เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 7 มกราคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  นายวิชา มหาคุณ กรรมการและโฆษก ป.ป.ช. นายประสาท พงษ์ศิวาภัย รองโฆษกและกรรมการ ป.ป.ช. ร่วมกันแถลงความคืบหน้ากรณีคำร้องขอให้ถอดถอนสมาชิกรัฐสภา 381 คน ในประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มา ส.ว.

นายประสาทกล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เต็มองค์คณะทั้ง 9 คน ได้พิจารณาประเด็นเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. ในส่วนของ ส.ส.และ ส.ว.จำนวน 381 คน โดยแบ่งกลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 ส.ส.และ ส.ว.ที่ร่วมร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เสนอร่างรัฐธรรมนูญ และเข้าร่วมประชุมพิจารณา ลงมติให้ความเห็นชอบในวาระ 1 วาระ 2และวาระ 3 จำนวน 293 คน ดังนั้นจึงอยู่ในข่ายที่ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา กลุ่มที่ 2 คือ ส.ส. และ ส.ว. ที่ร่วมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว และร่วมพิจารณาในวาระ 1 หรือวาระ 2 หรือวาระ 3 จำนวน 15 คน จึงอยู่ในข่ายที่ ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาด้วย รวมมี ส.ส.และส.ว.ที่ถูก ป.ป.ช.  แจ้งข้อกล่าวหาทั้งสิ้น 308 คน ซึ่งทั้งหมดมีมูลเพียงพอที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา

นายประสาทกล่าวต่อว่า ส่วนส.ส. และ ส.ว.ที่เหลืออีก 73 คน จึงไม่อยู่ในข่ายที่ถูกป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา โดยกลุ่มที่ 3 จำนวน 65 คน เป็นส.ส.และส.ว.และลงมติเฉพาะในวาระ 3 เท่านั้น โดยชื่อของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นหนึ่งในกลุ่มนี้ด้วย และกลุ่มที่ 4 เป็น ส.ส.และ ส.ว. ที่ไม่ร่วมขั้นตอนใดๆ เลย จำนวน 8 คนโดยในส่วนนี้ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติ 7 ต่อ 2 ให้ข้อกล่าวหาตกไป

นายประสาทกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุม ป.ป.ช. ยังได้มีมติให้ ส.ส. และ ส.ว.308 คน ที่ถูกป.ป.ช.แจ้งข้อหล่าวหา ให้มารับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาด้วยตัวเองภายในระหว่างวันที่ 15-17 ม.ค.นี้ ที่สำนักงาน ป.ป.ช. จ.นนทบุรี โดยแต่ละคนสามารถนำทนายความหรือนักกฎหมายมาร่วมรับฟังได้ด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่าเราให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และดำเนินการภายใต้กฎหมายโดยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นพื้นฐาน ไม่ได้ดำเนินการเหมาเข่งทั้งหมด เชื่อว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะพอใจ และพร้อมเปิดโอกาสให้มีการชี้แจงภายใน 15 วัน นับจากวันที่รับทราบข้อกล่าวหา แต่ก็สามารถยื่นขอขยายเวลาได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ป.ป.ช. กังวลหรือไม่ต่อกรณีที่พรรคเพื่อไทย ร้องเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นายวิชา กล่าวว่า สุดแล้วแต่ เพราะใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป เมื่อถามว่าผลการไต่สวนเรื่องดังกล่าวของ ป.ป.ช.จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งหรือไม่ นายวิชากล่าวว่า กระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ยึดตามกฎหมายทุกประการ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงข้อกล่าวหาโดยละเอียดทุกคน โดยให้ความเป็นธรรมดังนั้นระยะเวลาในการดำเนินการทุกขั้นตอนกระบวนการนั้น จึงยังประเมินไม่ได้ว่า จะสามารถวินิจฉัยชี้มูลได้เมื่อใด และขอย้ำว่าป.ป.ช.ให้ความเป็นธรรมอย่างยิ่ง เพราะไม่เช่นนั้นคงจะเหมาเข่งไปแล้ว

นอกจากนี้ก่อนหน้าที่จะมีการแถลงผลการพิจารณา นายวิชากล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีการพิจารณากรณีที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ร้องคัดค้านการไต่สวนคดีดังกล่าวในหลายประเด็น เมื่อวันที่  6 ม.ค.ที่ผ่านมา ขอชี้แจง ดังนี้ 1.การร้องเรียนว่าตนและนายภักดี โพธิศิริ กรรมการป.ป.ช. ไม่ควรผู้รับผิดชอบสำนวนในคดีนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ให้ความเป็นธรรมนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ โดยที่ตนและนายภักดีไม่ร่วมลงมติด้วยว่า ไม่เข้าเหตุตามมาตรา 46 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554

2.การอ้างว่าสมาชิกรัฐสภาไม่มีสถานะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ป.ป.ช.จึงไม่สามารถดำเนินการไต่สวนได้นั้น ขอชี้แจงว่า ป.ป.ช.ใช้อำนาจไต่สวนตามมาตรา 123/1 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 ในการไต่สวนสมาชิกรัฐสภากลุ่มดังกล่าว ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ 3.การอ้างว่าป.ป.ช.เร่งรีบในการไต่สวนนั้น ขอชี้แจงว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า กระบวนการไต่สวนให้กระทำโดยเร็ว ช้าไม่ได้ และเรื่องนี้เป็นการพิจารณาข้อกฎหมายล้วน ๆ มีในส่วนที่ต้องชี้แจงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นการเรียกเอกสารที่มีอยู่แล้วจากศาลรัฐธรรมนูญ และรัฐสภา

4.การระบุให้ป.ป.ช.นำรัฐธรรมนูญ มาตรา 130 ที่ให้เอกสิทธิส.ส.และส.ว.อภิปรายและออกเสียงลงมติ โดยห้ามมิให้ใครนำไปเป็นเหตุฟ้องร้องกล่าวหาได้นั้น เห็นว่ามีสมาชิกรัฐสภา 73 คน ที่ได้รับเอกสิทธิในมาตราดังกล่าว และ 5.กรณีที่มีผู้ร้องขอให้เพิ่มผู้ถูกกล่าวหา จากการเข้าร่วมประชุมในชั้นกรรมาธิการวาระ 2 ด้วย นั้น ขอชี้แจงว่า ป.ป.ช.จะไต่สวนเฉพาะที่ถูกส่งมาจากประธานวุฒิสภาว่า มีการกล่าวหาใครบ้าง ฉะนั้นจะไปไต่สวนเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ประธานวุฒิสภาส่งมาไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากต้องทำตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai