หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมยื่นข้อเสนอการปฏิรูปการเลือกตั้งส่งต่อให้แก่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยหนึ่งในข้อเสนอคือการมีคณะกรรมการกลั่นกรองนโยบายของพรรคการเมืองว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่และจะก่อความเสียหายแก่ประเทศชาติหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายจากนโยบายประชานิยม รวมถึงการกำหนดให้มีกระบวนการตรวจสอบการดำเนินนโยบาย หากพ้นระยะเวลาหนึ่งแล้วไม่สามารถทำได้จะเป็นเหตุให้สามารถถูกยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมือง
ล่าสุด นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ป.ป.ช. เตรียมทำหนังสือไปยัง กกต. เพื่อนัดหารือเกี่ยวกับมาตรการดูแลนโยบายประชานิยมของพรรคการเมือง เพื่อป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้นทาง
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ที่ผ่านมานโยบายประชานิยมหลายนโยบายได้สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศ ซึ่งเมื่อมีการร้องเรียน ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมักอ้างว่า เป็นนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน จึงต้องดำเนินการต่อไป แม้จะรู้ว่ามีผลเสีย ซึ่งการอ้างดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ป.ป.ช. จึงต้องการเสนอแนวทาง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาจากนโยบายประชานิยมของพรรคการเมือง โดย กกต. ควรออกระเบียบหรือกฎหมายในการตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ก่อนที่จะมีการใช้หาเสียง
นายสรรเสริญ ขยายความว่า การตรวจสอบนโยบายประชานิยมของพรรคการเมืองที่จะใช้ก่อนที่จะมีการหาเสียงจะต้องดูความชัดเจนของนโยบาย เช่น ความเป็นไปได้ แหล่งเงินทุน งบประมาณที่ใช้ และผลกระทบของการดำเนินโครงการ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาเหมือนโครงการรับจำนำข้าวและโครงการประชานิยมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีแนวทางกำหนดให้ทุกพรรคต้องส่งรายละเอียดนโยบายให้ กกต. พิจารณาตรวจสอบดูก่อนว่ามีความเหมาะสม เป็นไปได้ และจะสร้างความเสียหายหรือไม่ ก่อนที่จะมีการหาเสียง
ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท อดีตกกต.กล่าวถึงการป้องกันนโยบายนิยมว่า นอกจากการให้พรรคการเมืองชี้แจงต่อ กกต. แล้ว ควรให้พรรคการเมืองที่ต้องการดำเนินนโยบายประชานิยมมีมติรับรองจากคณะกรรมการบริหารพรรค หากในอนาคตนโยบายดังกล่าวสร้างความเสียหายแก่ประเทศจะต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ซึ่งนายประพันธ์เห็นว่าจะทำให้พรรคการเมืองมีความระมัดระวังมากขึ้นในการออกนโยบาย
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ