เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ตรัง กระบี่ สงขลา สุราษฎร์ธานี พัทลุง ชุมพร เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ยกเลิกการสัมปทานปิโตรเลียมของประเทศไทยรอบที่ 21 และเปลี่ยนรูปแบบเป็นการแบ่งปันผลประโยชน์หลายประเทศในโลก รวมทั้งประเทศในอาเซียนต่างทะยอยยกเลิกวิธีการสัมปทานไปแล้ว เพื่อประโยชน์สูงสุดของรัฐ และประชาชน
นายประสิทธิชัย หนูนวล แกนนำขาหุ้น กล่าวว่า วันนี้เครือข่ายขาหุ้นได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดต่าง ๆ ในภาคใต้ เพื่อเรียกร้องให้การสัมปทานปิโตรเลียมของประเทศไทยควรที่จะยกเลิก และเปลี่ยนรูปแบบเป็นการแบ่งปันผลประโยชน์หลายประเทศในโลก รวมทั้งประเทศในอาเซียนต่างทยอยยกเลิกวิธีการสัมปทานไปแล้ว เพื่อประโยชน์สูงสุดของรัฐ และประชาชน
สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้พลังงานแพงเป็นลำดับ 9 ของโลก โดยเฉพาะน้ำมัน ในส่วนของประเทศในแถบอาเซียนประเทศที่อยู่ข้างบ้านของเรา เช่น มาเลเซีย กัมพูชา มีราคาน้ำมันถูกกว่าเรามาก ควรเลิกเอารัดเอาเปรียบประชาชน ให้ประชาชนใช้น้ำมันราคาเท่ากับกัมพูชาก็ยังดี
ด้านนายชัยพร จันทร์หอม กล่าวว่า เวลาประมาณ 14.00 น.วันที่ 22 ต.ค.ที่ศาลากลางจังหวัดตรัง ประชาคมท้องถิ่นตรังและกลุ่มองค์กรภาคีเครือข่าย ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึก เรื่องขอให้หยุดการสัมปทานรอบที่ 21 ต่อนายกรัฐมนตรี ผ่าน พ.อ.อัษฎา แสงฤทธิ์ รองผอ.รมน.ตรัง
เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกระบุว่า การสัมปทานตามพ.ร.บ. ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 ก่อให้เกิดการสูญเสียอธิปไตยด้านปิโตรเลียม 3 ประการสำคัญ คือ กรรมสิทธิ์ในปิโตรเลียม กรรมสิทธิ์ในข้อมูลปิโตรเลียม กรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์การผลิต ซึ่งดำเนินการมากว่า 40 ปี ส่งผลให้ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากปิโตรเลียมของประเทศนั้นน้อยลง รัฐได้ประโยชน์จากการสัมปทานน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งประชาชนต้องใช้ปิโตรเลียมในราคาสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นทั่วโลก การจัดสรรการขุดเจาะปิโตรเลียมรอบใหม่จึงควรสร้างระบบ กติกาเพื่อให้รัฐมีอำนาจอธิปไตยในปิโตรเลียม และจัดสรรเพื่อประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชนเสียก่อน
จึงเห็นพ้องกับข้อเสนอปฏิรูปพลังงานของขาหุ้นปฏิรูปพลังงานตรัง และพี่น้องประชาชนขาหุ้นปฏิรูปพลังงานทั่วประเทศ และขอให้ท่านพิจารณาระงับการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 เอาไว้ก่อนจากว่าจะมีการแก้ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ที่ทำให้รัฐมีอำนาจอธิปไตยในปิโตรเลียมและจัดสรรเพื่อประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน เช่นการเปลี่ยนระบบสัมปทานเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต เพื่อให้รัฐได้อธิปไตยด้านปิโตรเลียมคืนมา
นายอัครเดช ฉากจินดา เครือข่ายขาหุ้น จ.กระบี่ กล่าวว่า การสัมปทานตาม พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514ก่อให้เกิดการสูญเสียอธิปไตยด้านปิโตรเลียม 3 ประการสำคัญ คือ กรรมสิทธิ์ในปิโตรเลียม กรรมสิทธิ์ในข้อมูลปิโตรเลียม กรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์การผลิต ซึ่งดำเนินการมากว่า 40 ปี ส่งผลให้ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากปิโตรเลียมของประเทศนั้นน้อยลง รัฐได้ประโยชน์จากการสัมปทานน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งประชาชนต้องใช้ปิโตรเลียมในราคาสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นทั่วโลก การจัดสรรการขุดเจาะปิโตรเลียมรอบใหม่จึงควรสร้างระบบ กติกา เพื่อให้รัฐมีอำนาจอธิปไตยในปิโตรเลียมและจัดสรรเพื่อประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน เสียก่อน
ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจังหวัดกระบี่ จึงขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาระงับการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 เอาไว้ก่อน จนกว่าจะมีการแก้ไขพรบ.ปิโตรเลียมที่ทำให้รัฐมีอำนาจอธิปไตยในปิโตรเลียมและจัดสรรเพื่อประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชนเช่นการเปลี่ยนระบบสัมปทานเป็นระบบแบ่งปันผลผลิตเพื่อให้รัฐได้อธิปไตยด้านปิโตรเลียมคืนมาทั้งนี้หากไม่มีการระงับการสัมปทานรอบ 21 ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจังหวัดกระบี่จะดำเนินการเรียกร้องเพื่อให้มีการยุติในรูปแบบอื่นต่อไป
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ