สาละวินนิวส์ ออนไลน์ รายงานว่า สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือเคเอ็นยู (Karen National Union) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวดีวีบีว่า จะไม่อนุญาตให้สร้างเขื่อนฮัตจีบนแม่น้ำสาละวิน จนกว่าพม่าจะมีสันติภาพอย่างแท้จริง ในขณะที่ในปี พ.ศ.2557 ทางรัฐบาลพม่าได้เปิดทางให้จีนและไทย สร้างเขื่อน 6 แห่งบนแม่น้ำสาละวิน ซึ่งพบว่าโครงการเขื่อนนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยและอยู่ในพื้นที่สู้รบ
เคเอ็นยูเป็นอีกกลุ่มที่ออกมาต่อต้านโครงการเขื่อนฮัตจี โดยระบุว่าต้องการให้มีความโปร่งใสมากขึ้นจากโครงการดังกล่าว และจะพิจารณาโครงการนี้ก็ต่อเมื่อมีสันติภาพที่แท้จริงในพม่า
“โครงการเขื่อนฮัตจีนั้นอยู่ในเขตควบคุมของเรา จุดยืนของเราคือจะไม่อนุญาตให้มีโครงการเมกะโปรเจกต์จนกว่าจะมีการรับประกันหลังมีการเจรจาทางการเมือง” ซอว์ เครโด โฆษกของเคเอ็นยูจากกองพลที่ 5 กล่าว
เขื่อนฮัตจีถือเป็นเขื่อนแห่งแรกที่เริ่มดำเนินก่อสร้างบนแม่น้ำสาละวิน อย่างไรก็ตาม ต้องหยุดชะงักลงเมื่อปี 2550 หลังเกิดเหตุปะทะกับเคเอ็นยู ทั้งนี้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้กดดันให้พม่าเร่งก่อสร้างเขื่อน อย่างไรก็ตาม ทางเคเอ็นยูออกมาเปิดเผยว่า จะไม่ยอมให้ผู้รับเหมากลับมาสร้างเขื่อน จนกว่าจะมีการลงนามหยุดยิง โดยทางเคเอ็นยูระบุว่า โครงการลงทุนใด ๆ ควรที่จะสร้างผลประโยชน์ต่อชาวบ้านท้องถิ่น และสนับสนุนการสร้างสันติภาพในพม่า ขณะที่โครงการนี้มาพร้อมกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่จะถูกทำลาย การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการบังคับให้ย้ายถิ่นฐาน
และเมื่อวันศุกร์ที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา มีชาวบ้านราว 200 คน ได้รวมตัวกันตรงบริเวณปากแม่น้ำสาละวินเพื่อสวดมนต์ให้มีการระงับสร้าง 6 เขื่อนบนแม่น้ำสาละวิน เนื่องจากกังวลว่า แม่น้ำสาละวินจะถูกทำลายหากโครงการเหล่านี้สร้างขึ้น นอกจากนี้ ผู้นำชนกลุ่มน้อยกล่าวว่า หากโครงการก่อสร้างเกิดขึ้นในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยอาจส่งผลกระทบต่อการกระบวนการสร้างสันติภาพ
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ