ภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ส่งเงินรายได้จากการประมูลในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ส่งเข้าคลัง โดยจะต้องนำเงินที่ได้จากการประมูลทีวีดิจิตอล 24 ช่อง จำนวน 50,862 ล้านบาท ซึ่งได้รับเงินงวดแรกมาแล้ว 11,000 ล้านบาท ส่งคืนให้แก่กระทรวงการคลังภายใน 15 วันนับตั้งแต่มีประกาศ คสช. เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2557
อย่างไรก็ตาม นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า กสทช.ยังคงเดินหน้าโครงการเพื่อสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลหรือการแจกคูปองทีวีดิจิตอล โดยภายหลังการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะครบทั้ง 4 ภูมิภาค และได้รวบรวมข้อสรุปนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ จากนั้นจะนำข้อสรุปประชาพิจารณ์ที่ได้ส่ง คสช. ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม เพื่อขออนุมัติให้มีการแจกคูปองทีวีดิจิตอล และใช้วิธีเบิกจ่ายงบประมาณมาสนับสนุนการแจกคูปองทีวีดิจิตอลให้แก่ประชาชนต่อไป
"ต่อไปเงินที่ได้จากการประมูลไม่ต้องผ่านกองทุนแล้วให้นำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินเลย และให้ กสทช. ใช้วิธีการเบิกจ่ายตามงบประมาณประจำปีแทนสำหรับการนำไปใช้เพื่อประชาชน โดยในปีงบประมาณ 2558 ทางกสทช.ได้ทำแผนเบิกจ่ายไว้ 7,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เป็นคูปองทีวีดิจิตอลแจกประชาชน 7 ล้านครัวเรือน ซึ่งมูลค่าคูปองต้องรออนุมัติอีกครั้ง แต่มูลค่าสามารถเกิน 690 บาทได้ในแง่กฎหมาย ในขณะที่ต้องอิงราคาเซ็ตท็อปส์บ็อกซ์ในท้องตลาดด้วย ซึ่งการแจกคูปองยังอยู่ในกรอบเวลาเดิมคือเดือนกันยายนนี้" นายฐากร กล่าว
ขณะที่เวทีการรับฟังความคิดเห็นเวทีสุดท้าย ณ โรงแรมสวิส โฮเทล เลอคองคอร์ด กรุงเทพ ในวันที่ 10 กรกาคม มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมแลกเปลี่ยนจำนวนมาก โดยเฉพาะประเด็นราคามูลค่าคูปอง ที่ผู้เข้าร่วมบางคนเห็นว่าควรให้คงราคาไว้ที่ 1,000 บาท เพราะเชื่อว่าประชาชนจะออกเงินส่วนต่างไม่มาก พร้อมทั้งได้กล่องที่มีคุณภาพตามที่ กสทช. กำหนด
ขณะที่ความเห็นของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เสนอว่าปีแรกควรแจกคูปองราคา 690 บาท เพราะการกำหนดราคาคูปองที่สูงจะส่งผลให้ราคากล่องสูงขึ้นตาม เป็นการผลักภาระให้ผู้บริโภคที่ไม่ได้รับคูปองหรือซื้อกล่องที่ 2 ต่อไป พร้อมทั้งทบทวนราคาและวิธีการแจกในปีถัดไปเพราะในตลาดหากสินค้าหรือกล่องมีมากขึ้น
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. กล่าวว่า ส่วนตัวมีความเห็นสอดคล้องกับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล 12 ช่องและองค์กรเพื่อผู้บริโภค รวมทั้งนักวิชาการ เพราะเวลานี้ ถ้าทุกฝ่ายอยากจะให้เกิดการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทีวีระบบดิจิตอลโดยเร็ว หนทางที่ปลอดภัยที่สุดคือ ยึดตามมติเดิมของ กสทช. ที่กำหนดมูลค่าคูปอง 690 บาท พร้อมทั้งเงื่อนไขสามารถแลกทีวีดิจิตอลในตัวและกล่องทีวีดิจิตอลเท่านั้น ถ้าเปลี่ยนไปจากนี้ อาจมีเหตุในเกิดการฟ้องร้องและทำให้กระบวนการล่าช้าออกไปได้ เพราะฉะนั้นในเฟสแรกหรือปีแรกน่าจะยืนตามหลักการนี้ก่อน หลังจากมีการรับชมได้เกินร้อยละ 50 ของครัวเรือนแล้ว จึงค่อยดูว่าจะขยับคูปองให้ลดลงก่อนถึงจะมาเพิ่มเงื่อนไขรับชมผ่านกล่องทีวีดาวเทียมและเคเบิล
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊ค TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ
