จากกรณีสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ร่วม และตั้งคณะกรรมการอิสระ 6 คน เพื่อสอบสวนกรณีข้อกล่าวหาสื่อมวลชนรับเงินบริษัทเอกชนเพื่อปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามวิชาชีพ โดยอ้างว่าเป็นของฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารครบวงจร ที่มีเนื้อหาสำคัญที่ส่งผลประทบต่อความเชื่อถือของสื่อทั้งระบบ ในช่วงกลางเดือนก.ค.57ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการดังกล่าวตั้งนายกล้าณรงค์ จันทิก อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นประธานคณะกรรมการฯ นั้น
เมื่อเร็วๆ นี้ นายกล้าณรงค์ จันทิก เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ขณะนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว เนื่องจากได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จึงมอบหมายให้นายสัก กอแสงเรือง อดีต ส.ว.และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) หนึ่งในคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ขึ้นมาทำหน้าที่เป็นประธานแทน
ขณะที่ นายสัก ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีนี้ว่า มีความคืบหน้าไปมาก คณะกรรมการฯ อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดข้อมูลและหลักฐานที่ได้รับมาครบถ้วนครบแล้ว ซึ่งในขั้นตอนการดำเนินงานนอกจากจะมีการวิเคราะห์หลักฐานที่ได้มาแล้ว ยังจะต้องดูลึกไปถึงข้อมูลในอดีตที่เกี่ยวข้องกันด้วย
“คณะกรรมการฯ ทุกคนที่เข้ามารับผิดชอบคดีนี้ มีความตั้งใจมาก ที่จะให้ผลการสอบสวนเรื่องนี้ เป็นกรณีศึกษาเชิงประจักษ์ ที่จะนำไปสู่การปฏิรูปโครงสร้างและการทำงานของสื่อมวลชนต่อไป”
เมื่อถามว่า จากหลักฐานที่ได้รับในเบื้องต้น มีการจ่ายเงินซื้อสื่อจริงหรือไม่ นายสักกล่าวว่า “ยังไม่ขอพูดถึงรายละเอียด เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างอ่อนไหว และในการตรวจสอบข้อมูลจะต้องดูทั้งในส่วนขององค์กรสื่อ และบริษัทมหาชน ที่ถูกระบุว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย”
เมื่อถามว่า จะสามารถสรุปผลสอบออกมาได้เป็นทางการเมื่อไร นายสัก ตอบว่า “จะพยายามทำให้เร็วที่สุด ไม่ช้า ก่อนถึงช่วงปีใหม่จะมีความชัดเจน”
เมื่อถามว่า ผลสอบที่ออกมาจะส่งผลต่อการปฏิรูปสื่อได้จริงหรือ นายสัก ตอบว่า ไอันนี้เป็นเรื่องที่สื่อจะต้องไปคิดพิจารณากันต่อไป คณะกรรมการฯ ชุดนี้ได้รับเชิญให้เข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เราก็ทำงานของเราเต็มที่ เมื่อมีผลสอบออกมา สื่อก็จะต้องนำไปพิจารณากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป”
นายสักยังกล่าวติดตลกว่า "คณะกรรมการฯ เราทำงานเต็มที่ และยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องถูกซื้ออย่างแน่นอน"
“สื่อชอบบอกว่า ต้องการควบคุมกำกับดูแลกันเองไม่ให้คนอื่นเข้ามายุ่ง เมื่อมีผลสอบออกมาแล้ว สื่อก็จะต้องพิจารณากันเองว่าจะทำอย่างไร ถ้าอยากจะควบคุมดูแลกันเอง ไม่ต้องการให้ใครเข้ามาคอยควบคุมเรา ก็ต้องพิจารณาตัดสินใจกันเอง ซึ่งเท่าที่ดูท่าทีขององค์กรสื่อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็ให้ความร่วมมือตื่นตัวกันเป็นอย่างดี”
เมื่อถามว่า การปฏิรูปสื่อในกรณีนี้ ควรจะเป็นอย่างไร นายสักตอบว่า “เท่าที่ดูข้อมูลเบื้องต้น เห็นว่าต่อไป การบริหารงานในองค์กรสื่อ ระหว่างฝ่ายบริหาร กับกองบรรณาธิการ อาจจะต้องแยกส่วนออกจากกันให้ชัดเจน”
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ