ผบ.ทบ.นำผบ.เหล่าทัพแถลง‘รัฐประหาร’ คุมตัว25แกนนำ-'กปปส.-นปช.'สลายตัว

22 พ.ค. 2557 | อ่านแล้ว 1982 ครั้ง

ผบ.ทบ.นำผบ.เหล่าทัพแถลงควบคุมอำนาจรัฐ

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 22 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผอ.กอ.รส. พร้อมด้วยผบ.เหล่าทัพ และตัวแทนผบ.สส.ในฐานะที่ปรึกษา กอ.รส. ประกอบด้วย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผบ.ตร. และพล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รอง ผบ.สส. นั่งแถลงข่าว ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 1/2557 เรื่อง การควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ระบุว่า

            ตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขตปริมณฑล และพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศหลายๆ พื้นที่ เป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง และเหตุการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัว จนอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวมนั้น

            เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคี เช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทั่วทุกฝ่าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วย กองทัพบก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 เวลา 16.30 เป็นต้นไป

            ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนอยู่ในความสงบ ดำเนินวิถีชีวิตและประกอบอาชีพต่อไปตามปกติ ให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการดังที่เคยปฏิบัติ

          สำหรับข้าราชการทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่าง ๆ ที่มีอาวุธเพื่อใช้ในราชการของหน่วย ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังและอาวุธโดยเด็ดขาด เว้นแต่จะได้รับคำสั่งจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่เพียงผู้เดียว

            สำหรับคณะทูตานุทูต สถานกงสุล องค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งชาวต่างประเทศที่พำนักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะได้ให้ความคุ้มครอง และขอยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทย กับองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ยังเป็นไปตามปกติ ตามที่รัฐบาลชุดเดิมดำเนินการไว้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะยึดมั่นในความจงรักภักดี และจะปกป้องเทิดทูนดำรงรักษาไว้ ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจประชาชนชาวไทย และทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง

            ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557

สำหรับผู้ที่ถูกควบคุมตัว 25 คน ประกอบด้วย ฝ่ายรัฐบาล นายชัยเกษม นิติสิริ นายวราเทพ รัตนากร นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายจุติ ไกรฤกษ์ นายศิริโชค โสภา นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ กปปส.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข นปช. นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง

ลือก่อนรวบแกนนำ 7 ฝ่ายขึ้นรถตู้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เวลา 16.40 น. มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่าง ๆ ระบุว่า เกิดความแตกตื่นขึ้นในหมู่สื่อมวลชนที่ไปติดตามทำข่าวการหารือ 7 ฝ่ายที่ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี ซึ่งเป็นที่ตั้งของกอ.รส. โดยการประชุมเริ่มตั้งแต่เวลา 14.00 น. เกิดความแตกตื่นขึ้น เมื่อผบ.เหล่าทัพเดินออกจากที่ประชุม ขณะเดียวกันก็มีรถตู้สีขาวของทหารนำตัวแกนนำกลุ่มต่าง ๆ ไปยัง ร.1 รอ. โดยมีทหารใช้รถฮัมวีกันไม่ให้สื่อติดตาม และทางกอ.รส. กำลังจะแถลงผ่านโทรทัศน์

ส่วนนายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวอาวุโสบีบีซี ประจำประเทศไทย ซึ่งติดตามทำข่าวนี้ด้วย ได้ทวิตเตอร์ไปทั่วโลก ระบุว่า ขณะนี้กองทัพควบคุมตัวแกนนำแต่ละฝ่ายเอาไว้หมดแล้ว และกำลังเตรียมการก่อรัฐประหาร

นอกจากนี้ ผู้สื่ีอข่าวรายงานจากสโมสรทหารบกว่า การประชุมซึ่งดำเนินมาตั้งแต่เวลา 14.00 น. ได้ยุติลงในเวลาประมาณ 16.20 น. โดยรายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงเริ่มการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะผอ.รส. ได้ให้แต่ละฝ่ายหารือการบ้าน 5 ข้อ ที่ให้ไปเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ปรากฎว่าไม่ได้ข้อสรุป ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด จากนั้น ผบ.ทบ.สั่งให้แกนนำม็อบทั้ง 2 ฝ่ายไปคุยกันในห้องส่วนตัวให้เรียบร้อย โดยทาง ผบ.ทบ.เข้าไปคุยด้วยช่วงแรก และสั่งกับทั้ง 2 ฝ่ายว่า “คุยให้จบ ถ้าไม่จบ ไม่ต้องกลับ”

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงมาที่ห้องรับรอง เพื่อหารือ ผบ.เหล่าทัพ ขณะที่ห้องใหญ่ยังอยู่ในความสงบ ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนออกไม่ได้ ซึ่งการประชุมครั้งนี้บรรยากาศค่อนข้างผิดปกติ เนื่องจากมีทหารถือปืนจำนวนมากอยู่ภายในอาคาร โดยมีการเฝ้าบันไดแต่ละขั้น และห้องน้ำทุกประตูทางเข้าออก โดยได้มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ และไม่ให้นำโทรศัพท์เข้าห้อง

จากนั้นเวลา 16.30 น. แกนนำม็อบทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าไปห้องประชุมใหญ่ และเวลา 16.35 น. ขบวนของ ผบ.ทบ. และเหล่าทัพ ได้วิ่งออกจากสโมสรทบ.ไปด้วยความรวดเร็ว จากนั้นได้มีรถทหารยีเอ็มซีประมาณ 6-7 คัน วิ่งไปปิดทางเข้า-ออก สโมสรทบ.ทันที และมีทหารพร้อมอาวุธครบมือมายืนเฝ้า ไม่ให้ผู้ร่วมประชุมทั้งหมด เดินทางออกจากที่ประชุมแม้แต่คนเดียว

ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ถูกทหารนำขึ้นรถตู้ออกไป โดยมีทหารนั่งขนาบข้าง ส่วนรถตู้คันที่ 2 มีนายเอกณัฎ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. ขึ้นไปด้วย ขณะที่แกนนำ นปช.ยังอยู่ภายในสโมสร ทบ.

การประชุม กอ.รส.ที่ยุติลงกลางคัน

นายพีรศักดิ์ พอจิต ว่าที่รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 เปิดเผยว่า ในขณะที่การประชุมกำลังจะได้ข้อสรุป แต่ปรากฎว่าตัวแทนของรัฐบาลไม่ยอมรับข้อเสนอทั้ง 5 ข้อที่สำคัญ คือ ให้รัฐบาลรักษาการลาออกจนทำให้ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกต้องสั่งพักการประชุมชั่วคราว และสั่งให้ ตัวแทนของ สว.และกกต.ออกจากที่ประชุมได้ หลังจากนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ได้ออกจากห้องประชุมมีทหารติดตามไปด้วย โดยใช้รถตู้สีขาว ออกจากสโมสรทหารบก โดยไม่ทราบเป้าหมาย  ขณะเดียวกัน ตัวแทนพรรคการเมืองยังอยู่ในพล.ร1 รอ.

คสช.ประกาศเคอร์ฟิว 4 ทุ่มถึงตี 5

วันเดียวกัน เวลา 18.15 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกทบ.อ่านแถลงการณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 2 เรื่อง การประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เข้ายึดอำนาจตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เวลา 16.30 น. เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นำความสงบสุขกลับคืนประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 ของกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม เวลา 16.30 น.เป็นต้นไป ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นไ ปจนกว่าจะมีคำส่งเปลี่ยนแปลง

ต่อมาพ.อ.วินธัย ได้อ่านแถลงการณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศห้ามประชาชนออกจากเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 22.00-05.00 น. เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อไม่ให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินกว่าเหตุและให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ตามกฎอัยการศึก เข้าปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่และระยะเวลาที่กำหนดตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

บีทีเอสให้บริการถึง3ทุ่ม

เวลา 18.40 น.นายอาณัติ อาภาภิรม ประธานกรรมการฝ่ายจัดการ รถไฟฟ้าบีทีเอส แจ้งว่า ตามที่มีการประกาศเคอร์ฟิวให้ประชาชนอยู่ในเคหะสถานระหว่างเวลา 22.00น. -05.00 น.  รถไฟฟ้าบีทีเอสจึงปรับเวลาการให้บริการถึงเวลา 21.00 น.ทุกเส้นทาง ส่วนในพรุ่งนี้จะเปิดให้บริการตามปกติตั้งแต่เวลา 06.00 น. และจะพิจารณาการปิดให้บริการตามสถานการณ์

คสช.ประกาศให้รธน.สิ้นสุดลงชั่วคราว ยกเว้นหมวด2พระมหากษัตริย์

เวลา 19.20 น.พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกทบ.อ่านแถลงการณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  ฉบับที่  5 เรื่อง ให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 สิ้นสุดชั่วคราว ยกเว็นหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ส.ว. ศาล องค์กรอิสระ  พร้อมกับประกาศให้อดีตรัฐมนตรีรักษาการรายงานตัวภายในวันที่ 22 พ.ค.นี้

เปิดเบื้องหลังนาทีรัฐประหาร

ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า แหล่งข่าวระดับสูงจากที่ประชุม 7 ฝ่ายที่กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) สโมสรกองทัพบก เปิดเผย “ข่าวสด” ถึงบรรยากาศก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะประกาศยึดอำนาจ ว่า ผู้เข้าร่วมประชุมชุดเดิมที่เดินทางไปต่างรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยในวันนี้ที่ทางกองทัพได้จัดกำลังทหารเข้ามาดูแลภายในตัวอาคารสโมสรกองทัพบก ที่ใช้เป็นสถานที่หารือจำนวนมาก โดยแต่ละคนพกอาวุธประจำกาย ขณะเดียวกันบรรดาเสนาธิการทหาร ก็ได้เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่วันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา แม้จะมีเจ้าหน้าที่ทหารประชำการในอาคารแต่ก็ไม่มีการพกพาอาวุธ และแต่ละเหล่าทัพก็มีเพียงผู้นำ หรือตัวแทนเหล่าทัพบางคนเท่านั้น นอกจากนี้ก่อนการหารือยังได้มีการขอเก็บเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดของผู้เข้าร่วมประชุม เนื่องจากการหารือเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ได้มีภาพภายในห้องประชุมออกไปเผยแพร่ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยากให้มีภาพในลักษณะดังกล่าวหยุดออกไปอีกและได้กีดกันผู้ติดตามให้ไปรอผู้ร่วมประชุมอีกชั้นหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อการประชุมเริ่มขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายได้เสนอแนวทางตามที่ได้ให้การบ้านไปก่อนหน้านี้ โดยแต่ละฝ่ายก็ยังคงนำเสนอแนวทางในมุมของตัวเองซึ่งเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศแล้ว เมื่อแต่ละฝ่ายไม่มีจุดร่วมที่ตรงกันพล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอพักการประชุมและเชิญแกนนำฝ่าย นปช. และ กปปส. ไปหารือร่วมกันอีกห้องหนึ่ง ประมาณ 45 นาที เมื่อกลับมาที่วงหารือแล้วก็ยังได้เชิญเฉพาะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ไปพูดคุยกันส่วนตัวประมาณ 1 นาที ก่อนที่จะกลับมาที่วงหารือ

จากนั้นพล.อ.ประยุทธได้สอบถามนายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรมในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายรัฐบาล ว่า ตกลงรัฐบาลยืนยันไม่ลาออกทั้งรายบุคคลและทั้งคณะใช่หรือไม่ ซึ่งนายชัยเกษม ระบุว่า "นาทีนี้ไม่ลาออก" พล.อ.ประยุทธ์ จึงบอกว่า “ถ้างั้นตั้งแต่นาทีนี้ ผมตัดสินใจยึดอำนาจการปกครอง” จากนั้นก็ได้เชิญ ตัวแทน ส.ว. และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกจากที่ประชุม โดยไม่มีการควบคุมตัวไว้แต่ขอให้ยังอยู่ในพื้นที่สโมสรทหารบกเพื่อรอเคลียร์บุคคลไม่เกี่ยวข้องให้ออกจากพื้นที่ก่อน ส่วนตัวแทนจากฝ่ายอื่นๆ ก็ได้ถูกควบคุมตัวไปยังสถานที่หนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการประกาศรัฐประหาร แกนนำม็อบทั้งกปปส.และนปช.ต่างประกาศให้ผู้ชุมนุมสลายตัวยุติการชุมนุมภายใน 1 ชั่วโมง

‘ปฏิวัติ’กับ‘รัฐประหาร’ต่างกันอย่างไร

ปฏิวัติ (revoluton) หมายถึง การเปลี่ยนรูปแบบหรือระบอบการปกครองประเทศ จากรูปแบบหนึ่ง ไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง อย่างสิ้นเชิง เช่น การปฏิวัติฝรั่งเศส (เปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ)หรือ ในประเทศไทย ก็คือสมัยรัชกาลที่ 7 ที่เปลี่ยนจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ)

ส่วน รัฐประหาร(coup de ta) หมายถึง การใช้กำลัง เพื่อเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาล โดยระบอบการปกครองยังคงเดิม เช่น การรัฐประหารสมัยจอมพล แปลก พิบูลสงคราม หรือ สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ ซึ่งจะเห็นว่า เปลี่ยนแปลงเฉพาะคณะรัฐบาลเท่านั้น โดยที่ประเทศไทยยังคงระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุขเช่นเดิม

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์

www.facebook.com/tcijthai

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: