จากกกรณี นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าท่าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โยธาธิการและผังเมืองประจวบคีรีขันธ์ ฝ่ายปกครอง ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 15 เทศบาลเมืองหัวหิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ชายหาดหัวหิน ข้างโรงแรม โซฟิเทล เซนทาราแกรนด์ หัวหิน เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจนโยบายการจัดระเบียบชายหาดหัวหิน ตามนโยบายของ คสช.พร้อมวางแนวทางในการคืนความสวยงาม และเสน่ห์ของชายหาดหัวหินให้กลับมางดงามดังเดิม เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยให้รื้อถอนออกภายในวันที่ 7 ส.ค.นั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชายหาดหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นำโดยนางจงกลนี ฤทธิรงค์ เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน เรียกร้องให้คสช.ให้ความเป็นธรรมกับพ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ ที่อ้างคำสั่งคสช.ให้จัดระเบียบร้านค้าชายบริเวณหาดหัวหินกว่า 160 ร้านค้า และให้รื้อถอนภายในวันที่ 13 ส.ค.นี้
นางจงกลนีระบุว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้า ประกอบอาชีพค้าขายบริเวณชายหาดมานานกว่า 30 ปี ที่ผ่านมาปฎิบัติตามระเบียบมาตลอด เมื่อมีคำสั่งให้รื้อถอนทำให้ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่ดำเนินการกับผู้ประกอบการเอกชน ที่สร้างบ้านพัก ร้านอาหารรุกล้ำไปในทะเล จึงขอให้คสช.ให้ความเป็นธรรมกับทั้งผู้ค้าขายบริเวณชายหาด โดยไม่เลือกปฎิบัติ
สำหรับกรณีที่มีประชาชนร้องเรียนผ่านสื่อนออนไลน์ว่าร้านค้าริมชายหาดหัวหิน ขายอาหารแพงเกินความจำเป็นนั้น นางจงกลอ้างว่า มีป้ายราคาเมนูอาหารติดบอกลูกค้าไว้อย่างชัดเจน เป็นราคาปกติของแหล่งท่องเที่ยว เช่น ส้มตำปูม้าราคา 150 บาทถือเป็นราคาปกติ ที่คล้ายกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นทั้งพัทยาและภูเก็ต และก่อนหน้านี้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเสนอให้ตั้งราคาสินค้ากลางขายอาหารให้เท่ากันตลอดทั้งหาด แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากภาครัฐ จึงอยากขอร้องให้ผู้ที่เผยแพร่ข่าวว่า เราขายอาหารแพงให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
ค่าอาหารที่มีการโพสต์ในสื่อออนไลน์ว่าแพงเกินจริง
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เทศกิจได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีการจำหน่ายอาหารในราคาที่ค่อนข้างแพงตามที่ปรากฏ แต่เป็นการจำหน่ายตามราคาที่ระบุไว้ในเมนู ไม่ได้จำหน่ายเกินราคา และเท่าที่สอบถามผู้ประกอบการทราบว่า ช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดติดกันหลายวัน ราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เป็นอาหารทะเลจะมีราคาแพงกว่าปกติ เบื้องต้นได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการร้านค้าชายหาดหัวหินพยายามควบคุมราคาให้เหมาะสมยุติธรรม รวมทั้งได้ให้เจ้าหน้าที่เทศกิจหมั่นตรวจสอบและรับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวชายหาดหัวหิน เชื่อว่าต่อไปจะไม่มีปัญหาดังกล่าวอีก
ด้านนายพรชัย ถมกระจ่าง นายอำเภอหัวหิน กล่าวว่า คณะกรรมการสนับสนุนการปฏิบัติงานตามกฎหมายเพื่อจัดระเบียบชายหาดในเขตเทศบาลเมืองหัวหินได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการร้านค้าทุกรายที่บุกรุกชายหาดหัวหินออกจากพื้นที่ ตามตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 9 มาตรา 108 และมาตรา 108 ทวิ ผู้ขัดขืนต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน ห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการใช้พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 122 โดยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
ขณะที่นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ ประชุมหน่วยงานที่สำนักงานเทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อสรุปแนวทางการจัดระเบียบชายหาดหัวหินในวันนี้ (13 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันดีเดย์ของการรื้อสิ่งรุกล้ำชายหาด โดยการจัดระเบียบครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย ทั้งการรักษาความสะอาด มาตรฐานราคาด้านบริการและอาหาร ซึ่งจะต้องทำข้อตกลงร่วมกันทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความชัดเจนและกำหนดแนวทางที่ตรงกัน
นายวีระกล่าวว่า การรื้อถอนในวันนี้จะมีเจ้าหน้าที่เทศกิจของเทศบาลฯ เข้าไปอำนวยความสะดวกกับผู้ประกอบการ ซึ่งส่วนใหญ่ตลอดแนวชายหาดยินยอมที่จะให้รื้อถอน ส่วนราคาอาหารชายหาดจะเรียกผู้ประกอบการมาประชุมหารือกัน เพื่อกำหนดราคากลาง รวมท้ังการติดป้ายราคา
นายพรชัย ถมกระจ่าง นายอำเภอหัวหิน กล่าวถึงกรณีที่ผู้ค้าชายหาดหัวหิน ยื่นหนังสือเรียกร้อง คสช. เพื่อไม่ให้รื้อถอนร้านค้าว่า คณะกรรมการสนับสนุนการปฏิบัติงานตามกฎหมายเพื่อจัดระเบียบชายหาดในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ได้ใช้ดุลพินิจแล้วเห็นว่า จำเป็นต้องดำเนินการตามกำหนดในวันที่ 13 ส.ค.นี้ เพราะได้ผ่อนผันจากเดิมวันที่ 7 ส.ค.ที่จะเข้าจัดระเบียบ เนื่องจากผู้ประกอบการร้องขอว่าช่วงดังกล่าวเป็นโอกาสของการท่องเที่ยวที่มีวันหยุดติดกันหลายวัน คือ ตั้งแต่วันที่ 9-12 ส.ค. ทางคณะกรรมการฯ จึงอนุโลมให้ และการที่มีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำชายหาด ซึ่งเป็นที่สาธารณประโยชน์ มีความผิดทางกฎหมายอยู่แล้ว ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 9 มาตรา108 และมาตรา 108 ทวิ ผู้ขัดขืนต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีการใช้พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 122 กับผู้บุกรุกทุกราย
“การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเป็นไปตามข้อตกลงเดิม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการจำหน่ายอาหารราคาแพง เนื่องจากมีการกำหนดโครงการไว้ล่วงหน้า และผู้ประกอบการทุกรายทราบว่าคณะกรรมการฯ จะจัดระเบียบ” นายอำเภอหัวหินกล่าว
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ