กอ.รส.นัดทูตแจง23พ.ค. ปัดจับอาวุธมุ่งเป้าเสื้อแดง

22 พ.ค. 2557 | อ่านแล้ว 1435 ครั้ง

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 22 พฤษภาคม ที่สโมสรทหารบก พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงความคืบหน้าการปฏิบัติการตามนโยบายปราบปราม และจับกุมอาวุธสงคราม ซึ่งเป็นปัญหาหลักของความไม่สงบที่เกิดขึ้นครั้งนี้ และเป็นนโยบายเร่งด่วนของกอ.รส.ที่จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา กอ.รส.ได้มีคำสั่งห้ามมีการพกพาอาวุธสงคราม ยกเว้นทหาร และตำรวจตระเวนชายแดน ที่ปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนกองกำลังป้องกันชายแดน และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งในส่วนอื่น ๆ จะไม่อนุญาตให้พกพกอาวุธสงครามได้

ทั้งนี้จากปฏิบัติการปราบปรามอาวุธสงครามเจ้าหน้าที่จับกุมได้ 4 คดี โดยคดีที่ 1 จับได้ที่ จ.นครนายก ซึ่งอยู่ระหว่างการหาตัวผู้กระทำผิด คดีที่ 2 ผู้กระทำผิดถูกตรวจจับได้ที่เขตทวีวัฒนา ใกล้เคียงพื้นที่ชุมนุม เป็นปืนเล็กยาวเอเค 47 หรือ ปืนอาก้า 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 30 นัด คดีที่ 3 จับได้ที่ จ.ลพบุรี ได้ของกลางจำนวนมาก รวมถึงวัตถุระเบิด คดีที่ 4 จับได้เขตพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เป็นเสื้อเกราะ และหมวกเคฟล่ากันกระสุน อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานเพิ่มเติมล่าสุดว่า เจ้าหน้าที่จับกุมได้อีก 1 คดี เป็นคดีที่มีจำนวนของกลางจำนวนมาก รวมถึงมีอาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดร้ายแรงด้วย ซึ่งรายละเอียดจะนำให้ทราบภายหลัง

ผู้สื่อข่าวถามว่า อาวุธที่จับมาได้เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุหลายครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า อาวุธทั้งหมดขณะนี้อยู่ขั้นตอนสืบสวนสอบสวน ทางกอ.รส.ไม่ต้องการให้ผู้ไม่หวังดี คิดหรือทำอะไรให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ เพราะถือเป็นเรื่องที่อ่อนไหว และกอ.รส.ยืนยันว่าเราจะดำเนินการโดยคำนึงถึงความรู้สึกของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม อย่างไรก็ตามขณะนี้กอ.รส.กำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบเรื่องอาวุธสงคราม และยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยเพื่อให้สังคมเห็นว่า ทหารมีความจริงใจในเรื่องนี้

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีข่าวเรื่องการเตรียมก่อเหตุในที่ใดบ้างหรือไม่ รองโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อมูลอยู่ ยังไม่มีคความชัดเจน เพราะลักษณะการก่อเหตุยังไม่ชัด เมื่อถามว่า การที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ระบุว่าการเร่งตรวจสอบเรื่องอาวุธ เพราะเจ้าหน้าที่ทหารต้องการสลายการชุมนุมของกลุ่มนปช. พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ยังไม่ควรที่จะไปสรุปเช่นนั้น ทหารยืนยันว่าทำตามกรอบกฎหมาย และไม่ได้มุ่งตรวจสอบไปที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น หรือไม่ได้พุ่งเป้าไปเฉพาะที่คนเสื้อแดงแต่อย่างใด

ขอบคุณภาพจากโพสต์ทูเดย์

รองโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า ขณะนี้ยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการใช้อำนาจกฎอัยการศึก ซึ่งขอยืนยันว่า การประกาศกฎหมายดังกล่าว ประกาศเมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. มีกำลังทหารเกินกว่า 1 กองพัน และมีอำนาจรับผิดชอบทั้ง 4 กองทัพภาค จึงถือว่ามีเขตอำนาจครอบคลุมทั่วราชอาณาจัร ดังนั้นเมื่อมีแนวโน้มจะเกิดจลาจล และกระทบต่อความมั่นคง รวมถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ผบ.ทบ.จึงมีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร โดยมีผลบังคับใช้ทันที รวมทั้งได้รายงานให้รัฐบาล และผู้บังคับบัญชารับทราบทุกประการ

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญมาตรา 188 วรรคสอง ระบุว่า กรณีที่จำเป็นต้องประกาศกฎอัยการศึก ทหารสามารถทำได้ตามกฎหมายว่าด้วยพ.ร.บ.กฎอัยการศึก โดยมาตรา 2 ในพ.ร.บ.กฎอัยการศึกระบุว่า เมื่อมีความจำเป็นต้องรักษาความสงบเรียบร้อย ปราศจากภัยซึ่งมาจากภายนอกหรือภายในราชอาณาจักรแล้ว จะได้มีประกาศพระบรมราชโองการให้ใช้กฎอัยการศึกทุกมาตรา หรือแต่บางมาตรา หรือข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งของมาตรา ตลอดจนการกำหนดเงื่อนไขแห่งการใช้บทบัญญัตินั้นบังคับในส่วนใดส่วนหนึ่งของราชอาณาจักร หรือตลอดทั่วราชอาณาจักร และถ้าประกาศใช้เมื่อใด หรือที่ใดแล้ว บรรดาข้อความในพ.ร.บ.หรือกฎหมายใด ๆ ซึ่งขัดกับความของกฎอัยการศึกที่ใช้บังคับต้องระงับ และใช้บทบัญญัติของกฎอัยการศึกที่ใช้บังคับนั้นแทน และมาตรา 4 เมื่อมีสงครามหรือจลาจลขึ้นแห่งใด ให้ผู้บังคับบัญชาทหาร ณ ที่แห่งนั้น ซึ่งมีกำลังอยู่ใต้บังคับบัญชาไม่น้อยกว่า 1 กองพัน หรือเป็นผู้บังคับบัญชาในป้อม หรือที่มั่นอย่างใดๆ ของทหารมีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึก เฉพาะในเขตอำนาจหน้าที่ของกองทหารนั้นได้ แต่ต้องรีบรายงานให้รัฐบาลทราบโดยเร็วที่สุด

ทางด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงความเชื่อมั่นหลังประกาศใช้กฎอัยการศึกว่า สองวันที่ผ่านมาหลังจากประกาศใช้กฎอัยการศึก ประชาชน และผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ยังดำเนินกิจการต่าง ๆ ได้ตามปกติ เศรษฐกิจไม่ได้หยุดชะงัก ซึ่งทางกอ.รส.จะให้การดูแลสร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม และพร้อมปกป้องดูแลผลประโยชน์ของทุกชาติที่อยู่ในประเทศให้ดำเนินกิจการได้ต่อเนื่อง สำหรับการดูแลความปลอดภัยสถานทูตต่าง ๆ หากสถานทูตใดต้องการขอกำลังเจ้าหน้าที่ของกอ.รส.เพื่อรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม กอ.รส.ก็ยินดีให้การสนับสนุน ส่วนการเผยแพร่ข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต ขณะนี้ที่มีเว็บเพจของกอ.รส. ขอยืนยันว่ากอ.รส.ยังไม่ได้ดำเนินการจัดตั้งเว็บเพจใด ๆ ทั้งสิ้น ขอให้ระมัดระวังการเผยแพร่ และอย่าแต่งเติมข้อมูล อย่านำเอาประกาศคำสั่งลงในเว็บเพจดังกล่าว ไม่เช่นนั้นกอ.รส.จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนเว็บเพจอย่างเป็นทางการขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่

เมื่อถามถึงการรักษาความปลอดภัยให้กับสถานทูตต่าง ๆ ในประเทศไทย พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก ตอบว่า หลังจากประกาศกฎอัยการศึกทางสถานทูตได้ติดต่อสอบถามเข้ามา แต่ยังไม่มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้าดู และรักษาความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ในการเชิญทูตานุทูตประเทศต่าง ๆ ที่ประจำประเทศไทย เข้ารับฟังแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของกอ.รส. ในวันที่ 23 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี จะมี พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รองผบ.ทบ.ในฐานะรองผอ.รส. เป็นประธานการประชุม จะได้ชี้แจงให้ทราบ

ขอบคุณภาพประกอบข่าวจากโพสต์ทูเดย์

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: