มิถุนายน 2539 - มิถุนายน 2544
จัดสรรตาม พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด และกฏกระทรวงมหาดไทย โดยมีหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจัดสรรค่าภาคหลวงปิโตรเลียม ดังนี้
ค่าภาคหลวงสำหรับแหล่งบนบก จะจัดสรรเงินค่าภาคหลวงที่รับชำระให้อัตราร้อยละ 20 ให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และร้อยละ 30 ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นำฝากไว้ที่กรมบัญชีกลาง เพื่อรอการโอนเงินให้แก่ท้องถิ่นตามเวลาที่กำหนด (ทุก 3 เดือน) ส่วนที่เหลือร้อยละ 50 แจ้งกองคลัง นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ค่าภาคหลวงสำหรับแหล่งในทะเล ให้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินทั้งหมด
กรกฎาคม 2544 - ปัจจุบัน
คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ได้มีประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตรา การจัดสรรค่าภาคหลวงปิโตรเลียม และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฏาคม 2544 เป็นต้นไป ดังนี้
ค่าภาคหลวงสำหรับแหล่งบนบก ให้จัดสรรแก่ท้องถิ่นตามประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนี้
ก. อัตราร้อยละ 20 ให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)และเทศบาลในเขตพื้นที่สัมปทานที่มีการผลิตปิโตรเลียม
ข. อัตราร้อยละ 10 ให้แก่ อบต. และเทศบาลอื่นที่อยู่ในจังหวัดที่มีพื้นที่ครอบคลุมการผลิตปิโตรเลียม
ค. อัตราร้อยละ 10ให้แก่ อบต. และเทศบาลที่อยู่ในจังหวัดอื่น (ทั่วประเทศ)
ง. อัตราร้อยละ 20 ให้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)
จ. ส่วนที่เหลือร้อยละ 40 นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
การจัดสรรตาม ก ให้จัดสรรตามจำนวนองค์กร ส่วนการจัดสรรตาม ข และ ค ให้จัดสรรตามสัดส่วนจำนวนประชากร ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร
ค่าภาคหลวงสำหรับแหล่งในทะเล ให้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินทั้งหม
ค่าภาคหลวงปิโตรเลียมจัดเก็บจากผู้รับสัมปทานที่มีการผลิตและขายปิโตรเลียม โดยแบ่งเก็บตามประเภทของผู้รับสัมปทานซึ่งมี 2 กลุ่ม คือ
1.1 ผู้รับสัมปทานกลุ่มที่ 1 อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติปิโตรเลียมก่อนการแก้ไขในปี พ.ศ. 2532 (Thailand I) เสียค่าภาคหลวงในอัตราร้อยละ 12.5 ของมูลค่าปิโตรเลียมที่ขาย ได้แก่ผู้รับสัมปทานบริเวณอ่าวไทย ที่แหล่งเอราวัณและใกล้เคียง แหล่งไพลิน แหล่งนางนวล แหล่งบงกช แหล่งจัสมิน และบริเวณบนบก ที่แหล่งน้ํามันดิบสิริกิติ์ แหล่งก๊าซน้ําพอง และแหล่ง ก๊าซสินภูฮ่อม
1.2 ผู้รับสัมปทานกลุ่มที่ 2 อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติปิโตรเลียมหลังการแก้ไขในปี พ.ศ. 2532 (Thailand III) เสียค่าภาคหลวงในอัตราแบบขั้นบันใดตามระดับการผลิตในอัตรา ร้อยละ 5 – 15 ของมูลค่าปิโตรเลียมที่ขาย ได้แก่ ผู้รับสัมปทานบริเวณอ่าวไทยที่แหล่งน้ํามันดิบทานตะวันและเบญจมาศ แหล่งบัวหลวง แหล่งสงขลา และบริเวณบนบกที่แหล่งน้ํามันดิบกําแพงแสนและอู่ทอง แหล่งน้ํามันดิบบึงหญ้าและบึงม่วง แหล่งน้ํามันดิบวิเชียรบุรีและศรีเทพ แหล่งบึงหญ้าตะวันตก หนองสา
เมื่อครบกำหนดเวลาที่จะต้องจัดสรรเงินค่าภาคหลวงปิโตรเลียมให้แก่ท้องถิ่น ให้จัดทำรายงานสรุปรายละเอียดจำนวนเงินที่จัดสรรและนำฝากไว้ที่กรมบัญชีกลาง และโอนเงินดังกล่าวให้แก่องค์กรท้องถิ่นต่างๆ โดยส่งรายงานการจัดสรรเงินให้แก่ กองคลัง ปีละ 4 งวด ดังนี้
ระยะเวลา เงินที่จัดเก็บในเดือน จัดสรรภายในเดือน
งวดหนึ่ง ตุลาคม - ธันวาคม มกราคม
งวดสอง มกราคม - มีนาคม เมษายน
งวดสาม เมษายน - มิถุนายน กรกฏาคม
งวดสี่ กรกฎาคม - กันยายน ตุลาคม
ดูเอกสารย้อนหลังได้ที่ http://www.dmf.go.th/index.php?act=service&sec=revenue
****************************
ที่มา
กรมเชื้อเพลิงพลังงาน
บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด
ขอบคุณรูปภาพจาก http://daily.bangkokbiznews.com/
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ