เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ห้องประชุมอาคารผู้สูงอายุ โรงพยาบาลเทพา อ.เทพา จ.สงขลา ภาคประชาสังคมในพื้นที่ร่วมกันจัดเวที “ค.0 เรียนรู้โรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด” เพื่อให้ข้อมูลทางวิชาการแก่ผู้สนใจและผู้มีส่วนได้เสียจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดเทพา อันจะเป็นประโยชน์ในการปูพื้นข้อมูลและความเข้าใจพื้นฐาน และนำไปสู่การตั้งคำถามที่เหมาะสมในเวทีรับฟังความคิดเห็น ค.1 ค.2 และ ค.3 ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กำลังจะจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ
ภายหลังที่ ทพ.ส่อแห๊ะ หมัดยูโส๊ะ ผอ.โรงพยาบาลเทพา กล่าวเปิดเวทีเสวนา วิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านก็สลับกันขึ้นให้ข้อมูล ประกอบด้วย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ แพทย์อาชีวเวชศาสตร์และ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา รศ.ดร.ปาริชาติ วิสุทธิสมาจาร ผอ.สถาบันวิจัยการจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์พื้นที่ภาคใต้แบบบูรณาการ ม.อ.หาดใหญ่ ผศ.ดร.สมพร ช่วยอารีย์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี โดยมี นพ.สุวัฒน์ วิริยวงศ์สุกิจ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็กพระบรมราชินีนารถ ณ อ.นาทวี จ.สงขลา เป็นผู้ดำเนินรายการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่ก่อนที่เวทีจะเริ่ม มีชายคนหนึ่งอ้างว่า เป็นผู้ประสานงานประชาชนชาวเทพา นำกลุ่มชายฉกรรจ์พกอาวุธเข้าไปขอเจรจากับผู้จัดงาน มีการระบุชื่อไม่ให้ฝ่ายคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินบางคนเข้าร่วมเวที รวมทั้งประกาศไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวการเสวนาครั้งนี้ด้วย หากสื่อมวลชนต้องการทำข่าวให้ฝ่ายผู้จัดงานส่งตัวแทนไปร่วมแถลงกับตนได้เท่านั้น และในขณะเวทีเสวนาดำเนินการอยู่ โดยชายคนดังกล่าวยังขอแทรกคิวพูดสนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหินด้วยเสียงอันดังฟังชัดก้องไปทั้งห้องประชุมอีกด้วย อย่างไรก็ตามเวทีก็สามารถดำเนินการไปได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
นพ.สุภัทรกล่าวว่า เหตุที่ภาคประชาชนใช้ชื่อเวที ค.0 ก็เพื่อให้ชาวเทพาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทุกเรื่องราวเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ถูกอ้างว่าสะอาด ก่อนที่จะไปร่วมเวทีที่ กฟผ.จัดขึ้นเพื่อรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 ซึ่งกำหนดไว้แล้วในวันที่ 2 พ.ย.ที่จะถึงนี้ และต่อไปจะต้องมีการจัดเวที ค.2 และ ค.3 อันเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการ (EHIA) ซึ่งทาง กฟผ.มีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินบริเวณชายทะเล อ.เทพา 2 โรงรวมกำลังการผลิต 2,000 เมกะวัตต์
นพ.สุภัทรกล่าวต่อว่า ผลกระทบที่คนจะนะได้รับจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่ดำเนินการไปแล้ว ประกอบด้วย โรงแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซไทย-มาเลเซีย รวมถึงโรงไฟฟ้าจะนะที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงอีก 2 แห่ง ซึ่งจะเป็นต้นธารให้กับการเกิดขึ้นของแหล่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ตามมา แม้ในวันนี้ยังไม่มีนิคมอุตสาหกรรม แต่คนในพื้นที่ก็ได้รับผลกระทบแล้วมากมาย โดยเฉพาะในด้านการดำเนินวิถีชีวิตและสุขภาพ
เรื่องนี้ผมยืนยันได้เพราะร่วมกับคณะจัดทำโครงการพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากโรงไฟฟ้าจะนะ ซึ่งผลการศึกษาเราพบว่ามีผลกระทบเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังเป็นระดับแสดงอาการ แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นโรค อาจเนื่องจากโรงไฟฟ้าจะนะตั้งมาได้ไม่กี่ปี แต่ถ้าในระยะยาวแล้วผลจะเป็นอย่างไร มีโต๊ะอิหม่ามในพื้นที่บอกกับผมว่า คนเรามีจมูกเพียง 2 รู แต่ปล่องที่ปล่อยควันของโรงงานแค่โรงเดียวก็ยังมีหลายปล่อง เรื่องนี้เราต้องช่วยกันคิด
ชายที่อ้างว่าเป็นผู้ประสานงานประชาชนชาวเทพา นำกลุ่มชายฉกรรจ์พกอาวุธเข้าไปขอเจรจากับผู้จัดงาน
นพ.สุภัทรกล่าวเพิ่มเติมว่า จากเอกสารโครงการก่อสร้างท่าเรือขนถ่านหิน และโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาพบว่าข้อมูลยังมีความพิกลพิการอยู่มาก มีหลายเรื่องที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หรือเป็นการบอกข้อมูลไม่หมด อาทิ มลพิษนานาชนิดที่จะเกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะเป็นสารหนู ปรอท ตะกั่ว แคดเมียม โลหะหนัก ขี้เถ้า ฯลฯ ผลกระทบต่อชุมชน การทำประมง และสิ่งที่นับว่าสำคัญยิ่งคือการระบุขอบเขตศึกษาผลกระทบที่กำหนดไว้เพียงพื้นที่รอบรัศมีที่ต้องโครงการแค่ 5 กิโลเมตรเท่านั้น
รศ.ดร.ปาริชาติ วิสุทธิสมาจาร ได้ให้รายละเอียดในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของ อ.เทพา รวมถึงความสามารถในการเชื่อมต่อเส้นทางการท่องเที่ยวในภาพรวมของ จ.สงขลาด้วย อาที ในพื้นที่ อ.เทพามีชายหาดยาวถึง 43 กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่รองรับคนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในทะเลมีเกาะขาม มีวัดพระสามองค์ที่ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ชุมชนสถานีรถไปเทพามีอายุเก่าแก่นับร้อยปี ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องอาหารคือ ข้าวแกงไก่ทอด เป็นต้น เหล่านี้ต้องมีการศึกษาว่าจะได้รับผลกระทบจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ.อย่างไร
ด้าน ผศ.ดร.สมพร ช่วยอารีย์ กล่าวว่า ตนเริ่มจากการศึกษาอย่างจริงจังในเรื่องภัยพิบัติ ต่อมาก็ได้ขยายเข้าสู่แหล่งผลิตอาหาร รวมถึงพลังงานทดแทนด้วย เพราะเห็นว่าแท้ที่จริงก็เป็นเรื่องเดียวกัน ในเรื่องของผลกระทบจากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่นั้นไม่มีพรมแดนขีดกั้น อย่างฟ้าบนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียยังส่งผลกระทบถึงคนเทพาได้เลย ดังนั้นการกำหนดศึกษาผลกระทบแค่รัศมีรอบๆ ที่ตั้งโครงการ 5 กิโลเมตรจึงเป็นเรื่องที่น่าวิตกสุดๆ และที่สำคัญโครงการตั้งอยู่ชายทะเลจะส่งผลกระทบต่อการกัดเซาะชายฝั่งทะเลมหาศาลด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตถึงช่วงที่เปิดให้ผู้เข้าร่วมเวทีได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ แม้จะมีการจัดการของฝ่ายสนับสนุนที่นำประชาชนผู้เคยถูกเกณฑ์ให้ไปดูงานกับโครงการของ กฟผ.เข้ามาเพื่อให้พูดและแสดงการสนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา แต่ปรากฏว่าเสียงในเวทีเสวนากลับออกไปในทางหวั่นวิตกถึงผลกระทบที่จะตามมามากที่สุด
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ