นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดค่าย “เปิดโลกการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สานใจไทยสู่ใจใต้” รุ่นที่ 22 ภายใต้โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ระหว่างวันที่ 3-6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการนำเยาวชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย ยะลา, ปัตตานี, สตูล, นราธิวาสและสงขลา ที่ศึกษาในสถาบันการศึกษาปอเนาะ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ที่จะมุ่งเน้นในการสอนศาสนาเป็นหลัก มาเข้าค่ายร่วมกันเพื่อเปิดโอกาสให้ทำความเข้าใจคำว่า “วิทยาศาสตร์” ทั้งส่วนที่เป็นองค์ความรู้ และส่วนที่เป็นกระบวนการทักษะ ซึ่งทั้งสองส่วนจะเป็นประโยชน์ต่อเยาวชนทุกคน รวมทั้งประสบการณ์ที่เยาวชนได้มาอยู่ร่วมกัน ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญ ที่เยาวชนจะได้ทำความรู้จักกับเพื่อน ๆ สมาชิกในค่ายด้วยกันมากขึ้น ตลอดจนได้เห็นวิถีชีวิตของคนไทยในภาคกลาง ซึ่งพบว่า แม้เราจะมีความแตกต่างด้านความเชื่อและวิถีการดำรงชีวิต แต่คนไทยก็อยู่ร่วมกัน พึ่งพาอาศัยกัน โดยรักษาเอกลักษณ์ของเราเอาไว้ได้
ด้าน ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า วิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไกลตัว หรืออยู่เฉพาะในกลุ่มนักวิชาการหรือนักวิจัยเท่านั้น แต่วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเราทุกคน และทุกเวลา ไม่ว่าเราจะทำอะไรอยู่ใน ที่แห่งใด หรือมีวิถีชีวิตอย่างไร เราสามารถที่จะอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้ ขอให้เยาวชนทุกคนทราบว่า ถ้าใครสนใจ ที่จะเรียนต่อในสาขาวิทยาศาสตร์ มีความตั้งใจ และมีผลการเรียนที่ดี ก็สามารถขอรับทุน เพื่อการเรียนในระดับที่สูงขึ้นได้จนถึงระดับปริญญาเอก และสามารถทำงานกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อไปในอนาคตได้
นายสาคร ชนะไพฑูรย์ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กล่าวการ จัดค่ายเปิดโลกการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ฯ ดังกล่าวมีจุดประสงค์หวังสร้างความรู้ความเข้าใจ เพิ่มพูนประสบการณ์ผ่านกระบวนการเรียนรู้ และจิตสำนึกด้านวัฒนธรรมวิทยาศาสตร์ที่อยู่บนพื้นฐานคิดอย่างมีเหตุผล ให้กับเยาวชน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านกิจกรรม อาทิ การได้พบกับศาสนาจารย์ การพูดคุยกับนักวิทยาศาสตร์ ชมการแสดงทางวิทยาศาสตร์ การทดลองในห้องปฏิบัติการ และกิจกรรมกลุ่มฝึกปฏิบัติต่าง ๆ ที่กระตุ้นและสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อให้เกิดทักษะทางวิชาการ ทักษะทางสังคม และการพัฒนาตนเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตในอนาคต นอกจากนี้ กิจกรรมต่าง ๆ ภายในค่ายฯ ยังสร้างความมั่นใจให้พร้อมที่จะอยู่ร่วมกัน โดยไม่มีเชื้อชาติ ศาสนา หรือวัฒนธรรมใดมาปิดกั้น ซึ่งจะก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีเพื่อนำไปสู่ความสมานฉันท์ในสังคมต่อไป
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
http://www.facebook.com/tcijthai
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ