A-Z บทสรุปฟุตบอลโลก 2014

17 ก.ค. 2557 | อ่านแล้ว 2404 ครั้ง


A             Algeria and Gaza: นอกจาก "แอลจีเรีย" ผลงานการทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในประวัติศาสตร์ พวกเขายังน่ากราบสุดยิ่งใหญ่ หลังตัดสินใจมอบเงินโบนัสทั้งหมดจำนวน 9 ล้านดอลลาร์ให้กับผู้คนในฉนวนกาซาที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากกลางสงคราม "อิสราเอล vs ปาเลสไตน์" มายาวนาน

B             Bit: พูดถึงเรื่อง "กัด" กับเวิลด์คัพ 2014 คงหมายถึงใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก "หลุยส์ ซัวเรซ" ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย ที่เพิ่งจะก่อวีรกรรมสุดฉาวซ้ำซากอีกหน เมื่อไปกระโดดงับหัวไหล่ "จอร์จิโอ้ คลิเอลลินี่" กองหลังอิตาลีจมเขี้ยวในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ทำให้โดนแบนยาวถึง 9 นัด และห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอล 4 เดือน พร้อมปรับเงินอีกจำนวนหนึ่ง

C             Cost: นอกจากค่าสร้างสนามและสาธารณูปโภคระดับมโหฬารแล้ว ฟุตบอลโลก 2014 ยังเป็นปีที่มีเงินรางวัลสูงสุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากฟีฟ่าอนุมัติการเพิ่มเงินรางวัลขึ้นอีก 37 เปอร์เซ็นต์ ทำให้แชมป์จะได้รับเงินรางวัลมากถึง 35 ล้านดอลลาร์ รองแชมป์ 25 ล้านดอลลาร์ อันดับสาม 22 ล้านดอลลาร์ และอันดับสี่ 20 ล้านดอลลาร์ เมื่อรวมเข้ากับเงินโบนัสอื่นๆ แล้วจะมีค่าใช้จ่ายตรงนี้มากถึง 576 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

D             Disappoint: ความน่าผิดหวังครั้งใหญ่ของแฟนบอลทั่วโลก คงหนีไม่พ้นการกอดคอกันตกรอบอย่างรวดเร็วของทีมใหญ่อย่างสเปน อังกฤษ ตาลี และโปรตุเกศ ที่ทำให้ความสนุกตื่นตาสำหรับกองเชียร์บางกลุ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด

E              Error: การเป่าตัดสินเกมของกรรมการในปีนี้ ค่อนข้างได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากพอสมควรหลังเกิดความผิดพลาดและปล่อยเกมในหลายนัด โดยเฉพาะ "ยูอิชิ นิชิมูระ" และ "คาร์ลอส เบลาสโก้ คาร์บัลโล่" ที่ตัดสินเกมได้หน้ากังขาหลายจุดว่า "จับสลากเข้ามาเป็นกรรมการหรือเปล่า?"

F              Fan: จำนวนแฟนบอลที่เข้าชมเวิลด์คัพ 2014 ในสนามมีทั้งสิ้น 3,429,873 คน มากเป็นอันดับ 2 ของประวัติศาสตร์ เป็นรองเพียงปี 1990 ที่สหรัฐอเมริกาที่มีผู้เข้าชมรวม 3,587,538 คน ส่วนเกมที่มีผู้เข้าชมในสนามมากที่สุดของปีนี้คือนัดชิงชนะเลิศ จำนวน 74,738 คน และน้อยที่สุดคือเกมรอบแรกระหว่างรัสเซียกับเกาหลีใต้ จำนวน 37,603 คน

G             Goalkeeper of age: คงต้องยกให้ปีนี้เป็นปีทองของ "ผู้รักษาประตู" เพราะมือกาวหลายคนเกิดอาการ "องค์ลง" โชว์ซุปเปอร์เซฟกันอุตลุดจนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญยามคับขันให้กับทีม อาทิ กิลเลียโม่ โอชัว, ทิม โฮเวิร์ด, ทิม ครูล, มานูเอล นอยเออร์, เดวิด ออสพิน่า ฯลฯ

H             High Technology: เวิร์ดคัพครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ฟีฟ่าจัดเต็มเรื่องเทคโนโลยี "โกลไลน์" ช่วยตัดสินจังหวะทำประตู ไปจนถึงเทคโนโลยีการบันทึกภาพ 4k เพื่อภาพอภิมหาคมชัด รวมทั้งอัดมุมกล้องเข้าไปทุกแง่มุมของสนามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

I               Investment: บราซิลทุ่มงบจัดฟุตบอลโลกทั้งสิ้น 14,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าปี 2006 ประมาณ 2 เท่า และมากกว่า 4 ปีก่อน 4 เท่า ถือเป็นเม็ดเงินที่น่าตื่นเต้นของคอบอลทั่วโลก แต่กลับเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นเปลืองของชาวบราซิลกว่าค่อนประเทศ เนื่องจากบราซิลกำลังประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจและระบบสาธารณูปโภค ทำให้เกิดการต่อต้านการเป็นเจ้าภาพบอลโลกมากกว่า 2 ปี ทว่า "ดิลม่า รูสเซฟฟ์" ประธานาธิบดีแซมบ้าได้ให้เหตุผลว่าฟุตบอลโลกจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจชั้นดีในระยะยาว แต่ด้วยการก่อสร้างที่ไม่คืบหน้าและโครงสร้างไม่แข็งแรงปลอดภัย รวมทั้งปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นทุกภาคส่วนก็ยิ่งเริ่มทำให้สถานการณ์เริ่มแย่ลงทุกขณะ ทำให้มีโอกาสไม่น้อยที่บราซิลอาจจะต้องเดินซ้ำย่ำตามรอยเท้าของ "กรีซ" หลังเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2004 ก็เป็นได้

J              Joachim Low: เครดิตแชมป์โลกสมัยที่ 4 ของเยอรมนีคงต้องมอบเครดิตส่วนมากให้กับ "โยอาคิม เลิฟ" กุนซือมาดเท่ลุกนายแบบที่ปลุกปั้นทีมชุดนี้มานานนับ 10 ปี ตั้งแต่รับหน้าที่เป็นมือขวาให้กับ "เจอร์เก้น คลินท์มันน์" ในปี 2004 ก่อนจะก้าวมาเป็นกุนซือใหญ่หลังจบฟุตบอลโลก 2016 จนได้ทีมที่มีระบบแน่นพร้อมเอาชนะทุกทีมในโลกเช่นปัจจุบัน

K             Klose: ก่อนเวิลด์คัพเริ่มต้น "โรนัลโด้" ศูนย์หน้าระดับตำนานของบราซิลได้พูดติดตลกว่า "ถ้าโคลเซ่ที่ทำลายสถิติยิงประตูสูงสุดของตัวเองลงได้ในบราซิล ผมคงจะขำไม่ออกแน่นอน" คล้อยหลังได้ไม่นาน "มิโรสลาฟ โคลเซ่" ก็ยิงประตูที่ 15 ทาบสถิติโล้นทองคำ ก่อนจะทำให้โรนัลโด้จุกอกด้วยการสร้างสถิติ 16 ประตูในเกมถล่มบราซิลไป 7-1 ปิดฉากเวิลด์คัพที่งดงามมากของโคลเซ่

L              Louis Vuitton: อีกหนึ่งความน่าสนใจแสนหรูหราระดับ "ลักเซอรี่" ของฟุตบอลโลก 2014 เห็นจะเป็นการเลือกใช้กล่องหนังของแบรนด์ชื่อดังอย่าง "Louis Vuitton" ในการบรรจุ "ถ้วยจูลส์ ริเมต์" สำหรับเดินทางสู่ ณ สนามมาราคาน่า โดยมี "กิเซล บุนด์เชน" ซุเปอร์โมเดลสาวชาวบราซิลเป็นผู้เชิญรางวัล

M            Man of Tournament: ตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมของปีนี้ได้แก่ "ลิโอเนล เมสซี่" ตัวรุกทีมชาติอาร์เจนตินาตามคาด เพราะเขาแทบไม่เคยพลาดรางวัลส่วนตัวจากฟีฟ่าเลยสักครั้งที่มีโอกาสเข้าชิง ยิ่งมีสถิติ "แมนออฟเดอะแมตช์" 4 นัดมากสุกของทัวร์นาเมนต์ บวกกับการแบกทั้งทีมไว้บนบ่าแบบนี้ ยิ่งไม่มีใครกล้าเถียงตำแหน่งนี้แน่นอน

N             Neymar: น่าสงสารอย่างจับใจกับอาการบาดเจ็บของ "เนย์มาร์" ที่โดน "ฮวน ซูนิก้า" อัดเข้ากลางหลังจนกระดูสันหลังร้าว เฉียดเส้นความพิการไปเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตร ส่งผลให้ต้องจบฟุตบอลโลกของตัวเองลงอย่างเป็นทางการพร้อมฟอร์มการเล่นของบราซิลที่หดไปเมื่อไม่มีเนย์มาร์แบกทีม

O             Overrate: ทีมโอเวอร์เรตที่สุดของโลกคงต้องยกให้ "อังกฤษ" เพราะเป็นทีมที่มีคนทั่วโลกติดตาม อีกทั้งมักถูกอวยว่ามีแข้งชั้นดีได้รับการคาดหวังสูง แต่ผลงานที่เห็นบนดินแดนบราซิลและทัวร์นาเมนต์อื่นๆ มักน่าผิดหวัง ไม่ได้ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศมากกว่า 40 ปี

P             Protest: การทุ่มเงินมหาศาลจำนวน 14,000 ล้านดอลลาร์ได้ทำให้ชาวบราซิลจำนวนมากออกมาชุมนุมต่อต้าน เพราะไม่เห็นด้วยกับการสูญเสียเม็ดเงินไปให้เกมลูกหนังอย่างฟุ่มเฟือยแทนที่จะนำเงินไปพัฒนาประเทศให้ดี จนเกิดจราจลมากมายตามที่เห็นไปแล้วตามหน้าสื่อ

Q             Quality: สุดยอดทีมคุณภาพประจำเวิลด์คัพครั้งนี้ต้องเป็น "เยอรมนี" ทีมเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะอุดมไปด้วยเกมรุกและเกมรับชั้นเลิศ จนทำให้มีชื่อเข้าชิงตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมถึง 4 คน คือ แมตส์ ฮุมเมลส์, โทนี่ โครส, ฟิลิป ลามห์ และโธมัส มุลเลอร์ ก่อนที่จะชวดไปทั้งหมดทุกคนอย่างน่าแปลกใจ มีเพียง "มานูเอล นอยเออร์" ที่ซิวรางวัลถุงมือทองคำไปแค่คนเดียว

R             Record: สถิติที่น่าสนใจในเวิลด์คัพปีนี้คือการทำประตุมากถึง 171 ประตู เทียบเท่าสถิติสุงสุดตลอดกาลของ "ฟรองซ์ 98" ส่วนทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดคือ "คอสตาริกา" เสียเพียง 2 ประตูเท่านั้น ปิดท้ายด้วยนักเตะเร็วสุดคือ "ดาริโอ เซอร์น่า" ของโครเอเชียที่วิ่งสปรินต์ด้วยความเสีย 32.98 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

S              Super Striker: ดาวซัลโวปีนี้เป็นของ "เจมส์ โรดริเกวซ" กองหน้าฟอร์มร้อนแรงของโคลอมเบียที่ซัดไปทั้งสิ้น 6 ประตู พร้อมกับจ่ายให้เพื่อนยิงอีก 2 ตุง ช่วยให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

T              Tragedy of Brazilian: ผลงานความล้มเหลวของบราซิลยุค "หลุยซ์ ฟิลิเป้ สโคลารี่ 2" จัดได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรมขั้นรุนแรงทางจิตใจของชาวแซมบ้ามากทีเดียว เพราะนอกจากจะช้ำกับการเห็นรัฐบาลลงทุนอย่างบ้าคลั่งกับเวิลด์คัพแล้วยังต้องมองดูทีมรักเล่นบอลแบบไร้สไตล์แซมบ้า กว่าจะชนะแต่ละนัดก็แทบหืดจับ แถม 2 นัดสุดท้ายยังโดนถลุงประตูไปถึง 10 ประตู (7-1 เป็นความพ่ายแพ้มากสุดในประวัติศาสตร์บราซิล) แถมยังเป็นทีมที่เสียประตูมากสุดอีกด้วย

U             Underdog: ตำแหน่งนี้ต้องค้อมน้อมตัวมอบให้ "คอสตาริกา" ได้เพียงทีมเดียวเท่านั้น เนื่องจากเป็นม้านอกสายตาและทีมเต็งตกรอบแรกมาตลอด จนกระทั่งพวกเขาผ่านกรุ๊ปออฟเดทที่มีอุรุกวัย อังกฤษ อิตาลี มาได้ด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่ม ก่อนจะชนะกรีซในรอบ 16 ทีมสุดท้ายและยื้อเนเธอแลนด์ได้ถึงการดวลจุดโทษ ทีมกล้วยหอมชุดนี้จึงได้กลายเป็นสุดยอดทีมอันเดอร์ด็อกแห่งปีไปทันที

V             Violence: การเข้าสกัดในฟุตบอลโลกครั้งนี้นับว่ารุนแรงมาก นอกจากความโหดของ "ฮวน ซูนิก้า" ที่เล่นงานเนย์มาร์หลังเดาะ บราซิลก็เป็นอีกทีมที่เล่นหนักมากจนเยอรมนีต้องออกมาบอกให้กรรมการคอยจับตาดูให้ดี แถมนัดชิงระหว่างเยอรมนีกับอาร์เจนตินายังปะทะกันในจังหวะ 50/50 จนถึงขั้นเลือดตกยางออกกันไปแล้ว

W           Winner: แชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ตกเป็นของ "เยอรมนี" ในยุคของ โยอาคิม เลิฟ ที่มีขุนพลชั้นยอดและระบบชั้นเลิศเป็นกำลังสำคัญในการทำสถิติ 4 สมัย เทียบเท่าอันดับสองอย่างอิตาลี การคว้าแชมป์ครั้งนี้ของอินทรีเหล็ก นอกจากจะเป็นการกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งในรอบ 24 ปีเต็มยังถือเป็นการคว้าแชมป์โลกครั้งแรกในนาม "เยอรมนี" อีกด้วย เนื่องจาก 3 สมัยก่อนหน้า พวกเขาใช้ชื่อ "เยอรมนีตะวันตก" เข้าร่วมแข่งขัน แม้เยอรมัน 2014 จะไม่ถึงขั้นทีมสมบูรณ์แบบแข็งแกร่งทั่วแผ่น แต่ด้วยความโดดเด่นในเกมรุกและการเล่นที่เป็นระบบ ไม่ง้อซูเปอร์สตาร์ของเลิฟ ได้ช่วยกลบจุดด้อยในแผงหลังได้ค่อนข้างดี จนได้แชมป์มาได้แบบไม่แพ้ใครสักนัดเดียว

X             Extra: "มาริโอ กอตเซ่" ตัวรุกวัย 22 ของเยอรมนี ถือเป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่ได้รับการคาดหวังมากที่สุด ซึ่งกอตเซ่ก็ไม่ได้ทำให้สาวกลูกหนังเมืองเบียร์ผิดหวัง เมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาเป็นซูเปอร์ซับซัดประตูชัยในรอบชิงชนะเลิศอย่างสวยงาม ช่วยให้เยอรมนีซิวแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 4

Y             Yellow: การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้ทำให้โลกถูกย้อมไปด้วยสีเหลืองของเสื้อทีมชาติบราซิล อันเป็นสีที่ "อัลดายร์ กราเซีย ชาห์ลี" นักวาดภาพประกอบลงหนังสือพิมพ์เมื่อ 61 ปีก่อน ออกแบบเอาชนะใจกรรมการจนกลายเป็นสีประจำลูกหนังบราซิลนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

Z              Zealot: แม้ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดจะเต็มไปด้วยปัญหาภายนอกสนาม แต่ด้วยความเป็นชาติที่คลั่งไคล้เกมลูกหนังลงลึกถึงแก่นของบราซิลได้ทำให้พวกเขายอมพักการต่อต้านการแข่งขันครั้งนี้ลงในหลายส่วนชั่วคราว เพื่อรวมพลังเชียร์ทีมชาติแสนรักของตัวเองและสร้างสีสันได้อย่างทรงพลัง จนกลายเป็นบรรยากาศเวิลด์คัพที่น่าจดจำมากที่สุดในประวัติศาสตร์

*******************

ที่มา

A-Z บทสรุปฟุตบอลโลก 2014 เรื่องโดยภูมิ ชื่นบุญ ประชาชาติธุรกิจ

ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.tnnthailand.com

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: