เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.นครศรีธรรมราช ว่า ช่วงที่ผ่านเกิดกรณีตัดต้นไม้ดั้งเดิมในมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ส่งผลให้เป็นประเด็นพูดคุยถกเถียงกันมานานนับปี สืบเนื่องจากการตัดต้นไม้พื้นถิ่นภายในมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลาจ.นครศรีธรรมราช มีจำนวนมากกินเนื้อที่นับร้อยไร่ และการตัดต้นไม่ดังกล่าว ตัดเพียงเพื่อปลูกแตงโม ทำให้ประชาคมวลัยลักษณ์มีคำถามถึงฝ่ายบริหาร เพื่อความกระจ่างชัดเจนในประเด็นดังกล่าว
โดย นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล นายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้ยื่นหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 เพื่อสอบถามรายละเอียดของโครงการตัดต้นไม้ในมหาวิทยาลัย แต่ไม่มีคำอธิบายใด ๆ จากฝ่ายบริหาร หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ทางสมาคมได้นัดพูดคุยกับฝ่ายบริหาร เพื่อขอคำอธิบายถึงรายละเอียดของโครงการดังกล่าว ซึ่งคำอธิบายจากฝ่ายบริหารก็ไม่มีความชัดเจน โดยอ้างว่าต้องศึกษาข้อมูลก่อน เหตุการณ์ผ่านมานานนับปี กรณีดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนแต่การตัดป่าเพื่อปลูกแตงโมยังคงดำเนินต่อไป
นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล นายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า ทางสมาคมศิษย์เก่า ได้ส่งหนังสือถึงอธิการบดีขอให้ผู้บริหารชี้แจง กรณีมีการตัดป่า จำนวนมากว่ามีเหตุผลอย่างไรบ้าง แต่คำตอบที่ได้รับจากฝ่ายบริหารเพียงคำยืนยันว่า มารับฟังสมาคมฯ ประเด็นที่ทางสมาคมสอบถามฝ่ายบริหารนั้น ได้ถามถึงระบบบริหาร ซึ่งเป็นงานที่ฝ่ายบริหารต้องรับผิดชอบโดยตรง และประเด็นการตัดป่าจำนวนมากภายในมหาวิทยาลัยเป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารที่ต้องรับรู้ ยังคงต้องค้นหารายละเอียดอะไรอีก จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า ที่ผ่านมาทำงานกันบ้างไหม และถ้าหากกรณีนี้ เกิดขึ้นนอกมหาวิทยาลัย ยอมรับได้ที่จะให้มีการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่นี่เหตุเกิดที่ปลายจมูกและประเด็นนี้รับรู้กันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์2556 ยังจะหาข้อมูลอะไรมากมายในเมื่อข้อเท็จจริงปรากฎอยู่แล้ว
“ตัดต้นไม้เกือบ 200 ไร่ ไม่ใช่ความผิด แต่เป็นเรื่องของมุมมอง ที่แต่ละคนมองกันคนละมุม นั่นหมายความว่าการตัดต้นไม้ 200 ไร่ มองว่าถูกต้องก็ได้ ผิดก็ได้ นี่คือวิธีคิดของผู้บริหาร ถ้าวิสัยทัศน์เช่นนี้เป็นที่รับรู้ออกสู่ภายนอก สังคมจะมองอย่างไร ในโลกปัจจุบันการตัดต้นไม้ต้นกลายเป็นประเด็นที่สำคัญ แต่รองอธิการบดีกลับบอกว่า ตัดต้นไม้ 200 ไร่เป็นเรื่องมุมมอง ท่านรู้หรือไม่ว่าการตัดต้นไม้ต้นเดียวก็ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย นี่ถ้าหากหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบรับรู้ว่ามีการตัดต้นไม้กัน 200 ไร่ จะเป็นข่าวใหญ่ขนาดไหน นี่ยังไม่ถามว่าไม้ทั้งหมดหายไปไหน” นายประสิทธิ์ชัยกล่าว
นายประสิทธิ์ชัยกล่าวต่อว่า นี่ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างบุคคล แต่นี่คือการตั้งคำถามต่อทิศทางของมหาวิทยาลัย เป็นการตั้งคำถามจากปรากฎการณ์ที่ใหญ่มาก แต่รองอธิการกลับมองว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งระหว่างบุคคล และบอกว่าจะวางตัวเป็นกลาง
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ