เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มงานโบราณคดีใต้น้ำกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม นำโดย นายสิริ พลอยมุกดา นักโบราณคดีปฎิบัติการและคณะสำรวจ ลงพื้นที่อ่าวท้องโข หมู่ 13 ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน จ.ชุมพร หลังรับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่า พบซากเรือรบโบราณสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จมอยู่ใต้น้ำมาร่วมเกือบ 100 ปีจึงประสานงานกับ นายบรรยงค์อินทมาตย์ นายก อบต.บางน้ำจืดเพื่อเข้ามาสำรวจพื้นที่ดังกล่าว

นายสิริเปิดเผยว่า โครงการสำรวจแหล่งเรือจมที่เกาะพิทักษ์ อ.หลังสวน เนื่องจากกลุ่มงานโบราณคดีใต้น้ำกรมศิลปากร ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่และจากประชาชนหลายรายว่าในพื้นที่หมู่ 11 บ้านทองโข ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน จ.ชุมพร มีเรือรบหรือเรืออะไรไม่ทราบชัดเจน แต่ทราบว่าเป็นของญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ชัดเจนมาก เพราะยังคงความสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นโดยการบอกเล่าของคนเก่าคนแก่ที่พอยังมีอายุหรือคนรุ่นหลังที่พ่อแม่เล่าให้พร้อมทั้งประสบการณ์จริงที่ได้ดำลงไปดูในใต้ท้องทะเลตรงนี้ว่าเป็นเรือบรรทุกน้ำมันของญี่ปุ่น ให้ลงมาสำรวจซากเรือโบราณด้วย

จึงได้ส่งทีมนักประดาน้ำสำรวจพบว่าซากเรือโบราณดังกล่าวจมอยู่ใต้น้ำลึกจากผิวน้ำประมาณ 4 เมตร ในช่วงเวลาที่น้ำลงต่ำสุด เป็นเรือเหล็กตัวเรือมีความยาวเกือบ 50 เมตร กว้างประมาณ 8 เมตร ถูกทรายทับถมโดยตัวเรือตั้งอยู่ในลักษณะขนาบกับพื้นทะเล สันนิษฐานว่า ส่วนหัวของเรืออยู่ทางทิศเหนือและท้ายเรืออยู่ทางทิศใต้ ส่วนอายุของเรือและชนิดของเรือนั้น ยังไม่ทราบและจะทำการสำรวจในครั้งนี้ ได้ดำลงไปสำรวจถึง 3 วัน เพื่อให้ทราบชัดเจนของเรือลำนี้ ซึ่งคณะสำรวจจะอยู่ในพื้นที่ เพื่อสำรวจซากเรือโบราณดังกล่าว ประมาณ 7 วัน รวมใช้เวลาในการสำรวจ 10 วัน

ด้านนายสวัสดิ์ หิ้นเตี้ยน อายุ 74 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ กล่าวถึงความเป็นมาของซากเรือรบเหล็กโบราณว่า จากคำบอกเล่าของพ่อแม่ปู่ย่าตายายว่า ในช่วงที่ตนเกิดในปี 2484 ซึ่งได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกยัง จ.ชุมพร บริเวณสะพานท่านางสังข์ ต.ท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้งอนุสาวรีย์ยุวชนทหาร เนื่องจากมีการสู้รบในบริเวณดังกล่าว และทหารญี่ปุ่นยังยกพลขึ้นบกที่อ่าวท้องโข บ้านท้องครก ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน ซึ่งระหว่างที่กองกำลังทหารญี่ปุ่นตั้งกองกำลังอยู่ที่อ่าวท้องโข ชาวบ้านในพื้นที่พบเห็นเรือลำดังกล่าวเข้าออกในพื้นที่เพื่อขนส่งเสบียงและเชลยศึกอยู่บ่อยครั้ง และมีชาวบ้านเห็นว่า ระหว่างที่เรือรบดังกล่าว กำลังจะเข้าเทียบฝั่งถูกลอบยิงจากเรือดำน้ำของฝ่ายสัมพันธมิตร ที่บริเวณหน้าเกาะพิทักษ์ และมีเรือไม้ลากเรือรบลำดังกล่าวเข้ามาที่ฝั่ง แต่เนื่องตัวเรือน่าจะเสียหายหนักมาก ทำให้เรือรบลำดังกล่าวจมลงใต้ทะเล ห่างจากฝั่งเพียง 800 เมตร

ที่ผ่านมามีชาวบ้านบางคนแอบเข้าไปตัดเอาอุปกรณ์ของซากเรือลำดังกล่าว  ทำให้ความสมบูรณ์ของเรือมีไม่มาก และยังปล่อยไว้นานหลายสิบปี โดยที่ไม่มีการอนุรักษ์ ทำให้มีทรายทับถมตัวเรือและเริ่มผุพังตามกาลเวลา

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai