นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงแรงในขณะนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับตลาดอื่นทั่วโลก เนื่องจากตลาดต่างประเทศขณะนี้มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรง อย่างไรก็ตาม อยากให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมั่นใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากพอถึงช่วงเวลาหนึ่งแล้วมองว่าราคาหุ้นจะมีการปรับเพิ่มขึ้นตามกลไก ซึ่งขณะนี้มองว่ายังไม่จำเป็นต้องมีกลไกมาพยุงตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ในการเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนจำเป็นต้องใช้เวลา
นายสมหมาย กล่าวด้วยว่า ในปี 2558 ประเมินว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการในเรื่องของกระตุ้นการใช้จ่าย แต่ยังเป็นห่วงเรื่องการส่งออก ทั้งนี้ รัฐบาลก็เดินหน้าเต็มที่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ในประเด็นปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันตลาดโลกที่ตกต่ำนั้น มองว่าจะตกไปจนถึงปีหน้า แต่ก็ถือว่าจะเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกช่องทางหนึ่ง เพราะเป็นตัวช่วยลดต้นทุนการผลิตด้วย
ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เตือนนักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนกในกรณีที่หุ้นปรับตัวลดลงในช่วงนี้ มองว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลง เป็นผลมาจากความกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมาก ซึ่งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ดัชนีล้วนเคลื่อนไหวในแดนลบ ตั้งแต่ไตรมาส 4 จนถึงปัจจุบัน โดยดัชนีในตลาดเกิดใหม่ปรับลดลง 5.8% ส่วนตลาดหุ้นไทยปรับ 4.2%
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาได้ปรับลดลงค่อนข้างมากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้ต้นสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นในเอเชียก็ปรับลดลง 1-2% ตลาดหุ้นไทยก็เช่นเดียวกัน สาเหตุมาจากปัจจัยเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งทุกประเทศเกี่ยวข้องกับราคาน้ำมัน อย่างประเทศไทยก็มีการนำเข้าน้ำมัน จะเห็นว่ากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันลดลงไปราว 9% กว่า เพราะได้รับผลกระทบ จึงมีคนปรับโพซิชั่น รวมถึงกลุ่มก่อสร้างที่ปรับลดลงเช่นกัน
ทั้งนี้ สถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกโดยเฉพาะน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกรวมทั้งไทยตกต่ำลงทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากปัจจัยราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขณะนี้ที่ลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี โดยราคาซื้อขายล่วงหน้าอยู่ในระดับต่ำกว่า 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแล้ว หลายฝ่ายยังคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นไทยช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้จนถึงต้นปีหน้ายังมีปัจจัยเสี่ยงทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการเมือง ขณะที่กลุ่ม ปตท.ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่ดิ่งลงก็กำลังเตรียมปรับแผนรองรับความสุ่มเสี่ยงที่กำลังเกิดขึ้น
โดยเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ร่วงลงอย่างหนัก 139 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แม้ไม่ทำลายสถิติเมื่อปี 2549 จากนโยบายควบคุมเงินทุน ซึ่งในครั้งร่วงลงถึง 142 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายทำลายสถิติของตลาด มีมูลค่าสูงถึง 102,662 ล้านบาท การปรับลดลงของตลาดหุ้น มาจากหลายปัจจัย และ มี"ข่าวลือ"เกิดขึ้นในตลาด โดยมีแรงเทขายอย่างหนักในช่วงบ่าย จากหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน แต่ในช่วงท้ายตลาดปรับตัวดีขึ้น จนมาปิดที่ระดับ 1,478.49 จุด ลดลง 36.46 จุด หรือ 2.41%
การซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน ปรากฏว่านักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 829 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 2,560 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 4,194 ล้านบาท และนักลงทุนภายในประเทศ ซื้อสุทธิ 7,584 ล้านบาท
กลุ่มหลักทรัพย์ที่ปรับลดลงมากที่สุดคือ พลังงาน ลดลง 4.09% นำโดยกลุ่มปตท. รองลงมากลุ่มสื่อสาร ลดลง 1.6% และกลุ่มธนาคาร ลดลง 0.5%
ขณะที่เปิดตลาดวันนี้ (16 ธันวาคม 2557) ตลาดหุ้นยังคงเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดการซื้อขายในช่วงเช้า
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ