลชนมาชุมนุมในช่วงเย็นของวันนี้ประมาณ 20,000-30,000 คน และส่วนใหญ่จะมาจากในพื้นที่กรุงเทพฯ
“ประชาชนสามารถมาชุมนุมได้ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ขอร้องไม่ให้ก่อความเดือดร้อนให้กับประชาชนส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะปัญหาด้านการจราจร แต่ทั้งนี้ตำรวจก็มีแผนดูแลความปลอดภัยกับผู้ชุมนุมอยู่แล้ว โดยจะเน้นการเฝ้าระวังทำเนียบ และรัฐสภา ส่วนอื่น ๆ คือการจัดการด้านจราจร วางกำลังตำรวจดูแลความปลอดภัย 40 กองร้อย คาดว่าเพียงพอรับกับสถานการณ์ได้” ผบ.ตร.กล่าว
จากนั้น เวลา 13.20 น. พล.ต.ต. ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส.แถลงข่าวความคืบหน้าการชุมนุมศอ.รส. ยืนยันว่า ตราบใดที่การชุมนุมไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหา หรือมีการยกระดับเพื่อจะจะเข้าไปในพื้นที่ที่ประกาศใช้ พ.ร.บ. ที่ประกาศไว้ หากมีการยกระดับการชุมนุมขึ้นมา ศอ.รส. อาจมีการขายพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ. หรือยกระดับ พ.ร.บ. ที่ประกาศใช้ แต่โดยขณะนี้ยังคงใช้กฎหมายปกติดูแล พร้อมแสดงความคิดเห็นว่าการชุมนุมดังกล่าว ไม่ใช่การชุมนุมเรื่องสินค้าการเกษตรหรือหนี้สินแต่อย่างใด หากแต่เป็นเงื่อนไขประเด็นทางการเมือง และจากการตรวจสอบการเตรียมเวทีปราศรัย การเตรียมเครื่องเสียง การจัดตั้งโรงครัว การส่งกำลังบำรุง ซึ่งมีเจตนาให้การชุมนุมมีความยืดเยื้อ โดยพล.ต.อ.อดุลย์ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนอดกลั้น และมอบนโยบายการบริหารเหตุการณ์ไว้ 3 ประการคือ 1.ต้องรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด 2.ปฏิบัติตามขั้นตอน 3.ปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นที่ยอมรับของสังคม พร้อมทั้งร้องขอให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติตามกรอบกติกา และชุมนุมด้วยสงบ
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ
